xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“คำรณวิทย์” ศิษย์ทักษิณ กร่างสมราคา ท้าชนทุกสถาบัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งส่วนใหญ่เป็นชั้นประทวนยศนายดาบ และนายร้อย 53 ที่ได้รับเลื่อนยศเป็นนายร้อยในอายุ 53 ปีม็อบเชลียร์นายที่หน้าพรรคประชาธิปัตย์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-“ไม่เข้าใจว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ยื่นหนังสือเอาผิดกับผม เพราะมีวิสัยทัศน์แค่นั้นหรือ ผมไม่ได้ว่าโจมตีใคร เพราะผมมีเพียงแต่พรรคพวกพี่น้อง และสีกากี ซึ่งผมขอตรวจสอบก่อน และถ้ามีการยื่นหนังสือเอาผิดกับผมจริง โดยวันที่ 18 ก.ย. เวลา 11.00 น. ผมจะไปยื่นหนังสือให้ทางพรรคประชาธิปัตย์ว่าไม่มีเจตนาร้ายอะไรแอบแฝงอยู่ และห้องนั้นเป็นห้องทำงานส่วนตัว จึงติดไว้เพื่อเตือนใจว่าวันนี้จะทำอะไรให้พี่น้องประชาชน แต่ถ้าผมเอารูปโจรผู้ร้ายมาติดต้องคิดอีกว่าจะตามจับคนร้ายได้อย่างไร”

“พรุ่งนี้ผมจะไปยื่นหนังสือที่พรรคประชาธิปัตย์ว่าผมไม่ได้มีเจตนาร้ายแอบแฝง เพื่อให้เข้าใจ ชี้แจงเพื่อวิสัยทัศน์จะดีขึ้นบ้าง การเมืองอย่ามายุ่งกับผม แต่ตัวผมจะทำเพื่อประชาชน ผมอยู่สังกัดพรรคพวกพี่น้อง ตำรวจคนใดจะไปกับผมก็ไปเวลา 11.00 น.”

นั่นคือคำประกาศกร้าว “พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง” ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) ที่ยังคงสำแดงความเป็นมะเขือเทศตัวพ่ออย่างเสมอต้นเสมอปลายจากการที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่นหนังสือต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ตรวจสอบความผิดกรณี พล.ต.ท.คำรณวิทย์นำภาพถ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีในต่างประเทศติดยศให้มาติดโชว์ที่ห้องทำงานที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมกับติดป้ายหินอ่อนมีข้อความเทิดทูน “มีวันนี้เพราะพี่ให้”

กร่างสมราคา ท้าชนทุกสถาบัน สมกับเป็นน้องรักของนักโทษชายหนีคดีทักษิณ ชินวัตรเลยทีเดียว

ทั้งนี้ ความกร่างที่สังคมรับไม่ได้อย่างยิ่งก็คือ การที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ได้เชิญชวนตำรวจมะเขือเทศพันธุ์เดียวกันเดินทางไปหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนั่นมิใช่พฤติกรรมที่ถูกต้องสำหรับความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เพราะมิต่างอะไรไปจากการปลุกม็อบตำรวจให้ร่วมขบวนการเดียวกัน ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว พล.ต.ท.คำรณวิทย์สามารถชี้แจงตามช่องทางต่างๆ ที่กฎหมายให้สิทธิเอาไว้

ที่สำคัญคือ พล.ต.ท.คำรณวิทย์มิได้สำเหนียกเลยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตนเองปลุกม็อบขึ้นมาเพื่อสำแดงความยิ่งใหญ่นั้น มีคดีความและมีหน้าที่ที่จะต้องพึงปฏิบัติตามกิจวัตรประจำวันมากน้อยเพียงใด แล้วเมื่อผู้บังคับบัญชามีคำปรารภออกมาเช่นนั้น มีหรือที่ผู้ใต้บังคับบัญชาจะกล้าไม่เดินทางมา

ดังนั้น จงอย่าแปลกใจที่ประชาชนจะได้เห็นม็อบตำรวจตบเท้าเดินทางกันมาอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนใหญ่ที่เดินทางมาราว 200 นายเป็นตำรวจชั้นประทวนยศนายดาบและนายร้อย 53 ที่ได้รับการเลื่อนยศเป็นนายร้อยในอายุ 53 ปี โดยมี พ.ต.อ.วัชรพงศ์ ดำรงค์ศรี รอง ผบก.น.4 เดินนำขบวนเป็นแถวยาวมาที่หน้าพรรคประชาธิปัตย์

กระทั่งมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงตามมาว่า มิต่างอะไรจากการข่มขู่คุกคาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมออนไลน์ที่เปิดฉากถล่มอย่างหนัก

