xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

จาก “คดีดาไฮโซ”ถึงแดงถ่อยยกพลตีคนรักสถาบัน ยุคนี้ “อันธพาลครองเมือง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางดารุณี กฤตบุญญาลัย
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-หวุดหวิดจะเกิดเป็นโศกนาฏกรรมนองเลือดกลางกรุงอีกครั้ง ระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงที่ยกพวกมายั่วยุ กลุ่มมวลชนที่มาให้กำลังใจครูสาวที่ถูกตำรวจกองปราบปรามออกหมายเรียกคดีด่า “ดา ไฮโซ”

ทั้งนี้ ชนวนเหตุของเรื่องราวที่หวิดกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวเกิดขึ้นเมื่อ เวลา 19.10 น.ของวันที่ 31 สิงหาคม 2555ขณะที่ นางดารุณี กฤตบุญญาลัย หรือรู้จักกันดีในนาม “ดา ไฮโซ” แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) วัย 63 ปี พร้อมด้วย นางสณีย์ สราคำ เลขานุการส่วนตัวนั่งรับประทานอาหาร ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อร้าน “เนื้อคู่” ตั้งอยู่ชั้น 4 ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เขตปทุมวัน กทม. ระหว่างนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่ง สวมเสื้อสีดำ เดินเข้ามาถาม “ด่าสถาบันทำไม ? ” ระหว่างนั้นพนักงานของร้านก็ได้เข้ามาห้ามปราม หญิงสาวคนดังกล่าวจึงได้จากไป

ต่อมาเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2555 นางดารุณี ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวน (สบ3) กก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับหญิงสาวรายดังกล่าว ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา พร้อมมอบคลิปเหตุการณ์ในวันดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน

เจ้าของฉายา “ดา ไฮโซ” ให้การว่า หญิงสาวคนนั้นพูดด้วยเสียงอันดัง กลางสถานที่ซึ่งเป็นที่สาธารณะ ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้ประชาชนที่เดินทางผ่านไปมา รู้สึกโกรธแค้นเกลียดชังตน ส่งผลให้ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ช่วยสืบสวนติดตามดำเนินคดีกับหญิงสาวรายนี้ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าเป็นความเข้าใจผิดคิดว่าตนเองเป็นนางดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด นักโทษคดีหมิ่นสถาบันฯ

เบื้องต้น พ.ต.ท.พงษ์ไสว ได้สอบปากคำ นางดารุณี ไว้เป็นหลักฐาน กระทั่งวันต่อมา พ.ต.ท.พงษ์ไสว พร้อมด้วย พ.ต.ท.เกรียงไกร ขวัญไตรรัตน์ พนักงานสอบสวน (สบ.3) กก.1 บก.ป.ก็ได้พา “ดา ไฮโซ” ไปชี้ที่เกิดเหตุและถ่ายภาพไว้ นอกจากนี้ได้สอบปากคำพนักงานภายในร้านที่เกิดเหตุ 2 คน รวมทั้งพยานบุคคลแวดล้อม พร้อมกันนั้นได้ประสานขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของห้างสรรพสินค้าดังกล่าว เพื่อเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน และได้ภาพจากกล้องวงจรปิด แต่ยังไม่ทราบชื่อจริงและที่อยู่ของหญิงคนดังกล่าว

“ทั้งนี้ขึ้นอยู่ว่าทางผู้บังคับบัญชาว่าจะพิจารณาสั่งการจะให้กองปราบ ดำเนินการ หรือส่งคดีไปให้ตำรวจ สน.ปทุมวัน พนักท้องที่เกิดเหตุเป็นผู้ดำเนินการเองก็ได้ ส่วนข้อกล่าวหาที่ นางดารุณี เข้าแจ้งความไว้ก็คือ คดีหมิ่นประมาท ด้วยการป่าวประกาศ ซึ่งคดีดังกล่าว มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ” พนักงานสอบสวน กล่าว

ต่อมาเจ้าหน้าที่ ได้รวบรวมพยานหลักฐานประกอบด้วยพยานทั้งหมด 5 ปาก ทั้งหมดต่างให้การตรงกันว่าขณะเกิดเหตุเห็นผู้ถูกกล่าวหามายืนด่าทอ นางดารุณี โดย กล่าวหาว่า “ดา ไฮโซ” จาบจ้วงสถาบัน ไม่ควรที่จะเดินทางกลับประเทศ

นอกจากพยานแวดล้อมแล้ว พนักงานสอบสวนยังได้หลักฐานเป็นภาพของผู้ต้องหาจากใน กล้องวงจรปิดของห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน และคลิปภาพจากเว็ปไซต์ยูทูบ ที่มีการเผย แพร่ออกไป ซึ่งสามารถเห็นใบหน้าของผู้ต้องหาค่อนข้างชัดเจน แต่ก็ยังไม่ทราบ ชื่อและนามสกุลจริง

