“อธิบดีดีเอสไอ” อ้างมีหน้าที่ฟันคนผิดทุกฝ่าย รื้ออดีตโวเป็นส่วนหนึ่งทำเผาเมืองยุติ แถมแจ้งข้อหาฟันแดงฮาร์ดคอร์จนขึ้นศาลได้ จวก “มาร์ค-เทือก” ลืมไปแล้ว ยันทำคดีโดยเสมอภาค พร้อมแฉความลับรายงานต่อ “อภิสิทธิ์” เองว่าเจ้าหน้าที่รัฐสังหารรวม 36 ศพ อ้างศาลสั่งคดีแท็กซี่แดงทำกรมฯ ต้องดำเนินคดีต่อ เชื่อไม่มีใครอยากฆ่า ซัด ศอฉ.ไม่รอบคอบก็ต้องโดน อ้อนขอความเป็นธรรมเจ้าหน้าที่เสียขวัญ ชูผล คอป.ชัดบกพร่อง เผยฝั่งรัฐแค่คดีแรก แดงโดนแล้ว 213 ปัดมีใบสั่ง ไม่ได้เปลี่ยนสี ลั่นไม่เสียสติทำตัวให้ติดคุก
วันนี้ (20 ก.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แถลงข่าวกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าดีเอสไอตั้งธงการดำเนินคดีและจะแจ้งข้อกล่าวหากลับว่า ตามที่นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ระบุว่าการที่ดีเอสไอโดยนายธาริต จะแจ้งข้อหาความผิดฐานก่อให้บุคคลอื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผลว่าเป็นการตั้งธงที่มุ่งหมายจะเล่นงานนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพนั้น ตนอยากบอกว่าดีเอสไอเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ในเมื่อเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบอย่างรุนแรงช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 ได้ถูกยกระดับให้เป็นคดีพิเศษ ดีเอสไอก็มีหน้าที่ดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดทุกคนและทุกฝ่าย
นายธาริตกล่าวว่า อยากจะขอทบทวนความทรงจำของนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ รวมถึงสาธารณชนว่า ช่วงเหตุการณ์ความไม่สงบครั้งนั้น ไม่ใช่ดีเอสไอหรอกหรือที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เหตุการณ์ยุติลงได้ ด้วยการดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดและจริงจังกับผู้กระทำผิด โดยเฉพาะกลุ่มฮาร์ดคอร์ของ นปช. ดีเอสไอดำเนินคดีฐานก่อการร้าย ฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ ฐานกระทำต่ออาวุธยุทธภัณฑ์ของราชการทหารอย่างไม่มีละเว้น มีผู้ต้องหาจำนวนกว่า 100 คนถูกจับกุมถูกดำเนินคดี จนอัยการสั่งฟ้องคดีและศาลก็รับฟ้องคดีไว้พิจารณา ดีเอสไอไม่ควรกล่าวถึงคดีเหล่านี้ เพราะเรื่องพ้นมือดีเอสไอแล้ว และอยู่ระหว่างศาลสืบพยาน อาจเป็นกลายเป็นการละเมิดอำนาจศาล
“ตอนนี้พวกฮาร์ดคอร์เหล่านั้นกำลังถูกศาลพิจารณาคดี สุดท้ายจะมีความผิดอย่างไร ต้องรับโทษเพียงใดก็จะปรากฏผลในที่สุด แต่ดูเหมือนว่านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ จะลืมไปแล้ว แน่นอนดีเอสไอไม่ควรพูดเรื่องเหล่านี้ แต่ถ้าวันนี้เราไม่พูด ทุกคนจะลืมหมด แล้วทุกคนก็จะคิดว่านายธาริตคนนี้มุ่งจะเล่นงานพรรคประชาธิปัตย์” นายธาริต กล่าว
นายธาริตกล่าวอีกว่า เนื่องจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นมีการสูญเสียอย่างมากทั้งชีวิตและร่างกาย ทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ และพลเรือน เสียชีวิตจำนวนมาก บาดเจ็บอีกกว่า 2,000 ราย ซึ่งอาจเกิดจากต้นเหตุความผิดของทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคือพวกฮาร์ดคอร์ นปช. และฝ่ายรัฐในขณะนั้นคือผู้บริหาร ซึ่งดีเอสไอก็เข้าทำคดีโดยเสมอภาค คดีฝ่ายรัฐที่มีความล่าช้าจนถึงตอนนี้ เพราะขั้นตอนตามกฎหมายที่เนิ่นนานกว่า ต้องส่งศาลไต่สวนเหตุการณ์ตายก่อนว่าเกิดจากฝ่ายรัฐหรือไม่ จึงดูเหมือนว่าดีเอสไอมุ่งเล่นงานแต่พวกฮาร์ดคอร์ของ นปช. แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น ดีเอสไอทำงานตรงไปตรงมาตั้งแต่ต้น
