พิสูจน์ความจริง “คำรณวิทย์” บินไปพบ “แม้ว” จริงหรือ?

ตรงเป้า
ศรรามา

ตั้งแต่นั่งเก้าอี้เจ้าพ่อวังปารุสก์ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ไม่เคยอนุญาตให้นักข่าวเข้าห้องทำงาน แต่หลังจากวันที่ไปแสดงความเป็นผู้นำหน่วย เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ตัวจริง ที่หน้าบ้านเจ้าพ่อกระทิงแดง ในซอยสุขุมวิท 53

รุ่งชึ้นก็มีเสียงชื่นชม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ดังกระหึ่มทุกมุมเมือง ทำให้เจ้าตัวอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เปิดห้องทำงานให้นักข่าวสัมภาษณ์ เหมือนต้องการโชว์อะไรบางอย่างที่อยู่ในนั้น

แล้วภาพที่ประดับข้างฝาห้อง ก็ถูกถ่ายทอดทางสื่อทุกแขนง คอลัมนิสต์หนังสือรายวันฉบับหนึ่ง ตั้งชื่อภาพนี้ว่า “โจรติดยศให้ตำรวจ” เป็นภาพ “ทักษิณ ชินวัตร” นักโทษหนีคุก ประดับยศพลตำรวจโทให้คำรณวิทย์ และระบุวันที่ถ่ายภาพไว้ชัดเจน... วันที่ 29 มิถุนายน 2555

สาธุชนจำนวนไม่น้อยแสดงความคิดเห็น ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ และเริ่มไม่ไว้วางใจในการปฏิบัติหน้าที่

ไอ้เรื่องรักใครชอบใครหรือเทิดทูนใคร เป็นเรื่องส่วนตัวห้ามกันไม่ได้ ข้าราชการที่ได้รับการเลื่อน มักให้ผู้ที่ตนเคารพนับถือติดยศให้ เพื่อเป็นสิริมงคล บ้างก็เป็นพระภิกษุ บ้างก็เป็นพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่

พล.ต.ท.คำรณวิทย์เลือกทักษิณก็เรื่องของคำรณวิทย์ ถ้าคิดว่าเป็นสิริมงคล หรือคิดว่าถึงเวลาที่จะเปิดตัวเองให้สังคมรับรู้ว่าตัวเองเป็นคนของใคร และเป็นตัวอย่างของการเจริญเติบโตในหน้าที่ราชการ จะต้องทำตัวอย่างไร

บางความคิดเห็นจากสาธุชนนั้นก็แนะนำว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์น่าจะติดรูปนี้ไว้ที่บ้าน จะปิดทองบูชาอย่างไรก็ตามแต่ใจตัวเอง

แทนที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์จะรับฟังเสียงสะท้อนเหล่านั้น กลับแสดงธาตุแท้ออกมาให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยตอบโต้ทันควันว่า การติดรูปนั้นไว้ในห้องทำงานมันผิดตรงไหน และสุ้มเสียงในทำนอง...มันไปหนักอะไรใคร พร้อมกับแจงเหตุผลที่ไม่เข้าท่าให้ผู้คนโห่ฮา

ท่านว่าติดรูปไว้เป็นเครื่องเตือนใจ เพราะทักษิณสั่งสอนให้ตนรักสถาบัน รักประชาชน และรักตำรวจ เหมือนกับว่าหาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ไม่เห็นหน้าทักษิณแล้วทำงานไม่ได้ ทำอะไรไม่เป็น แถมยังบอกว่าติดรูปทักษิณไว้ในห้องทำงาน ตั้งแต่สมัยตัวเองเป็นตำรวจ 191

นั่นก็ยิ่งเข้ารกเข้าพงไปใหญ่ เพราะสมัยนั้นทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่นักโทษหนีคุก พอเห็นปฎิกิริยาจากสังคมในภาพลบ ลูกน้องใกล้ชิดก็ไปนัดหมายระดมตำรวจมาให้กำลังใจเจ้านายที่กำลังขวัญเสีย มอบดอกไม้ ร้องเพลงมาร์ช กึกก้องวังปารุสกวัน

ไม่น่าเกลียดน่าชังอะไร ไม่เสียเวลาทำงานสักเท่าไหร่ และตำรวจเหล่านั้นแม้จะเป็นผู้น้อย ต่างก็เต็มใจมา เพราะพวกเขาให้ใจแก่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ไปแล้ว

แต่ที่สังเวชอเน็จอนาถใจอยู่ที่ พ.ต.อ.สนธยา แสงเภา แต่งเครื่องแบบวุฒิสมาชิก เอาดอกไม้ไปให้พร้อมยกมือไหว้ปลกๆ วิปริตผิดเพี้ยนกันใหญ่

พล.ต.อ.คำรณวิทย์ไม่ได้อธิบายรายละเอียดว่ารูปนั้นถ่ายที่ไหน แต่ก็มีคนแสนรู้ชื่อ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ทนายหน้าหอแจกแจงแทน

ร.ต.อ.เฉลิมยืนยันว่า ภาพนั้นถ่ายที่ดูไบ โดย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ยื่นใบลากิจต่อ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. เรียบร้อยแล้วก่อนเดินทาง

จริงเท็จอย่างไร ต้องรอคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะกรรมการ ป.ป.ช.

ด้วย นายสุริยะใส กะตะศิลา แกนนำกลุ่มกรีน ยื่นเรื่องให้สองหน่วยงานนี้ตรวจสอบเรื่องราวของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ซึ่งต้องใช้เวลาหลายเดือนถึงจะรู้ผล ไปดูไบจริง ก็ต้องดูที่พาสปอร์ต ลากิจจริงก็ต้องดูที่ใบลา

ตอนนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์กำลังตระเวนยุโรปหลายประเทศ กลับมาคงมีวลีเด็ดๆ ให้สังคมได้ศึกษาแก่นแท้ของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์

ไอ้ที่พูดไว้เมื่อวันที่ลูกน้องตบเท้าไปให้กำลังใจนั้น เป็นเพียงน้ำจิ้มน้ำจ้อยให้ซี้ดปากกันเล่นๆ เท่านั้น เบื้องลึกในตัวตนของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ยังมีอีกมาก ซึ่งเป็นเรื่องของอารมณ์ร้อนแรง

รู้จักแต่คำ “ถูกต้อง” แต่ไม่รู้จักคำว่า “ชอบธรรม”
วันนั้นประกาศชัดเจน

“ถ้าเปลี่ยนรัฐบาลจะลาออกทันที เขียนใบลาไว้ก่อนก็ได้ ไม่ต้องมาย้ายกู”