ASTVผู้จัดการรายวัน-“แจ๊ส”เงียบ! ไม่ตอบโต้ประชาธิปัตย์ยื่นหนังสือให้สอบความเหมาะสม เผยได้ยื่นหนังสือชี้แจงไปแล้ว ไม่ขอพูดอีก ด้านกมธ.ตำรวจ รับลูกส.ส.ปชป. บรรจุญัตติด่วนสอบกรณีมีคำสั่งบีบตำรวจ 300 นายไปเชียร์ ฟากลูกหาบยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินฟันตำรวจใช้เวลาราชการ รถหลวง พกปืน ร่วมม็อบ
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือไปยังคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบความเหมาะสมของผบช.น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) วานนี้ (19 ก.ย.) ว่า เรื่องดังกล่าวไม่ขอพูดอีกแล้ว หากพรรคประชาธิปัตย์จะยื่นหนังสือร้องเรียนอะไรก็ตามแต่ แต่ส่วนตัว สบายใจแล้ว ที่ได้ยื่นหนังสือชี้แจงไปยังพรรคประชาธิปัตย์ ทำความเข้าใจเรียบร้อย และก็พร้อมจะชี้แจงในทุกกรณี หากมีการเรียกเข้าไปสอบถาม
ที่รัฐสภานายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมมาธิการ (กมธ.) ตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ได้ยื่นญัตติต่อนายสมชาย โล่ห์สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานกมธ.ตำรวจ เพื่อให้สอบสวนพฤติกรรมของพล.ต.ท.คำรณวิทย์ว่า เข้าข่ายกระทำความผิดต่อวินัย และจริยธรรมของข้าราชการตำรวจ หลังจากที่ได้แถลงข่าวกดดันทำให้ข้าราชการตำรวจกว่า 300 คน เดินทางไปชุมนุมที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยนายตำรวจเหล่านั้น ไม่ทราบข้อเท็จจริง ทั้งๆ ที่ในหลายพื้นที่ยังต้องการกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลรักษาความสงบ เรียบร้อยเช่นที่สถานทูตสหรัฐฯ เป็นต้น
“ขอฝากไปยังพล.ต.ทคำรณวิทย์ว่า ให้คิดมากกว่านี้ อย่าคิดน้อยไป อาจจะทำให้เกิดความเขลา จะรักใครชอบใครก็ให้ไปรักที่บ้าน อย่าใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปกดดันประชาชน และข้าราชการตำรวจมาเป็นเครื่องมือ” นายสาธิตกล่าว
ด้านนายสมชายกล่าวว่า ญัตติที่นายสาธิตได้ยื่นต่อกมธ.นั้น ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน จะบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมในวันพุธที่ 26 ก.ย.นี้
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังเชื่อว่าตำรวจส่วนใหญ่มีจิตสำนึกความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ และตำรวจที่มา ก็ไม่รู้ว่ามาทำอะไร แต่ถูกสั่งโดยผู้บังคับบัญชาที่ต้องการเอาใจ ผบช.น. อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อตำรวจส่วนใหญ่มีจริยธรรม คุณธรรมที่จะดูแลประชาชน แต่ผู้ที่ต้องถูกประณาม คือ ผู้บังคับบัญชาที่เกณฑ์ตำรวจชั้นผู้น้อยมา ซึ่งพรรคจะตรวจสอบต่อไปว่าผู้ที่สั่งให้มีการนำเวลาราชการมาพรรคประชาธิปัตย์ ใช้รถตำรวจจนตำรวจมาปฏิบัติภารกิจส่วนตัวของ ผบช.น. ใครเป็นผู้ออกคำสั่งและต้องับผิดชอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ อยากฝากถึงประชาชนว่าไม่ต้องตกใจกับพฤติกรรมข่มขู่คุกคามดังกล่าว และให้มั่นใจว่าตำรวจส่วนใหญ่ยังเป็นตำรวจของประชาชน แต่ต้องแสดงออกให้ตำรวจบางคนที่มีพฤติกรรมเลือกฝ่ายอิงการเมือง ทำให้คนเหล่านั้นรู้ว่าประชาชนพร้อมที่จะปกป้องดูแลตัวเอง เมื่อมีความอยุติธรรมเกิดขึ้นจากน้ำมือของตำรวจชั้นผู้ใหญ่
ที่รัฐสภา วันเดียวกัน นายราเมศ รัตนะเชวง ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่น่าเสียใจกับการกระทำดังกล่าว เพราะตำรวจควรมีหน้าที่รับใช้ประชาชน อยากถามว่าเป็นการกระทำเพื่อเอาใจใครบางคน เพื่อให้ได้รับการปูนบำเหน็จ หวังตำแหน่งที่สูงขึ้นใช่หรือไม่ และการที่ยื่นเรื่องให้สอบวินัย ก็อยู่ที่ดุลพินิจของผู้บังคับบัญชาของพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ว่า มีความผิดทางวินัยหรือไม่ ดังนั้น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จึงไม่จำเป็นต้องมาชี้แจงกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่ขอให้เตรียมข้อมูลไปชี้แจงกับผู้บังคับบัญชาจะดีกว่า
อีกด้านกลุ่มชาวไทยหัวใจรักสงบ พร้อมสมาชิกราว 20 คนได้เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดินผ่านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบพล.ต.ท.คำรณวิทย์ พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ ฉันทะวรลักษณ์ ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ และตำรวจนครบาลอีกจำนวน 300 นาย ที่ไปร่วมชุมนุมบริเวณหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา ว่า เป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือปฏิบัตินอกเหนืออำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่