“ถ้าแบบนี้ไม่จำเป็นต้องมีตำรวจ จะมีไปทำไมในเมื่อตำรวจไม่ทำหน้าที่ ไม่ปกป้องประชาชน และสถาบัน แต่กลับกันไปปกป้องคนผิดกฎหมายคนเผาบ้านเผาเมือง คนขายชาติ”

“ขอส่งเสียงดังๆ ไปถึงทหารว่า ยุบสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปเลย แล้วเอาประชาชน อาสาสมัครมาทำหน้าที่แทน เชื่อว่า ประชาชน จะทำหน้าที่ได้ดีกว่าตำรวจ อย่างน้อยที่สุด การไถประชาชนจากตำรวจบางคนในอดีตจะไม่เกิด การละเลยหน้าที่ไม่ดูแลประชาชน”

และเมื่อถึงวันนัดหมาย ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์จำนวนไม่น้อยจึงพร้อมใจกันเดินทางมาประจันหน้ากับม็อบตำรวจพร้อมด้วยป้ายข้อความวิพากษ์วิจารณ์อย่างสาดเสียเทเสียชนิดที่ทำให้ตำรวจมะเขือเทศทั้งเบื้องสูงและเบื้องต่ำที่ตบเท้ามาให้กำลังใจนายหน้าม้านไปตามๆ กันเลย ทีเดียว

ก่อนที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์จะเปลี่ยนใจและมอบหมายให้ พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ ฉันทะวรลักษณ์ ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (ผบ.ก.สปพ)เข้ายื่นหนังสือต่อนายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ และนายประมวล เอมเปีย ผู้เชี่ยวชาญประจำผู้นำฝ่ายค้าน

“ขอยืนยันว่า ผมไม่ได้กังวล แต่ภาพจะออกมาไม่ดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปเผชิญหน้ากับประชาชนแบบนั้น เพราะว่าตำรวจมีหน้าที่ดูแลประชาชน”พล.ต.ท.คำรณวิทย์ให้เหตุผลที่ยกเลิกเดินทางไปด้วยตนเอง แต่ก็มิวายเหน็บกลับว่า “ทางพรรคประชาธิปัตย์ได้ส่งตัวแทนไปยื่นเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผมจึงให้ ผบก.สปพ.(191) เป็นตัวแทนไปยื่นที่พรรคประชาธิปัตย์บ้าง เพื่อทำความเข้าใจเท่านั้นเองและไม่มีเจตนาอย่างอื่นแอบแฝง”

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงคำพูดและการกระทำทั้งหลายทั้งปวง สังคมไม่อาจเชื่อได้ว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝงและมิอาจมองเป็นอื่นได้ว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์กำลังหลงตัวเอง และกำลังมัวเมาอยู่ในอำนาจจนขาดสติยั้งคิดกระทำในสิ่งที่ถูกที่ควร

ขนาด พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนปัจจุบัน เป็นพี่เขยของ นช.ทักษิณ ยังไม่เคยสำแดงพฤติกรรมเยี่ยงนี้

ขนาด พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนปัจจุบัน ก็ยังไม่เคยสำแดงพฤติกรรมเยี่ยงนี้

แต่ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรในความกร่างของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ที่แสดงออกมาเช่นนั้น ถ้าหากย้อนกลับไปตรวจสอบถ้อยคำทุกถ้อยคำที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ให้สัมภาษณ์ก่อนปลุกม็อบตำรวจไปบุกพรรคประชาธิปัตย์ก็จะพบว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ยังชัดเจนในความเป็นมะเขือเทศของตนเองอย่างเสมอต้นเสมอปลาย

ยกตัวอย่างเช่น การย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “ผมเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ และเคารพรักนักเรียนนายร้อยรุ่นพี่ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ได้สั่งสอนมาตลอดว่า ให้ทำเพื่อประชาชน และถือมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติมาหลายปีแล้ว และทำเพื่อประชาชนจริงๆ ซึ่งการให้ประดับยศถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา อย่างกรณี นายตำรวจ อายุ 53 ปี ที่ติดยศร้อยตำรวจตรี โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญ และได้เดินทางไปติดยศให้ด้วยตัวเองเพราะถือว่าเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลของเขา”

ยกตัวอย่างเช่น การย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “หากทางพรรคประชาธิปัตย์ยื่นเรื่องเอาผิดตน สามารถทำได้ และถ้าทางพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และอึดอัดใจในการทำงานของผม ผมก็ขอยืนยันเพราะเป็นลูกผู้ชายพอว่าผมจะลาออกจากตำแหน่ง ผบช.น. และลาออกจากชีวิตการเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย และไม่ต้องกังวล”

