ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ฉากดราม่าที่ “น้องเดียร์” น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ลูกสาวเสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ ออกมาจวกรายงานผลศึกษาของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป. ) โดยบีบน้ำตาหาว่าเป็นการแต่งนิทานใส่ร้ายคุณพ่อที่เสียชีวิตไปแล้วว่าเกี่ยวข้องกับชายชุดดำและความรุนแรง พร้อมกับฉีกทิ้งรายงานแสดงถึงการไม่ยอมรับผลศึกษาของ คอป. เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ในฐานะของลูกซึ่งไม่อยากให้ใครประณามผู้เป็นพ่อ
แต่ความจริงก็คือความจริงวันยังค่ำ ไม่ว่าน้องเดียร์จะยอมรับหรือไม่ก็ตาม เพราะผล ศึกษา ของ คอป.ได้ชี้ชัดถึงความเกี่ยวข้องของเสธ.แดง กับการปรากฏกายของชายชุดดำที่ออกปฏิบัติการพร้อมด้วยอาวุธสงคราม สร้างความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ชุมนุม รวมถึงนักสังเกตการณ์ก็ไม่เว้น
ตั้งแต่มีชีวิตอยู่ เสธ.แดง จัดอยู่ในข่ายลูกผู้ชายตัวจริง ไม่มีกระมิดกระเมี้ยนเป็นอีแอบเอาตัวรอดเหมือนนายทหารใหญ่บางคน ดังนั้น ใครๆ ก็รู้ว่า เสธ.แดง ฝึกกองกำลัง "นักรบพระเจ้าตาก" เพื่อให้ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยแก่การชุมนุม โดยจัดตั้งมาตั้งแต่หลังเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อเดือนเมษาฯ 2552
เสธ.แดง ภาคภูมิใจในการจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธ ดังคำปราศรัยเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2553 ณ เวทีการชุมนุมของ นปช. ที่เขาสอยดาว จังหวัดจันทบุรี ว่า “....ขณะนี้บู๊กับบุ๋นมันมาชนกัน หมายความว่า การที่ต่อสู้วันนั้น (เม.ย. 2552) เราไม่ได้มีการต่อสู้ด้วยแก้วสามประการ คือ พรรคแนวร่วม และกองกาลังติดอาวุธ เพราะว่าเราสู้กันคือการอหิงสา แต่พอคุมไม่อยู่ มันดิ้นไปเป็นจลาจล...ถึงเวลามาสุดท้าย เกิดกองกาลังติดอาวุธขึ้นมา มันครบแก้วสามประการ มันพร้อมรบแล้ว”
ในการชุมนุมทางการเมืองระหว่างเดือน เม.ย. - พ.ค. 2553 จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เสธ.แดง ปรากฏตัวพร้อมกับชายชุดดำ ซึ่งนำมาสู่ความรุนแรงและความสูญเสีย ดังเช่นรายงานความรุนแรงบนสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ที่ คอป. ระบุว่า "พบ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ปรากฏตัวอยู่บริเวณเชิงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าฝั่งธนบุรี เมื่อเวลาประมาณ 16.40 น. (วันที่ 10 เม.ย. 2552) พร้อมกับนายยศวริศ ชูกล่อม ซึ่งเป็นช่วงเกิดเหตุการณ์ที่ผู้ชุมนุมยึดอาวุธเจ้าหน้าที่ไปจำนวนมาก และมีการปรากฏตัวของกองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่เรียกว่า “คนชุดดำ” ใช้อาวุธสงครามโจมตีเจ้าหน้าที่ทหาร"