โดยช่วงเวลานั้น เป็นช่วงเวลาราชการ รถยนต์ที่นายตำรวจทั้งหมดใช้เดินทางมา ก็เป็นรถยนต์ของทางราชการ ไม่ว่าจะเป็นรถสายตรวจ รถบรรทุกผู้ต้องหา รวมทั้งยังพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เดินทางมายังมีการพกพาอาวุธเข้าร่วมชุมนุมด้วย จึงขอให้ผู้ตรวจดำเนินการตรวจสอบว่า
1.กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าร่วมชุมนุมวันดังกล่าว ได้ลาราชการเพื่อมาร่วมชุมนุมโดยถูกต้องหรือไม่ ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาผู้ใด และมี่คำสั่งอย่างไรสำหรับการชุมนุมครั้งนี้ รวมถึงมีกฎหมายใดให้อำนาจในการสั่งการดังกล่าวไว้หรือไม่
2.ยานพาหนะของทางราชการจำนวนหลายคัน รวมถึงพลขับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้โดยสารมาร่วมชุมนุมได้รับอนุมัติจากหน่วยงานใดให้นำมาใช้หรือไม่ หากได้รับอนุมัติเป็นการอนุมัติให้นำมาใช้ในกิจการใด
3.การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมชุมนุมโดยพกพาอาวุธติดมาด้วยนั้น เป็นการชุมนุมฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 63 ที่บัญญัติให้บุคคลมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธหรือไม่ เนื่องจากรัฐธรรมนูญมาตรา 31 ระบุว่า บุคคลผู้เป็นทหาร ตำรวจ ย่อมมีสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป
ทั้งนี้ เชื่อว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว เข้าข่ายเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยหน้าที่ เพราะที่ไปชุมนุมก็เพื่อเรียกร้องในเรื่องที่เป็นการส่วนตัว แต่กลับเบียดบังเอาเวลาทรัพย์สินทางราชการมาใช้โดยมิชอบและยังมีการพกพาอาวุธเข้าไปร่วมชุมนุมอีก จึงเข้าข่ายเป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือปฏิบัตินอกเหนืออำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของข้าราชการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 244 (1) (ก) ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องเร่งดำเนินการตรวจสอบโดยเร็วและส่งเรื่องให้กับหน่วยงานที่มีอำนาจดำเนินการต่อ เช่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือไปยังคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบความเหมาะสมของผบช.น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) วานนี้ (19 ก.ย.) ว่า เรื่องดังกล่าวไม่ขอพูดอีกแล้ว หากพรรคประชาธิปัตย์จะยื่นหนังสือร้องเรียนอะไรก็ตามแต่ แต่ส่วนตัว สบายใจแล้ว ที่ได้ยื่นหนังสือชี้แจงไปยังพรรคประชาธิปัตย์ ทำความเข้าใจเรียบร้อย และก็พร้อมจะชี้แจงในทุกกรณี หากมีการเรียกเข้าไปสอบถาม
ที่รัฐสภานายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมมาธิการ (กมธ.) ตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ได้ยื่นญัตติต่อนายสมชาย โล่ห์สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานกมธ.ตำรวจ เพื่อให้สอบสวนพฤติกรรมของพล.ต.ท.คำรณวิทย์ว่า เข้าข่ายกระทำความผิดต่อวินัย และจริยธรรมของข้าราชการตำรวจ หลังจากที่ได้แถลงข่าวกดดันทำให้ข้าราชการตำรวจกว่า 300 คน เดินทางไปชุมนุมที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยนายตำรวจเหล่านั้น ไม่ทราบข้อเท็จจริง ทั้งๆ ที่ในหลายพื้นที่ยังต้องการกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลรักษาความสงบ เรียบร้อยเช่นที่สถานทูตสหรัฐฯ เป็นต้น
“ขอฝากไปยังพล.ต.ทคำรณวิทย์ว่า ให้คิดมากกว่านี้ อย่าคิดน้อยไป อาจจะทำให้เกิดความเขลา จะรักใครชอบใครก็ให้ไปรักที่บ้าน อย่าใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปกดดันประชาชน และข้าราชการตำรวจมาเป็นเครื่องมือ” นายสาธิตกล่าว
ด้านนายสมชายกล่าวว่า ญัตติที่นายสาธิตได้ยื่นต่อกมธ.นั้น ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน จะบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมในวันพุธที่ 26 ก.ย.นี้