“ผมขอเปิดเผยความลับเลยละกัน ตอนนั้นดีเอสไอทำสำนวนคดีว่าการตายของพลเรือนเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐมากน้อยเพียงใดและเพราะเหตุใด ในสมัยท่านอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี นี่คือสิ่งที่ผมไม่เคยพูด ผมได้เข้าไปพบรายงานท่านเองว่า เบื้องต้นดีเอสไอพบ 11 ศพแล้วที่เกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐทำให้ตาย ผมจึงเรียนท่านว่าต้องส่งศาลไต่สวน ท่านก็บอกเห็นด้วยและสั่งให้ผมไปชี้แจงกับฝ่ายทหารด้วย ผมก็ไปชี้แจง แล้วการสอบสวนจากวันนั้นมาถึงวันนี้มันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนขณะนี้ 36 ศพแล้ว ที่ดีเอสไอเห็นว่าเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องกับการตาย” นายธาริตกล่าว
นายธาริตกล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา ศาลได้มีคำสั่งเป็นศพแรกว่าการตายของนายพัน คำกอง เกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติการตามคำสั่ง ศอฉ. ซึ่งเป็นผลที่ข้อเท็จจริงยุติโดยศาล ดีเอสไออยู่นิ่งเฉยไม่ได้ ก็ต้องเดินหน้าต่อตามข้อกฎหมาย ต้นตอก็ต้องมุ่งไปที่ผู้รับผิดในการออกคำสั่ง ศอฉ. สิ่งนี้คือการดำเนินคดีแบบเสมอภาค
“ไม่มีใครอยากฆ่าใครหรอก เรื่องที่เกิดขึ้น ฮาร์ดคอร์ นปช.ก็ไม่ได้อยากฆ่าทหาร ตำรวจ ทหาร หรือคนออกคำสั่งก็ไม่ได้อยากฆ่า นปช.ฮาร์ดคอร์ แต่เมื่อฮาร์ดคอร์ของ นปช.ทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดี และเมื่อผู้รับผิดชอบฝ่ายรัฐในขณะคือ ฝ่ายบริหาร ศอฉ.ออกคำสั่งไม่รอบคอบ จนอาจเข้าข่ายก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผลก็ต้องถูกดำเนินคดีเช่นกัน ผมขอความเป็นธรรมให้ดีเอสไอด้วย และขอเน้นย้ำว่าดีเอสไอไม่ได้ทำงานตามลำพัง ผมพูดหลายครั้งทำไมต้องมาผูกกับนายธาริตคนเดียว เราทำงาน 3 ฝ่าย คือ ตำรวจ ดีเอสไอ และอัยการ ทุกอย่างจะแจ้งข้อหาใคร ฐานอะไร ต้องมีมติ 3 ฝ่ายร่วมกัน เป็นเช่นนี้ทุกเรื่องทุกคดี ทั้ง นปช. ฮาร์ดคอร์ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เสมอภาคกัน” นายธาริตกล่าว
นายธาริตยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ดีเอสไอถูกโจมตีมาก สาธารณชนอาจเข้าใจผิดได้ว่ากระบวนยุติธรรมผิดเพี้ยนเชื่อถือไม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายต่อสังคม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอส่วนหนึ่งเสียขวัญ เพราะทำงานตรงไปตรงมาเลยถูกกลุ่มคนเกลียดชัง ทั้งฝ่ายเชียร์ นปช. และฝ่ายเชียร์นายอภิสิทธิ์ กับนายสุเทพไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
นายธาริตกล่าวอีกว่า รายงานของ คอป.หน้า 193 ข้อ 2.6.8 เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อทาง ศอฉ.ได้มอบหน้าที่ได้กับเจ้าหน้าที่รัฐไปปฏิบัติการแล้ว จากการสอบถามผู้นำระดับสูงของ ศอฉ.จากทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายปฏิบัติ ปรากฏว่าไม่มีการตรวจสอบผลและการประเมินการปฏิบัติการโดยวิธีอื่นใด นอกจากวิธีการรายงานตามสายงาน ทั้งๆ ที่มีระยะเวลาในการปฏิบัติการยาวนาน 2 เดือน เมษายน-พฤษภาคม ซึ่งหากอ่านจากรายงานของ คอป.ก็ระบุชัดว่าคำสั่งการของ ศอฉ.ก็บกพร่อง ทั้งนี้รายงาน คอป.หน้า 243 ข้อ 5.2.2 คอป.เห็นว่าการกระทำความผิดตามกฎหมาย ผู้กระทำต้องมีความรับผิดชอบตามกฎหมายที่เหมาะสม หากมีการกระทำผิดทางอาญาเกิดขึ้น ผู้กระทำผิดโดยรับผิดชอบต้องรับผิดทางอาญา