ต่อมา พนักงานสอบสวนได้นำสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าว ไปยื่นต่อศาลอาญา เพื่อขออนุมติออกหมายจับกุมผู้ต้องหา ในข้อหา หมิ่นประมาท ด้วยการป่าวประกาศ แต่ ศาลอาญาพิจารณา แล้วมีความเห็นว่าลำพังแค่เพียงหลักฐานรูปภาพของผู้ต้องหาที่พนักงานสอบสวนนำมามอบให้พิจารณาแล้ว เห็นว่ายังไม่พอเพียง ขอให้พนักงานสอบสวน ไปทำการรวบรวมหลักฐานมาใหม่ โดยเฉพาะชื่อและนามสกุลจริงของผู้ต้องหา ซึ่งถ้าทราบก็ให้นำมายื่นขออนุมัติใหม่ออกหมายจับกุมต่อไป

จากนั้นไม่กี่วัน มีพยานปากสำคัญที่ได้ดูคลิปดังกล่าวในเว็บไซต์ยูทูบ ก็โทรศัพท์มาแจ้งเบาะแสกับ นางดารุณี โดยพยานจำได้ว่าหญิงสาวคนดังกล่าวน่าจะเป็น น.ส.มนัสนันท์ หนูดำ อายุ 31 ปี อดีตครูโรงเรียนนานาชาติ พนักงานสอบสวนจึงเรียก “ ดา ไฮโซ” มายืนยันโดยให้ดูรูปจากทะเบียนราษฎร์ปรากฏว่า นางดารุณี ยืนยันว่าเป็นคนที่ด่าตนจริงๆ พนักงานสอบสวนจึงออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 25 กันยายน

เมื่อเรื่องดังกล่าวทราบถึงประชาชนที่รักความยุติธรรม และเกิดความเห็นอกเห็นใจอาจารย์สาวเนื่องจากเห็นว่าพยายามปกป้องสถาบัน ด่าคนที่ขึ้นเวทีกลุ่มคนเสื้อแดง ดังนั้นเช้าวันที่ 25 กันยายนประชาชนกว่า 500 ก็ได้เข้าให้กำลังใจครูสาวที่กองปราบปราม นำโดย นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ทราบเรื่องและยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือด้านคดี

“สำหรับคดีที่เกิดขึ้นส่วนตัวแล้วเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่มีความผิด เพราะประการแรก อาจารย์คนนี้ไปถามนางดารุณีว่าไปต่อว่าทำไม เป็นการถามคำถามที่ไม่ยืนยันข้อเท็จจริง ดังนั้นนางดารุณีจะตอบว่าด่าหรือไม่ด่าเพราะอะไร มีสิทธิจะตอบ แต่ถ้าลำพังคำถามแค่นี้ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทเด็ดขาด”

“เราได้รับทราบจากสื่อว่านางดารุณีต่อว่าอาจารย์ท่านนี้ว่าบ้า คำว่าบ้าเป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้า มีความผิดตามกฎหมายอาญา ประเด็นต่อไปเมื่อมีการพูดคุยอะไรกันซึ่งเราไม่ทราบ แต่หากเป็นการต่อว่ากันไปมาก็เป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้าซึ่งเป็นคดีที่กองปราบปรามไม่ควรจะรับไว้เพราะว่าในรูปคดีลักษณะนี้ตำรวจโรงพักก็ทำได้แต่ตำรวจกองปราบปรามเป็นหน่วยงานที่ทำคดีใหญ่ๆ ไม่ใช่คดีฝนตกขี้หมูไหลก็รับไว้หมดจึงได้ปรึกษากับตำรวจแล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ฝากให้พิจารณาว่าหากการกระทำความผิดของอาจารย์คนนี้ไม่ถึงกับเป็นคดีอาญาก็อย่าได้ทำคดีต่อไป นายสุวัตรกล่าวขณะเดินทาง เข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผู้บังคับการกองปราบปราม ( รอง ผบก.ป.) เพื่อสอบถามรายละเอียดของคดี

ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า พนักงานสอบสวนจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย โดยได้นัดหมายผู้ถูกกล่าวหาให้มาพบพนักงานสอบสวนอีกครั้งในวันที่ 29 ตุลาคม เวลา 09.00 น. โดย นายสุวัฒน์ เป็นทนายความให้กับผู้ถูกกล่าวหา หากผู้ถูกกล่าวหาจะแจ้งความกลับก็เป็นสิทธิที่สามารถดำเนินการได้ ส่วนจะส่งคดีไปให้ตำรวจท้องที่ดำเนินการต่อหรือไม่นั้นจะให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ไม่น่าเกิดก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 100 คน ได้มาก่อกวนโดยตะโกนด่า และเขียนป้ายโจมตี ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันเล็กน้อยบริเวณด้านหน้ากองปราบ