แน่นอน คำพูดดังกล่าวของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ โดยเฉพาะการย้ำว่าถ้ามีการเปลี่ยนขั้วแกนนำรัฐบาลเป็นพรรคประชาธิปัตย์จะลาออกจากตำแหน่งและลาออกจากการเป็นตำรวจย่อมไม่ใช่การแสดงออกถึงความเป็นลูกผู้ชายอย่างที่กล่าวอ้าง หากแต่คือการก้าวร้าวและอวดดีเพราะคิดว่า ตนเองมีฐานสนับสนุนที่ใหญ่กว่าใครในประเทศนี้

เพราะรอยหยักในสมองของเขาคงติดกับดักความเป็นตำรวจมะเขือเทศซึ่งมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้มีบารมีตัวจริงในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ถือหางอยู่ ดังนั้น จึงไม่จำเป็นที่จะต้องกริ่งเกรงอ้ายอีหน้าไหนที่ขวางหูขวางตา

ทั้งนี้ ถ้า พล.ต.ท.คำรณวิทย์มีความเป็นลูกผู้ชายจริงก็ไม่จำเป็นต้องพูด หากแต่ต้องปฏิบัติให้เห็นเมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ และความจริง ณ เวลานี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ก็สมควรที่จะพิจารณาตัวเองด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ผบช.น.และความเป็นตำรวจได้แล้ว เนื่องจากประพฤติตัวไร้เกียรติไม่สมกับยศและตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย ยิ่งเมื่อปลุกม็อบตำรวจด้วยแล้ว ยิ่งสมควรที่จะต้องพิจารณาตัวเองโดยเร็ววัน

นอกจากนั้น สิ่งที่ต้องขีดเส้นใต้สองเส้นเอาไว้ก็คือ พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล้าพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉยว่า “ผมติดรูปคนที่เคารพรักกันไว้ในห้องส่วนตัว เดินเข้าห้องทำงานก็เห็นในสิ่งที่ท่านเขียนและเตือน ทำให้คิดเสมอว่าวันนี้จะทำอะไรเพื่อประชาชน แต่ถ้าเอารูปโจรไปติดก็ต้องคิดอีกอย่างว่า วันนี้จะหาทางตามจับมันได้อย่างไร ความคิดมันจะต่างกัน”

พล.ต.ท.คำรณวิทย์เข้าใจผิดอย่างมหันต์เลยทีเดียว เพราะห้องผู้บัญชาการตำรวจนครบาลนั้น มิใช่ทรัพย์สมบัติส่วนตัว หากแต่ใช้เงินทุกบาททุกสตางค์จากภาษีประชาชน ดังนั้น จึงเป็นพื้นที่สาธารณะ ซึ่งถ้าหาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์จะเทิดทูนบูชา นช.ทักษิณ และนำไปประดับประดาเอาไว้ที่บ้านจะไม่มีใครก่นด่าหรือถามหาต่อมจริยธรรมเลยแม้แต่น้อย

ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ก็เข้าใจผิดอย่างมหันต์เช่นกัน เพราะต้องไม่ลืมว่า พ.ต.ท.ทักษิณที่เขาเคารพรักนั้นคือนักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดินตามคำพิพากษาของศาล อย่างน้อยก็ 2 คดีคือคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ และคดียึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านอันเกิดจากการทุจริตต่อหน้าที่ ซึ่งในฐานะเจ้าพนักงาน พล.ต.ท.คำรณวิทย์จะต้องหาทางลากคอ นช.ทักษิณมาลงโทษตามกฎหมายบ้านเมืองให้จงได้

พล.ต.ท.คำรณวิทย์กำลังส่งสัญญาณปฏิเสธอำนาจศาลต่อสาธารณชนเช่นนั้นหรือ

และถ้า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิเสธอำนาจศาลไทย ต่อไปถ้ามีผู้ต้องหาปฏิเสธคำพิพากษาเช่นกัน แล้วระบอบยุติธรรมในประเทศไทยจะดำรงอยู่ได้อย่างไร ระบบนิติรัฐจะไม่พังพินาศไปหรอกหรือ

สำหรับความคืบหน้าที่ทางพรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์เพื่อเป็นการตอบโต้นั้น เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2555 ที่ผ่านมา นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่ปรึกษา กมธ.ตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ได้ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ตรวจสอบกรณีที่ พล.ต.ท.คํารณวิทย์ ได้ออกข่าวว่าจะเดินทางไปที่พรรคประชาธิปัตย์ และได้มีการใช้อำนาจหน้าที่ในการเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่กดดันข้าราชการตำรวจให้เดินทางไปชุมนุมหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเป็นการกดดัน เพราะเชื่อว่าเป็นการกระทำที่ใช้อำนาจหน้าที่ไปในทางที่มิชอบด้วยวินัยและจริยธรรม

