xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ฟันรถหรูเลี่ยงภาษี รับเลขาป.ป.ท.คนใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-การประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาบอกกับนักข่าวว่า ครม.มีมติเห็นชอบ

การแต่งตั้งโยกย้าย พ.ต.อ.โภคพิบูลย์ โปตระนันท์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ(ป.ป.ท.) แทนพ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ ซึ่งครม.ได้มีมติไปก่อนหน้านี้ให้ไปเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม

แต่รองนายกฯท่านนี้ กลับไม่ตอบว่า เหตุใดชื่อของเลขาธิการป.ป.ท.คนใหม่ จึงเปลี่ยนจากเดิมที่เป็นชื่อของพ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)

ซึ่งก่อนหน้าพ.ต.อ.ประเวศน์ ก็มาให้ข่าวเหมือนกับว่า บารมีไม่ถึง รอบายดีกว่า

หวยเลยมาลงที่ “พ.ต.อ.โภคพิบูลย์” พ่อนักแสดงสาว “ตอง” ภัครมัย โปตระนันท์ แบบพลิกโผ!

หลังมีมติ ครม.ออกมา “ว่าที่เลขาปปท.คนใหม่” ซึ่งตำแหน่งนี้ต้องรอการโปรดเกล้าฯ

เบื้องต้น บอกว่า จะเข้าไปสานงานต่อจาก “พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ” เลขาธิการคนปัจจุบันที่ทำไว้ เพราะคงไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงได้
“ยอมรับว่ามีความหนักใจเพราะอายุราชการเหลือเพียงปีเดียว อยู่กรมคุมประพฤติมีข้าราชภายใต้บังคับบัญชากว่า 2 พันคน แต่ ปปท.มีอัตรากำลังเพียง 200 คน ที่ผ่านมาจึงปฎิเสธ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ไปถึง 3 ครั้ง แต่เมื่อครม.มีมติก็ต้องปฎิบัติตาม

สำหรับประวัติ “พ.ต.อ.โภคพิบูลย์” ปัจจุบันอายุ 59 ปี เริ่มรับราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติจนถึงปี 2544 ดำรงตำแหน่งรองผู้บังคับการตำรวจเศรษฐกิจ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ต่อมาในปี 2546 ได้โอนย้ายมาเป็นข้าราชการพลเรือนในตำแหน่งรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ปี 2548 ย้ายเป็นรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ปี 2551 เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรมระดับ 10

ในปี 2554 พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ได้แต่งตั้งให้เป็นอธิบดีกรมคุมประพฤติก่อนจะสลับย้ายให้เป็นเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตในภาครัฐ(ปปท.)เพื่อแก้ปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่ลงตัว

ยังพบว่า “พ.ต.อ.โภคพิบูลย์” มีความสายสัมพันธ์กับนักการเมืองทั้งซีกฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน โดยผลงานในขณะเป็นรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้เข้าไปเปลี่ยนแปลงระบบการจัดซื้ออาหารนักโทษครั้งใหญ่ โดยเฉพาะการเปลี่ยนให้กินข้าวแดงซึ่งใช้เลี้ยงนักโทษมานานกว่า 90 ปีมาเป็นข้าวขาว

หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา คนในรัฐบาลออกมายืนยันว่า การเปลี่ยนตัวเลขาธิการ ปปท. ไม่ใช่เหตุที่มีการสอบสวน ไปพบ “ตอ” ที่ชื่อ “เจ๊ ด.”เข้ามาเอี่ยวกับการทุจริตหลายด้าน โดยเฉพาะงบประมาณน้ำท่วมในภาคอีสาน ปี 2554

ต่อไปนี้ก็ต้องรอดูว่า “พ.ต.อ.โภคพิบูลย์” จะส่งเรื่องที่ “เลขาธิการคนเดิม” ทำไว้ ไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบ ปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)

สั่งฟันคดีใดเป็นคดีแรก

เพราะล่าสุด “พ.ต.อ.ดุษฎี” เลขาธิการ ป.ป.ท.คนปัจจุบัน ได้นัดหมายกับ “นายอภินันท์ อิศรางกูร ณ อยุธยา” เลขาธิการ ป.ป.ช. นำเอกสารการสอบสวนคดี “รถหรูเลี่ยงภาษี”ที่มีใบปลิวว่อน ปปท.เมื่อไม่นานมานี้ว่า “ลูกสาว เจ๊ ด.”มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