จากนั้นความรุนแรงก็เริ่มคุกรุ่นขึ้น เมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงจาก จ.ปทุมธานี ประมาณ 20 คน พร้อมรถ กระบะขยายเสียงของวิทยุชุมชนคนเสื้อแดง อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี 2 คัน โดยหนึ่งอยู่บนถนนพหลโยธินฝั่งขาเข้าใกล้โรงเรียนหอวัง ส่วนอีกคันอยู่ถนนพหลโยธินฝั่งขาออกใกล้กับโรงเรียนสตรีวรนาถ ระหว่างนั้นก็เกิดเหตุวุ่นวายเมื่อมีการด่าทอและก่อนเหตุการณ์จะบานปลายมีการใช้ของแข็งที่หยิบจับได้ ขวดน้ำ รวมทั้งก้อนหินขว้างใส่กันและกัน

พ.ต.อ.สมชาย เกาสำราญ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ฐิติวัฒน์ สุริยฉาย ผกก.3 บก.ป. จึงเรียกกำลังตำรวจคอมมานโด 50 นาย นำโล่เข้ามาช่วยระงับเหตุและแยกคนทั้งสองกลุ่มออกจากกัน โดยให้กลุ่มคนเสื้อแดงเข้าไปอยู่ภายในรั้วกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) และถอยเข้ามาด้านในบริเวณ บก.ป. ทั้งนี้ระหว่างเกิดเหตุชุลมุนได้มี น.ส.วิศรแดง ไตรสุวรรณ อายุ 35 ปี คนเสื้อแดง อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ถูกก้อนหินขว้างใส่ที่หางคิ้วซ้ายแตก

ระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายธัชชัย สุธีโสภณ อายุ 48 ปี ชาวกรุงเทพฯที่มาให้กำลังใจอาจารย์สาว เนื่องจากต้องสงสัยว่ามีอาวุธ ระหว่างนั้นก็เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นเมื่อนายธัชชัย ถูกมือดีทำร้ายจนท้ายทอยแตกเลือดอาบ แต่เมื่อตรวจค้นแล้วไม่พบอาวุธแต่อย่างใด

ต่อมาวิทยุชุมชนคนเสื้อแดงได้ประโคมข่าวระดมกำลังว่า กลุ่มคนเสื้อแดงถูกรุมทำร้ายและถูกล้อมกรอบอยู่ในกองปราบปราม ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนอาจารย์สาวก็เริ่มทยอยกันกลับบ้าน และเหลือไม่กี่สิบคน ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงมาสมทบกันที่หน้าอาคารรสา ซ.พหลโยธิน 19 ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม กองปราบปราม ประมาณ 500 คน ทำให้สถานการณ์บริเวณดังกล่าวตึงเครียดขึ้นมาทันที

จากนั้น เจ้าหน้าที่ปราบจลาจล บก.น.2 จำนวน 150 นายเข้ากันไม่ให้มีการปะทะกัน แต่กลุ่มคนเสื้อแดงที่มีกำลังมากกว่าก็ได้ปิดประตูตีแมวล้อมและทำร้ายกลุ่มผู้มาให้กำลังใจอาจารย์สาวจนได้รับบาดเจ็บอีก 3 ราย หนึ่งในนั้นมี นายเผด็จโชค อภิสิทธิ์นิรันดร์ ผู้สื่อข่าวนิวพลัส ถูกผู้ชุมนุมเสื้อแดงล็อคคอและต่อยด้วย

เหตุการณ์ไล่ทำร้ายกันกลางถนนคงไม่เกิดขึ้นแน่ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาจริงเอาจังโดยการกันกลุ่มคนเสื้อแดงให้ออกไปจากบริเวณด้านหน้ากองปราบปราม เพื่อไม่ให้มีการปะทะกัน แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่กลับปล่อยให้กลุ่มเสื้อแดงยั่วยุ โดยได้แต่มองมองตาปริบๆ เดชะบุญที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิต ไม่เช่นเหตุการณ์บานปลายกลายเป็นโศกนาฏกรรมอีกครั้งระหว่างประชาชนสองกลุ่มอย่างแน่นอน

หมายเหตุ : ตอนนี้ 'ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์' มีแฟนเพจแล้วนะครับ ขอเชิญท่านผู้อ่านร่วมพูดคุย แสดงความคิดเห็นกันได้ที่ http://www.facebook.com/#!/Astvmanagerweekend
ภาพเหตุการณ์ที่นางดารุณีถูกตั้งคำถามเรื่องสถาบัน
กำลังโหลดความคิดเห็น