“ในสังคมหรือในห้องนี้มีความรักชอบแต่คนละกลุ่มไม่เหมือนกัน ตกลงเราจะเอายังไงครับ ฮาร์ดคอร์ นปช.ผิดฝ่ายเดียว หรือผู้บริหาร ศอฉ.ผิดฝ่ายเดียว ข้อเท็จจริงวันนี้มันปรากฏ นปช.ถูกดำเนินคดี อัยการสั่งฟ้องคดีอยู่ในศาลโอกาสติดคุกก็มี ด้านเจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ไม่ถูกดำเนินคดีเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เพราะมันมีขั้นตอนไต่สวนของศาล แล้วขณะนี้ขั้นตอนการไต่สวนของคดีจบแล้วและศาลชี้แล้วว่า เหตุการตายมันเกิดจากคำสั่ง ศอฉ. และ คอป.ก็บอกว่าเจ้าหน้าที่รัฐบกพร่อง ดีเอสไอฝ่ายดำเนินคดีก็ดำเนินต่อ ต้องมีการรับผิดทางคดีอาญา มันก็ต่างคนต่างผิด ผิดมากผิดน้อยก็ว่ากันไป แล้วกองเชียร์จะเอายังไง กองเชียร์ฝ่ายแดงบอกว่าฝ่ายบริหารต้องผิด กองเชียร์ฝ่ายบริหารบอกว่าแดงผิดหมด แบบนี้มันไม่ใช่ข้อเท็จจริง เหตุที่เกิดขึ้นต่างคนต่างผิด แต่ต่างกันที่บริบท ดีเอสไอก็ทำงานเสมอภาค ทำไปทำมาดีเอสไอถูกเกลียดหมด เพราะทั้ง 2 กลุ่มก็ไม่ชอบดีเอสไอ ตอนนี้เดินไปไหนมีแต่คนเกลียดชัง แดงไม่ชอบ ฝ่ายเชียร์นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพก็ไม่ชอบ” นายธาริตกล่าว
นายธาริตยังกล่าวว่า คดีของนายสุเทพและนายอภิสิทธิ์กำลังจะกลายเป็นคดีที่ 1 เพราะศาลไต่สวนการตายของนายพันเสร็จแล้ว เป็นคดีแรกที่กำลังจะเริ่มต้นตามกฎหมาย ส่วนคดีของฝ่ายแดง ทั้งหมด 213 คดี เหตุก่อการร้ายก่อวินาศกรรม 64 คดี วางเพลิง 62 คดี และคดีอื่นๆ จำนวนหนึ่ง ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมบางคนถูกศาลตัดสินแล้ว 259 คน
“ฝ่ายแดงโดนเข้าไป 213 คดี คนบริหาร ศอฉ.กำลังจะโดนคดีแรก ด่านายธาริตเสียหาย เราลืมอะไรกันไปรึเปล่าครับ ทำไมไม่ดูเหตุการณ์ย้อนหลังกลับไป 2 ปี แล้วว่าดีเอสไอทำงานยังไง แล้วมันจะตั้งธงหรือรับใบสั่งใคร เรื่องเกิดขึ้นกลางบ้านกลางเมืองใหญ่โตขนาดนี้ มันโกหกได้หรือครับ กฎหมายดีเอสไอเขียนชัดเจน ถ้าทำผิดกฎหมาย ต้องรับโทษ 3 เท่า ผมไม่เสียสติหรอกที่จะทำอะไรแล้วต้องไปอยู่ในคุกหรอกครับ ผมแค่เรียนให้ทราบเพื่อความสบายใจ เพราะเพื่อนญาติพี่น้องก็ตั้งคำถามผมว่าทำอะไรอยู่ เป็นอะไร ผมจึงต้องชี้แจงข้อเท็จจริงให้สังคมทราบ นายธาริต ไม่ได้เปลี่ยนสีหรอกครับ ดีเอสไอก็ไม่ได้เปลี่ยนสี อัยการ ตำรวจ ที่มาทำงานกับเราก็ไม่ได้เปลี่ยนสี เรามีสีเดียวคือสีข้าราชการ เราไม่เอาตัวเสี่ยงติดคุกติดตะรางแทนคนอื่น” นายธาริตกล่าว
มีรายงานว่า การแถลงข่าวของนายธาริตได้แถลงด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน โดยระบุว่าได้เขียนร่างคำแถลงข่าวครั้งนี้ด้วยตนเอง และในท้ายคำแถลงยังระบุว่า “ขอเพื่อนสื่อมวลชนได้โปรดลงข้อความที่ได้แถลงอย่างครบถ้วนด้วย” และยังย้ำหลายครั้งในการแถลง
รายงานข่าวแจ้งว่า การแถลงข่าวครั้งนี้เนื่องจากนายธาริตได้ตอบข้อซักถามกับเพื่อนร่วมรุ่น วปรอ.หลายคนเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา หลังจากนายสุเทพออกให้สัมภาษณ์ รวมทั้งญาติของตนเองได้โทรศัพท์มาสอบถามเหตุการณ์ ซึ่งนายธาริตได้อธิบายเหตุผลทั้งหมดเช่นเดียวกับที่แถลงครั้งนี้ ดังนั้นญาติพี่น้อง คนใกล้จึงแนะนำให้นายธาริตแถลงข้อเท็จจริงเพื่อให้สังคมรับทราบเรื่องที่เกิดขึ้น