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังเชื่อว่าตำรวจส่วนใหญ่มีจิตสำนึกความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ และตำรวจที่มา ก็ไม่รู้ว่ามาทำอะไร แต่ถูกสั่งโดยผู้บังคับบัญชาที่ต้องการเอาใจ ผบช.น. อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อตำรวจส่วนใหญ่มีจริยธรรม คุณธรรมที่จะดูแลประชาชน แต่ผู้ที่ต้องถูกประณาม คือ ผู้บังคับบัญชาที่เกณฑ์ตำรวจชั้นผู้น้อยมา ซึ่งพรรคจะตรวจสอบต่อไปว่าผู้ที่สั่งให้มีการนำเวลาราชการมาพรรคประชาธิปัตย์ ใช้รถตำรวจจนตำรวจมาปฏิบัติภารกิจส่วนตัวของ ผบช.น. ใครเป็นผู้ออกคำสั่งและต้องับผิดชอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ อยากฝากถึงประชาชนว่าไม่ต้องตกใจกับพฤติกรรมข่มขู่คุกคามดังกล่าว และให้มั่นใจว่าตำรวจส่วนใหญ่ยังเป็นตำรวจของประชาชน แต่ต้องแสดงออกให้ตำรวจบางคนที่มีพฤติกรรมเลือกฝ่ายอิงการเมือง ทำให้คนเหล่านั้นรู้ว่าประชาชนพร้อมที่จะปกป้องดูแลตัวเอง เมื่อมีความอยุติธรรมเกิดขึ้นจากน้ำมือของตำรวจชั้นผู้ใหญ่
ที่รัฐสภา วันเดียวกัน นายราเมศ รัตนะเชวง ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่น่าเสียใจกับการกระทำดังกล่าว เพราะตำรวจควรมีหน้าที่รับใช้ประชาชน อยากถามว่าเป็นการกระทำเพื่อเอาใจใครบางคน เพื่อให้ได้รับการปูนบำเหน็จ หวังตำแหน่งที่สูงขึ้นใช่หรือไม่ และการที่ยื่นเรื่องให้สอบวินัย ก็อยู่ที่ดุลพินิจของผู้บังคับบัญชาของพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ว่า มีความผิดทางวินัยหรือไม่ ดังนั้น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จึงไม่จำเป็นต้องมาชี้แจงกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่ขอให้เตรียมข้อมูลไปชี้แจงกับผู้บังคับบัญชาจะดีกว่า
อีกด้านกลุ่มชาวไทยหัวใจรักสงบ พร้อมสมาชิกราว 20 คนได้เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดินผ่านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบพล.ต.ท.คำรณวิทย์ พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ ฉันทะวรลักษณ์ ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ และตำรวจนครบาลอีกจำนวน 300 นาย ที่ไปร่วมชุมนุมบริเวณหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา ว่า เป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือปฏิบัตินอกเหนืออำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่
โดยช่วงเวลานั้น เป็นช่วงเวลาราชการ รถยนต์ที่นายตำรวจทั้งหมดใช้เดินทางมา ก็เป็นรถยนต์ของทางราชการ ไม่ว่าจะเป็นรถสายตรวจ รถบรรทุกผู้ต้องหา รวมทั้งยังพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เดินทางมายังมีการพกพาอาวุธเข้าร่วมชุมนุมด้วย จึงขอให้ผู้ตรวจดำเนินการตรวจสอบว่า
1.กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าร่วมชุมนุมวันดังกล่าว ได้ลาราชการเพื่อมาร่วมชุมนุมโดยถูกต้องหรือไม่ ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาผู้ใด และมี่คำสั่งอย่างไรสำหรับการชุมนุมครั้งนี้ รวมถึงมีกฎหมายใดให้อำนาจในการสั่งการดังกล่าวไว้หรือไม่
2.ยานพาหนะของทางราชการจำนวนหลายคัน รวมถึงพลขับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้โดยสารมาร่วมชุมนุมได้รับอนุมัติจากหน่วยงานใดให้นำมาใช้หรือไม่ หากได้รับอนุมัติเป็นการอนุมัติให้นำมาใช้ในกิจการใด
3.การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมชุมนุมโดยพกพาอาวุธติดมาด้วยนั้น เป็นการชุมนุมฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 63 ที่บัญญัติให้บุคคลมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธหรือไม่ เนื่องจากรัฐธรรมนูญมาตรา 31 ระบุว่า บุคคลผู้เป็นทหาร ตำรวจ ย่อมมีสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป
ทั้งนี้ เชื่อว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว เข้าข่ายเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยหน้าที่ เพราะที่ไปชุมนุมก็เพื่อเรียกร้องในเรื่องที่เป็นการส่วนตัว แต่กลับเบียดบังเอาเวลาทรัพย์สินทางราชการมาใช้โดยมิชอบและยังมีการพกพาอาวุธเข้าไปร่วมชุมนุมอีก จึงเข้าข่ายเป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือปฏิบัตินอกเหนืออำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของข้าราชการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 244 (1) (ก) ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องเร่งดำเนินการตรวจสอบโดยเร็วและส่งเรื่องให้กับหน่วยงานที่มีอำนาจดำเนินการต่อ เช่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)