คอป. ยังชี้ให้เห็นถึงการปรากฏตัวของชายชุดดำในเหตุการณ์ความรุนแรงบริเวณสี่แยกคอกวัว และหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ในวันเดียวกันนี้ ว่า "พบการปรากฏตัวของคนชุดดำพร้อมอาวุธสงคราม 5 คน อยู่ในที่ชุมนุม ในจำนวนนี้มีผู้ใกล้ชิดกับ พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล (เสธ. แดง) ด้วย
คอป. ได้ขมวดปมให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่าง เสธ.แดง - ชายชุดดำ กับความรุนแรงแบบชัดๆ อีกครั้งว่า "ช่วงเย็นก่อนเหตุการณ์ปะทะหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา มีผู้พบ พล.ต. ขัตติยะ ที่หน้าร้านแมคโดนัลด์ วงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และเวลาประมาณ 22.00น.หลังการปะทะ มีผู้สื่อข่าวต่างประเทศ พบ พล.ต. ขัตติยะ นั่งรถตู้โฟล์คสวาเกนสีน้ำเงินมาลงที่ หน้าร้านแมคโดนัลด์ และเดินเข้าไปในถนนดินสอ
"ในวันที่ 11 เมษายน ในช่วงเย็นถึงค่ำ พล.ต.ขัตติยะ ได้ไปสารวจสถานที่เกิดเหตุที่บริเวณสี่แยกคอกวัวและหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา โดยมีนายเมธี อมรวุฒิกุล ร่วมเดินตรวจด้วย โดย พล.ต.ขัตติยะ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ โดยมีการกล่างถึงกองกำลังไม่ทราบฝ่ายหรือนักรบโรนินว่าเป็นผู้ยิงตอบโต้เจ้าหน้าที่ทหาร"
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ หากนำคำพูดของเสธ.แดงที่กล่าวว่า “บังเอิญลูกระเบิดเอ็ม 79 ลูกแรกที่ยิงเข้าไปตกตรงเต็นท์ทหารข้างโรงเรียนสตรีวิทยา ที่ใช้เป็นกองบัญชาการรบครั้งนี้ ทำให้โดน พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.ร.2 รอ.) ซึ่งเป็นแม่ทัพในการทำศึกครั้งนี้บาดเจ็บสาหัส และโดนนายทหารชั้นสัญญาบัตรหลายคนก็บาดเจ็บ ทำให้การศึกครั้งนี้ไม่มีคนสั่ง ไม่มีแม่ทัพ ไม่มีคนบัญชา ทำให้ทหารปราชัยถอยออกไป” ก็จะยิ่งเห็นการปะติดปะต่อที่ชัดเจนขึ้น
เพราะข้อมูลจากปากเสธ.แดงทำให้เห็นว่า กองกำลังติดอาวุธของกลุ่มคนเสื้อแดงล่วงรู้ข้อมูลของทหารโดยละเอียด รู้แม้กระทั่งว่า เต็นท์ทหารข้างโรงเรียนสตรีวิทยาเป็นกองบัญชาการ ดังนั้น เอ็ม79 ลูกแรกที่ถูกยิงออกมาจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญหากแต่เป็นเจตนาที่จะยิงเพื่อเด็ดหัวขุนทหารโดยตรง แถมภาพที่ปรากฏออกมาตามสื่อต่างๆ ก็มีความชัดเจนว่า ก่อนเกิดความรุนแรงได้ปรากฏ “เลเซอร์” ล็อกเป้าทั้งสีเขียวและสีแดงบริเวณศีรษะของนายทหารเพื่อชี้จุดให้ลงมือ
รายงานของ คอป. ยังระบุว่า เสธ.แดง ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีบทบาทอย่างมากในการชุมนุมของ นปช.แม้ นปช.จะเคยประกาศว่า เสธ.แดง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ นปช. แต่แกนนำ นปช.บางคนและการ์ด นปช.บางส่วนยังมีความใกล้ชิดกับเสธ.แดง โดย เสธ.แดง ได้พูดต่อสาธารณะและให้สัมภาษณ์สื่อหลายครั้งเกี่ยวกับคนชุดดำหรือนักรบโรนินทั้งในสื่อหลักและสื่อที่สนับสนุน นปช.