“พล.ต.ท.คํารณวิทย์เป็นคนที่มีความจริงใจ คิดอะไรพูดแบบนั้น แต่สำหรับเหตุการณ์นี้ พล.ต.ท.คํารณวิทย์คงจะคิดน้อยไปหน่อยจนเกิดเป็นความเขลา เพราะหาก พล.ต.ท.คํารณวิทย์จะชอบใครก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติของปุถุชนทั่วไป แต่สำหรับหน้าที่ของข้าราชการตำรวจนั้น มีหน้าที่จะต้องปกป้องผลประโยชน์และดูแลความสงบของประเทศชาติ ซึ่งเมื่อวานนี้ได้มีเหตุการณ์การชุนนุมหน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกาที่ต้องการกำลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ พล.ต.ท.คํารณวิทย์กลับใช้อำนาจที่ตนเองมีอยู่กดดันให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยต้องทำตาม เพื่อจะกดดันให้ได้สิ่งที่ต้องการนั้น เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง จึงต้องการให้กรรมาธิการสืบสวนและตรวจสอบเรื่องดังกล่าว”นายสาธิตระบุ

ขณะที่นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธาน กมธ.ตำรวจ เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสม เพราะถ้าเป็นเรื่องที่มีความเคารพส่วนตัวก็ควรทำในที่ลับ แต่การนำภาพถ่ายมาติดในห้องทำงาน ซึ่งเป็นสถานที่ราชการ ทำให้ภาพลักษณ์เสีย ทั้งที่ตำรวจมีหน้าที่จับกุมผู้ร้ายที่หลบหนีคดี อีกทั้ง ผบช.น. ก็รู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังอยู่ในระหว่าหลบหนี จึงไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นเรื่องของวินัยและถือได้ว่าจริยธรรมของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์แย่มาก โดยคณะกรรมาธิการจะมีการพิจารณาทันทีในสัปดาห์หน้า

ขณะเดียวกันจะมีการพิจารณา กรณีที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลมาชุมนุมหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นจำนวนมากด้วย โดยจะมีการสอบสวนข้อเท็จจริงว่า การที่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาพรรคประชาธิปัตย์จำนวนมากแต่ละคนมีภาระหน้าที่จะต้องดูแลทุกข์สุขประชาชนอยู่หรือไม่ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์ได้ถ่ายภาพวีดีโอเป็นหลักฐานไว้หมดแล้ว รวมทั้งกรรมาธิการจะตรวจสอบว่ามีการสั่งให้ขนคนเดินทางมาหรือว่ามากันเองเพราะทราบมาว่ามีการสั่งการด้วยวาจา

ทั้งนี้ นายสมชายกล่าวด้วยว่า ในความเป็นจริงแล้ว พล.ต.ท.คำรณวิทย์ สามารถยื่นเรื่องที่ไหนหรือในลักษณะใดก็ได้ ไม่ใช่การเอาตำรวจมากดดัน เพราะตำรวจมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยไม่ใช่ก่อม็อบ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นพฤติกรรมที่ล่อแหลมให้เกิดความรุนแรง อีกทั้งตำรวจจะสามารถยื่นหนังสือต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ในหลายกรณี ที่

และทั้งหมดทั้งมวลนี้คือวีรกรรมของ “ตำรวจมะเขือเทศ” ที่ชื่อ คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ที่ปากดีแกว่งปากหาเสี้ยนกล้านำกำลังพลตำรวจ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้ชาวบ้าน แต่กลับเบียดบังเวลาราชการต้องตบเท้ามาเป็นกำลังใจผู้เป็น “นาย”

หมายเหตุ : ขณะนี้ 'ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์' มีเว็บเพจแล้วนะครับ ขอเชิญท่านผู้อ่านร่วมพูดคุยและแสดงความคิดเห็นได้ที่ http://www.facebook.com/#!/Astvmanagerweekend


พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ ฉันทะวรลักษณ์ ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ(ผบ.ก.สปพ.) เป็นตัวแทนของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ยื่นหนังสือต่อนายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุลและนายประมวล เอมเปีย
หมายจับ นช.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งประชาชนนำมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชมเพื่อตอกย้ำจิตสำนึกของความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

.ประชาชนที่รวมตัวกันมาต้อนรับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ พร้อมป้ายข้อความวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง
กำลังโหลดความคิดเห็น