เพราะมีเอกสาร ชัดเจนทั้ง เอกสารการรับเงินปลอม (ใบอินวอยซ์) , รายชื่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และข้อมูลต่างๆที่เจ้าหน้าที่ป.ป.ท.วิเคราะห์ได้จากใบอินวอยซ์ไปมอบให้ป.ป.ช.รับไปดำเนินการต่อ

เนื่องจากผลการตรวจสอบเชิงลึกพบว่ามีข้าราชการระดับสูงเข้าไปเกี่ยวข้องหลายราย รวมทั้งนักการเมืองระดับชาติบางรายที่อยู่เบื้องหลัง นอกจากนี้เรื่องดังกล่าวถือว่าสร้างความเสียหายมหาศาลมูลค่านับหมื่นล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้กรมศุลกากรได้สั่งลงทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ซึ่งใช้วิธีการหลบเลี่ยงภาษีไปแล้วจำนวน 40 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการปล่อยรถยนต์หลังกล่าวออกไปหลายพันคัน ส่วนเจ้าหน้าที่อีก 68 คนที่ตรวจสอบพบว่าเข้าไปเกี่ยวข้องเพิ่มเติม
ป.ป.ท.จึงได้ส่งรายชื่อให้กับกรมศุลฯเพื่อดำเนินการต่อไปยังชะงักอยู่ โดยกรมศุลฯขอให้ป.ป.ท.ส่งมอบตัวอย่างพฤติการณ์ความผิดของเจ้าหน้าที่ทั้ง 68 รายไปให้ตรวจสอบ

พ.ต.อ.ดุษฎี บอกว่า “ผมยอมรับว่าไม่มั่นใจการทำงานของผู้ที่จะมาทำหน้าที่ต่อ นอกจากนี้การตรวจสอบเรื่องดังกล่าวยังมีข้อมูลต้องตรวจสอบอีกมากโดยเฉพาะการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังไปจนถึงปี 2551 แต่ขณะนี้ตรวจสอบแค่ปี 2554-2555 เท่านั้นการดำเนินคดีดังกล่าวจำเป็นต้องรวบรวมหลักฐานให้รอบคอบ เพราะอาจส่งผลกระทบกับคดีอื่นหากถูกสั่งไม่ฟ้องตั้งแต่คดีแรก”

เรื่องนี้ แหล่งข่าวจากป.ป.ท.ระบุว่า ตัวแทนบริษัทนำเข้ารถยนต์หรู ได้เดินทางมาพบพ.ต.อ.ดุษฎี ในช่วงบ่ายวันที่ 19ก.ย. เนื่องจากอึดอัดจากพฤติกรรมของนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงบางคนบางกลุ่มที่มีการร้องขอว่า หากต้องการนำรถเบนซ์เข้ามาจำนวน 20 คันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จะต้องจ่ายค่าดำเนินการเป็นรถเบนซ์จำนวน 1 คัน

ขณะที่ นายภักดี โพธิศิริ กรรมการป.ป.ช. ก็ยอมรับว่า ข้อมูลคดีรถหรูเลี่ยงภาษี ที่ป.ป.ช. จะมาดำเนินการการต่อ เป็นคดีดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับบริษัทผู้เสียหายในต่างประเทศ ซึ่งป.ป.ช.มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการประสานงานกับต่างประเทศอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นทางสถานทูตอังกฤษ หรือเจ้าหน้าที่ศุลกากรต่างประเทศ เพราะคดีนี้ไม่ว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะเป็นข้าราชการระดับต่ำกว่าซี 8 หรือสูงกว่า ซี 8

รวมทั้งผู้บงการอยู่เบื้องหลัง ป.ป.ช.สามารถดำเนินการได้ทันที่โดยการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาไต่สวน หรืออาจใช้ข้อมูลของคณะอนุกรรมการป.ป.ท.มาประกอบมาพิจารณาคดีได้ เนื่องจากคดีมีมูลค่าความเสียหายนับหมื่นล้านบาท

ดังนั้นเชื่อว่าคดีนี้จะเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่คนเกี่ยวข้องหนาวๆร้อนๆแน่

เพราะคดีนี้“พ.ต.อ.ดุษฎี” นำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยตัวเอง ที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เมื่อต้นปีที่ผ่านมา