อีกทั้งยังพบว่า เสธ.แดง สามารถเข้า-ออกและเคลื่อนไหวในพื้นที่ชุมนุมได้อย่างเสรี เดินตรวจแนวกีดขวางของ นปช.ที่ทำไว้รอบพื้นที่ชุมนุมทั้งสี่แยกราชประสงค์ ศาลาแดง และแยกเฉลิมเผ่า นอกจากนั้นผู้ใช้อาวุธบางคนยังให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนว่าเป็นผู้ใช้อาวุธสงครามและมีความเกี่ยวพันกับเสธ.แดง แต่กลับคำให้การในชั้นศาลว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด
เสธ.แดง ได้จัดตั้งและฝึก "นักรบพระเจ้าตาก" หลังจากเหตุการณ์ "เมษาฯเลือด" เมื่อปี 2552 ที่ผู้ชุมนุมถูกปราบปราม มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และสูญหายจำนวนมาก ซึ่งเสธ.แดง เชื่อว่า ต้องมีกองกำลังติดอาวุธจึงจะสามารถเอาชนะรัฐบาลได้ แต่ข้อเสนอของเสธ.แดง ไม่เป็นที่ยอมรับของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และแกนนำ นปช.ส่วนใหญ่
\
ก่อนหน้าที่ เสธ.แดง จะถูกยิงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2553 เขาได้ให้สัมภาษณ์ว่า กลางดึกคืนวันที่ 9 พ.ค. 2554 พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โทรศัพท์ถึงตน สั่งการให้จัดตั้งแกนนำชุด 2 ประกอบด้วย นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นายสุพร อัตถาวงศ์ นายขวัญชัย ไพรพนา และ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ขึ้นมาแทน โดยระบุว่าให้คนที่ไม่คิดต่อสู้ต่อให้กลับบ้านไป
"มีข้อสังเกตจากผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองและด้านความมั่นคงและนายทหารชั้นผู้ใหญ่นายหนึ่ง เห็นว่าการเสียชีวิตของ พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล มีความเป็นไปได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติการปิดล้อมและกระชับพื้นที่ชุมนุม"
ทันทีหลังจาก พล.ต. ขัตติยะ ถูกยิง มีผู้สื่อข่าวชาวต่างประเทศ พบเห็นชาย 3 คน คนหนึ่งถืออาวุธสงคราม อีก 2 คนไปหยิบอาวุธปืนสงครามจากถุงดำซึ่งอยู่ในเต็นท์บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 โดยคนหนึ่งได้ใช้อาวุธปืนสงครามดังกล่าวยิงไปทางโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ต่อมาภายหลังมีผู้ต้องหารายหนึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมแล้วให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนว่าเป็นคนสนิทของ พล.ต. ขัตติยะ และเมื่อ พล.ต. ขัตติยะ ถูกยิง ตนเป็นผู้ใช้อาวุธปืนทราโว ยิงไปที่โรงแรมดุสิตธานี
ทั้งก่อนและหลัง เสธ.แดง ถูกยิง คอป. ได้รายงานไว้ในผลศึกษาว่าพบปฏิบัติการของชายชุดดำในพื้นที่ชุมนุมอีกหลายจุด รวมทั้งวัดปทุมวนาราม ที่ถูกประกาศให้เป็นเขตอภัยทานด้วย โดยหลังจากเสธ.แดง ถูกยิง เหตุการณ์ได้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น มีเสียงคล้ายระเบิดและเสียงปืนดังขึ้นหลายครั้ง
เหตุรุนแรงยังกระจายวงกว้างออกไปจากพื้นที่ชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ บริเวณถนนวิทยุ ถนนพระราม 4 - บ่อนไก่ ถนนราชปรารภ - สามเหลี่ยมดินแดง ฯลฯ ในช่วงปิดล้อมพื้นที่ระหว่างวันที่ 14 - 18 พ.ค. 2553 และในช่วงที่มีการสลายการชุมนุมและเหตุการณ์เผาเมืองหลังจากนั้น โดยมีการปะทะอย่างต่อเนื่องระหว่างเจ้าหน้าที่ ผู้ชุมนุม และคนชุดดำซึ่งใช้อาวุธสงครามและระเบิดโจมตีเจ้าหน้าที่ กระทั่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
เมื่อความจริงจาก คอป. เป็นเช่นนี้ น้องเดียร์ จะเสียน้ำตาเพื่อเรียกร้องความเห็นใจจากใคร เล่า ??
หมายเหตุ : ขณะนี้ 'ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์' มีเว็บเพจแล้วนะครับ ขอเชิญท่านผู้อ่านร่วมพูดคุยและแสดงความคิดเห็นได้ที่ http://www.facebook.com/#!/Astvmanagerweekend