xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เด้ง "ดุษฎี" พ้นป.ป.ท."พงศพัศ" ผงาดคุม ป.ป.ส. ปิดแผลทุจริต อุดจุดบอดรัฐบาลปู

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 พ.ต.อ.ดุษฎี  อารยวุฒิ
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลโยกย้ายข้าราชการประจำปีเป็นที่เรียบร้อย แต่ถ้าจะกล่าวถึงกระทรวงที่มีข่าวเป็นที่อึกทึกครึกโครม ดูจะหนีไม่พ้นการโยกย้ายข้าราชการประจำกระทรวงยุติธรรม

โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) พ้นจากตำแหน่งไปเป็นรองปลัดกระทรวง (บริหารสูง) สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม นายชาติชาย สุทธิกลม ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ และ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ

นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบแต่งตั้ง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) อีกตำแหน่งหนึ่ง ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยมีกำหนดระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตามที่ต้องโฟกัสคงไม่พ้นรายของ พ.ต.อ.ดุษฎี ที่มีข่าวหนาหูมาแต่แรกว่าเริ่มสั่นคลอนจนถึงขั้นเด้งฟ้าผ่า แม้กระทั่งเจ้าตัวก็ถึงกับออกมายอมรับว่า พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้บังคับบัญชาถึงกับเรียกไปคุยส่วนตัวถึงการโยกย้ายตำแหน่งในครั้งนี้

ทั้งนี้ การเด้ง พ.ต.อ.ดุษฎีก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมใน ป.ป.ท.ไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ได้แต่งชุดสีดำมาทำงานเพื่อเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ว่าไม่เห็นด้วยกับการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติโยกย้ายพ.ต.อ.ดุษฎี พร้อมกันนี้ยังได้รวมตัวกันมอบกระเช้าดอกไม้เพื่อเป็นกำลังใจให้กับ พ.ต.อ.ดุษฎี

อย่างไรก็ดี ยิ่งเมื่อตรวจสอบการทำงานของ ป.ป.ท.ยุคนี้ ที่มี พ.ต.อ.ดุษฎีเป็นหัวเรือใหญ่ด้วยแล้ว ก็ไม่น่าแปลกใจเสียด้วยซ้ำ ว่าจะถูกเด้งให้ไปนั่งในตำแหน่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งไม่ต่างอะไรจากการถูกแขวนเข้ากรุเพราะผลงานชิ้นโบว์แดงของ พ.ต.อ.ดุษฎี ล้วนแล้วแต่แทงใจดำรัฐบาลทั้งสิ้น

ไม่ว่าจะเป็นกรณีสอบโกงงบเยียวยาฟื้นฟูน้ำท่วม 120,000 ล้านบาทซึ่งพ.ต.อ.ดุษฎี เปิดเผยว่า ได้มีการตรวจสอบโครงการค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ มูลค่า 120,000 ล้านบาท ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่โปร่งใส ซึ่งมีการเบิกจ่ายงบมากที่สุดในภาคอีสาน มีการร้องเรียนว่าในบางจังหวัดเรียกค่าหัวคิวถึง 40% และยังมีงบประมาณการบริหารจัดการน้ำครบวงจรอีก 3.5 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลเปิดแข่งขันแนวความคิด โดยเชิญชวนนานาชาติเข้าร่วมและมีเสียงวิจารณ์เรื่องความโปร่งใส

นอกจากนั้นแล้ว ยังมีกรณีสอบโกงจำนำข้าว ป.ป.ท.ได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ปฏิบัติการตรวจสอบเพื่อป้องกันการทุจริตในการรับจำนำข้าวโครงการนี้ ใช้เงินแผ่นดินปีละกว่า 260,000 ล้านบาทซึ่งก็เป็นช่วงประจวบเหมาะที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ถึงการทุจริตจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์หนาหูอย่างช่วยไม่ได้พอดิบพอดี

หรือจะเป็น กรณีโกงภาษีพ.ต.อ.ดุษฎี ตรวจสอบพบรถเลี่ยงภาษีจากอังกฤษ 1,680 คัน ขึ้นบัญชีดำส่งผู้บังคับบัญชากรมศุลกากรจนสั่งย้ายข้าราชการกรมศุลกากร108 คน โดยขบวนการรถหรูเลี่ยงภาษีมีความเชื่อมโยงนักการเมืองในรัฐบาลก่อนหน้านี้เมื่อปี 2551 จนถึงปัจจุบัน เจ้าของเต็นท์รถพยายามวิ่งเต้นผ่านนักการเมืองที่นิยมรถหรูให้นำออกจากท่าเรือแหลมฉบังและลาดกระบัง