พบพฤติการณ์เลี่ยงภาษีศุลกากรโดยนำรถยนต์ใหม่หรู ราคาแพงเข้ามาในราชอาณาจักรช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เช่น เฟอรารี่ ,ปอเช่ร์ ,ออดี้ ,เบ็นลี่ ,แลมโบกินี่ พบว่ามีการสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริง เช่น รถยนต์ใหม่นำเข้ายี่ห้อหนึ่ง ราคาประเทศผู้ผลิตคันละ 189,900 เหรียญสหรัฐฯ อัตราแลกเปลี่ยนเงินไทย 30.90 บาท แต่ผู้นำเข้าได้สำแดงราคากับกรมศุลกากรว่า รถยนต์ยี่ห้อดังกล่าวมีราคา 43,650 เหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทย 1,348,959 บาท คิดเป็นภาษีทั้งหมด 4,424,585 บาท จะเห็นได้ว่าผู้นำเข้าแจ้งต่ำกว่าราคาจริงถึง 4 เท่า ทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากภาษีคันละ 16 ล้านบาท ล่าสุดการเปิดตัวรถเบ็นลี่โฉมใหม่ ในงานมอเตอร์โชว์ ขายในราคา 36 - 39 ล้านบาท แต่ขบวนการเกรย์มาร์เก็ตแจ้งนำเข้าแค่ 1.3 ล้านบาท เสียภาษี 3.4 ล้านบาท รวมราคาขายไม่ถึง 6 ล้านบาท”

ในการตรวจสอบระหว่างวันที่ 29-30 มี.ค. พบมีรถยนต์ใหม่นำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยพบหลักฐานเชื่อว่าสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริงจำนวน 120 คัน และก่อนหน้านี้ยังพบว่ามีผู้นำเข้ารถยนต์ยี่ห้อเฟอรารี่จำนวน 26 คัน ที่สำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริง 2-4 เท่า ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 10 ล้านบาทต่อคัน นอกจากนี้ยังพบข้อมูลการนำเข้ารถยนต์ใหม่จากต่างประเทศวันละ 60 คันเฉลี่ยเดือนละ 1,200 คัน ซึ่งการเลี่ยงภาษีทำให้รัฐสูญเสียรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาทต่อเดือน

ขอย้ำคำพูด ของพ.ต.อ.ดุษฎี ที่บอกว่า ต้องมาทำคดีด้วยตัวเอง เพราะก่อนหน้านี้ ป.ป.ท.เคยทำหนังสือขอข้อมูลจากกรมศุลกากรเกี่ยวกับรายละเอียดการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ตรวจปล่อยรถยนต์ว่าได้รับคำสั่งจากใคร วันที่เท่าไหร่ รับรายการนำเข้ารถยนต์หรูกี่คัน แต่ข้อมูลที่ได้รับไม่สามารถนำมาใช้ตรวจสอบได้

รวมถึงล่าสุดกรมศุลกากรยังได้ทำหนังสือมายัง ป.ป.ท.เพื่อขอใบนำเข้าสินค้า และสำเนาใบอินวอยซ์ ทั้งที่จริงเอกสารเหล่านี้เป็นเอกสารสำคัญที่กรมศุลกากรสามารถตรวจสอบได้จากหน่วยงานตัวเองอยู่แล้ว

พ.ต.อ.ดุษฎี คงกังวล เกรงว่าคดีประเภทนี้จะไปซ้ำร้อยกับที่ เมื่อเร็วๆนี้ “นายธาริต เพ็งดิษฐ์” อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีคำสั่งไม่ฟ้องคดีนำเข้ารถยนต์ “MAYBACH” 3 คันจากประเทศเยอรมัน (ข้อมูลจากสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org)ทั้งผู้นำเข้ารถและอดีตรองนายกฯและรัฐมนตรี และสั่งคืนรถของกลาง ทั้งๆที่มีพยานหลักฐานเอกสารและผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษมีรายละเอียดแน่นหนาชัดเจนว่าเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 และหลีกเลี่ยงข้อห้ามข้อจำกัดการนำเข้ารถยนต์เก่าใช้แล้วตามประกาศกระทรวงพาณิชย์
แต่คดีนี้ มั่นใจได้เลย เพราะได้ถึงมือ ปปช.แล้ว!
 พ.ต.อ.โภคพิบูลย์ โปตระนันท์
กำลังโหลดความคิดเห็น