กรณีสอบโกงธนาคารของรัฐยุครัฐบาลทักษิณ ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.ดุษฎี เพิ่งจะเปิดเผยว่า ได้ลงนามอนุมัติคดีเจ้าหน้าที่ธนาคารของรัฐปล่อยสินเชื่อวงเงิน 7,500 ล้านบาทให้แก่เอกชนที่ใช้ตั๋วสัญญาการสั่งซื้อข้าวไปสวิสเซอร์แลนด์ปลอมมาค้ำประกันขอเงินกู้ โดยพ.ต.อ.ดุษฏี ยืนยันว่า มีการทำตั๋วสัญญาปลอมหลายใบ และนอกจากรับสินเชื่อจากธนาคารของรัฐแล้ว ยังมีการไปขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์อื่นอีก 3-4 แห่ง รวมมูลค่าความเสียหายมากกว่าหมื่นล้านบาท

ที่สำคัญคือคดีนี้ เกิดขึ้นเมื่อปี 2547 ในสมัยยุครัฐบาลทักษิณ แต่การดำเนินคดีกับผู้บริหารแบงก์รัฐในยุคนั้นก็ค่อยๆ เงียบหายไป กระทั่ง ป.ป.ท.สอบสวนจริงจัง และเตรียมส่งให้ ป.ป.ช.ต่อไป

ว่ากันว่า การออกมาแฉครั้งนี้ของ พ.ต.อ.ดุษฎี ครั้งนี้ได้สร้างความไม่พอใจให้กับหลายคนในรัฐบาล รวมถึง ส.ส.อีสานในพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างมากเพราะพฤติการณ์ดังกล่าวเท่ากับเป็นการฉีกหน้ารัฐบาล และเปิดแผลให้ฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์นำมาโจมตี

และยิ่งเมื่อมาฟังคำให้สัมภาษณ์ ของ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นของชาติ (ภตช.) ที่เข้ามอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจ พ.ต.อ.ดุษฎี ก็จะยิ่งชัดเจนเข้าไปอีก โดยเลขาฯภตช.เปิดเผยว่า สาเหตุการย้าย พ.ต.อ.ดุษฎี เนื่องจากเข้าไปตรวจสอบในเชิงลึกจนทำให้เจอตอ โดยระบุว่างบประมาณโครงการป้องกันน้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาท ทุจริตถึง 2.5 แสนล้านบาท เนื้องานจริงๆ ไม่ถึงหนึ่งแสนล้านบาท โดยมี คุณนาย “ด.” เป็นผู้แบ่งงานรับเหมาทั้งหมด หากกลุ่มก๊วนคุณนาย ด. ทำงานไม่ไหวก็จะกระจายมาให้ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านอีกทอดหนึ่ง มีคนในพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปเกี่ยวข้องประมาณ 30 คน พร้อมระบุชื่อย่อเพียบ

ผลงานปราบโกงของพ.ต.อ.ดุษฎี เสมือนเป็นการตบหน้ารัฐบาลฉาดใหญ่เสียด้วยซ้ำ เพราะไม่นานมานี้ก็ได้ขึงขัง ในการประกาศกวาดล้างการทุจริต ยกใหญ่ แต่แนวทางกับพฤติกรรมกลับขัดแย้งในตัวเอง คือมุมหนึ่งต้องการเดินหน้าปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจัง แต่ในทางปฏิบัติกลับโยกย้ายมือปราบทุจริตไปเข้ากรุ ซึ่งก็ไม่ต่างจากการกลืนน้ำลายตัวเองเฮือกใหญ่เลยด้วยซ้ำ และอย่าได้แปลกใจเลยหากผลงานทั้งหลายของ พ.ต.อ.ดุษฎี ต่อจากนี้ที่ได้ทำมาจะหายกลับเข้ากลีบเมฆไป

ยิ่งเมื่อมาฟังคำให้สัมภาษณ์ พ.ต.อ.ดุษฎี ก็ยิ่งไม่น่าแปลกใจเลย ว่าทำไมรัฐบาลต้องเร่งจัดการเด้งเขาไปให้พ้นๆ เก้าอี้เลขา ป.ป.ท. โดยไว เพราะก็ไม่ได้ต่างจากการทิ้งระเบิดลูกใหญ่เข้าใส่รัฐบาลอีกด้วยซ้ำ

"วันนี้ผมได้สมัครสมาชิก ภตช.แล้ว ซึ่งจะเดินหน้าตรวจสอบการทุจริตต่อไป จะไม่ก้มหัวให้ใคร ทำงานต้องเจอกับอะไรหลายอย่าง เราต้องรับให้ได้ ตนไม่ยึดติดกับตำแหน่ง แม้ว่าจะมีการโยกย้ายไปอยู่ที่อื่น จะเดินหน้าตรวจสอบรัฐบาลอย่างเต็มที่ ถ้าหน่วยงานรัฐพึ่งพาไม่ได้ ก็จะต้องไปพึ่งองค์กรอิสระ

“หากรัฐบาลมัวแต่ทำงานแบบจัดอีเวนต์แบบนี้ ประชาชนคงไม่สามารถพึ่งพาได้ และผมก็ไม่อยากจะพึ่งด้วย ทำงานมันต้องอยู่บนเส้นของความจริง คนดีเราต้องส่งเสริม คนไม่ดีก็ต้องถูกดำเนินคดี”

ถามว่ามีหรือว่าคนแบบนี้ รัฐบาลในระบอบทักษิณจะรับเลี้ยงไว้ให้เปลืองข้าวสุก

เพราะก็เป็นที่ทราบกันอย่างดีว่า หากเกิดแผลในเรื่องการทุจริตคอรัปชันขึ้นมา รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่นับวันมีแต่คะแนนติดลบทางการเมือง จะยิ่งเสียรังวัดแบบกู่ไม่กลับไปกันใหญ่เสียด้วยซ้ำ แถมยังเป็นหน่วยงาน ป.ป.ท.ซึ่งอยู่ในอำนาจ กำกับการดูแลโดยกระทรวงยุติธรรม ยิ่ง พ.ต.อ.ดุษฎี ขยันผิดหูผิดตา เป็นผลร้ายต่อรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ คำตอบสุดท้ายก็ไม่พ้นการตัดไฟแต่ต้นลมเสียจะดีกว่า และหากจะมีใครมานั่งตำแหน่งต่อจาก พ.ต.อ.ดุษฎี ก็เชื่อขนมได้เลยว่าก็คือคนที่ต้องว่านอนสอนง่าย ทำตามใบสั่งของรัฐบาล แบบไม่มีเงื่อนไขเท่านั้น

ขณะเดียวกัน กล่าวในอีกคนหนึ่งที่น่าสนใจ ก็คงเป็นตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือป.ป.ส. ที่ล่าสุดครม.มีมติให้พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ไปนั่งควบอีกตำแหน่งจากที่ตัวเองมีตำแหน่ง รองผบ.ตร

ทั้งนี้ ถ้าจะกล่าวถึงบทบาทที่ผ่านมาของพล.ต.อ.พงศพัศในองค์กรตำรวจ จะพบว่าโดดเด่นในด้านงานมวลชน เป็นที่ยอมรับของสังคมวงกว้าง เป็นขวัญใจชาวบ้านมองแง่นี้ จึงนับว่าเหมาะกับงานป.ป.ส. ที่จะเน้นหนัก สามารถนำองค์กรเข้าประสานกับสังคม สถาบันการศึกษา สถาบันครอบครัว เพื่อร่วมกันหยุดยั้งยาเสพติด ซึ่งก็ถือว่านโยบายยาเสพติดสามารถทำคะแนนนิยมให้แก่รัฐบาลได้เป็นกอบเป็นกำ

กล่าว สำหรับ พล.ต.อ.พงศพัศ ผลงานในอดีตทำงานด้านมวลชนและช่วยเหลือประชาชนมาโดยตลอด มีชื่อเสียงโด่งดังจากโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจ และเมื่อครั้งที่รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศสงครามกับยาเสพติด พล.ต.อ.พงศพัศ ก็เคยทำงานเรื่องการบำบัดและดูแลโครงการชุมชนสีขาวจนประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี มาในครั้งนี้ที่ให้ไปทำงานที่ป.ป.ส. ก็เพื่อใช้ความสามารถเชิงประชาสัมพันธ์ของ พล.ต.อ.พงศพัศ เรียกเรทติ้งสร้างกระแสงานปราบยาเสพติดให้เป็นผลงานชิ้นโบแดงของรัฐบาล

เพราะกวาดตาดูผลงานของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ไม่ได้เห็นว่ามีผลงานใดเข้าตาประชาชนสักกี่มากน้อย ฉะนั้นแล้วคงไม่มีอะไรดีไปกว่าการสร้างภาพในแบบเดิมๆ ด้วยการหากินกับการจับยาเสพติดน่าจะดีที่สุด ประกอบกับผลงานของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ดูแล้วก็ไม่ค่อยมีผลงานอันใดเป็นที่ชื่นใจเสียสักอย่าง ยิ่งเมื่อเจอถูกแฉขยายแผลทุจริต จึงจำเป็นต้องเบรกเกมตัดไฟแต่ต้นลมน่าจะเป็นการดีต่อตัวเองที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น