ในบรรดาข้าราชการที่สนองรับรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรอย่างออกนอกออกตาชั่วโมงนี้ คงไม่มีใครสุดลิ่มทิ่มประตูเท่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญการตำรวจนครบาล และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ
การปฏิบัติงานของข้าราชการระดับสูงทั้งสองคนนี้ กำลังถูกสังคมวิพากษ์อย่างหนักหน่วง และน่าจะหนักหน่วงที่สุดในรอบนับร้อยปี
ไม่ว่าพล.ต.ท.คำรณวิทย์ กำลังคิดอะไรอยู่ ไม่ว่านายธาริตจะยืนยันความซื่อตรงในการทำงานอย่างไร แต่ผลงานที่ออกมาบ่งชัดว่า ทั้งคู่ได้ยอมสวามิภักดิ์กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ภายใต้การบงการของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างหมดใจแล้ว
และกลายเป็นข้าราชการเชื่องๆ ของระบอบทักษิณ
เหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณสี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ซึ่งลุกลามไปสู่การจลาจลเผาบ้านเผาเมือง จนรัฐบาลต้องออกคำสั่งให้ทหารเข้ามาดูแลรักษาความเรียบร้อย และนายธาริตก็อยู่ในเหตุการณ์ รับรู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด
รู้ว่าชนวนของการจลาจลเผาบ้านเผาเมืองมีจุดเริ่มต้นอย่างไร ใครเป็นคนยุยงส่งเสริม ใครบงการ ใครผิดใครถูก ทำไมต้องมีคำสั่งกระชับพื้นที่
แต่วันนี้นายธาริตแนวทางการสอบสวนข้อเท็จจริงใหม่ จากที่เคยไล่ล่าคนปลุกระดมเผาบ้านเผาเมือง คนที่จุดชนวนความรุนแรงจนกลายเป็นจลาจลกลางเมือง หันมาไล่ล่ารัฐบาลที่ต้องทำหน้าที่นำความสงบเรียบร้อยคืนสู่ประชาชน หันมาไล่ล่าทหารที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อยุติความวุ่นวาย
พยายามฟอกตัวแกนนำคนเสื้อแดงที่ปลุกระดมเผาบ้านเผาเมืองให้เป็นพระเอก
การออกมาระบุว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกัฐมนตรี จะต้องถูกดำเนินคดีเพราะเป็นผู้ออกคำสั่งสลายการชุมนุมจนทำให้คนเสื้อแดงเสียชีวิต ไม่อยู่ในวิสัยที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจะออกมาพูด และจะเป็นการพูดทุเรศๆ เนื่องจากชี้นำรูปคดี
แต่นายธาริตคงถูกสั่งให้ตั้งธงมาแล้ว
ชนวนความรุนแรงในเหตุการณ์วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 สังคมรับรู้โดยทั่วว่า เกิดจากชายชุดดำติดอาวุธที่คลุกเคล้าเป็นเนื้อเดียวกับการ์ดคนเสื้อแดง และรายงานของ คอป.ก็ออกมายืนยันในข้อเท็จจริง
แต่ดีเอสไอไม่พยายามกล่าวถึงชายชุดดำติดอาวุธที่เปิดฉากสังหารนายทหารระดับสูงอย่างอำมหิตก่อน และไม่กระตือรือร้นที่จะสอบสวนความผิดกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มคนเสื้อแดงแต่อย่างใด
นายธาริตยังบังอาจลอยหน้าลอยตาอ้างว่า ไม่เลือกข้างได้อย่างไร ในเมื่อคดีสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง กำลังดันทุรังเอียงสุดตัวเพื่อช่วยคนผิดให้เป็นถูก
จุดยืนที่เปลี่ยนไปในคดีสลายการชุมนุมเป็นสิ่งยืนยันว่า ดีเอสไอหมอบราบคาบแก้วให้ระบอบทักษิณแล้ว และพร้อมรับใช้ตามคำบัญชาทุกประการ
ข้อเท็จจริงหรือผิดถูก ไม่ต้องพูดถึงแล้ว
สำหรับพล.ต.ท.คำรณวิทย์ต้องถือเป็นตำรวจห้าวที่สุดแห่งยุค เหิมเกริมจนไม่อาจหาตำรวจคนใดเทียบได้
ตั้งแต่เดินทางไปให้พ.ต.ท.ทักษิณติดยศ แถมยังนำรูปพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีฐานะเป็นนักโทษหนีคดีมาติดเคารพในห้องทำงาน ยกย่องดุจผู้บังเกิดเกล้าแล้ว จนถูกกระแสเรียกร้องให้สอบสวนความผิดแล้ว ล่าสุดยังระดมม็อบตำรวจไปแสดงการคุกคามพรรคประชาธิปัตย์อีก
เพราะโกรธที่พรรคประชาธิปัตย์จี้ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สอบสวนความผิดการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ เจอนักโทษหนีคดีซึ่งหน้าแต่ไม่พยายามจับกุม และแสดงความคารวะเสียด้วย
ตำรวจที่เข้าข่ายกระทำความผิด ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เมื่อถูกร้องเรียน แต่กลับยกกำลังติดอาวุธไปคุกคามประชาชนที่ร้องเรียน ถ้าไม่มีตำรวจหน้าไหนถูกสอบสวนความผิด คงเป็นเรื่องที่บัดซบสิ้นดี
ตำรวจที่ทำหน้าที่เดือดร้อนแทน “นาย” แห่กันเสนอหน้าประจบ ก่อม็อบประท้วงหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องตรวจสอบว่า หนีเวลาราชการมาหรือไม่ พาหนะที่นำมาใช้ น้ำมันที่นำมาเผาเป็นผลาญภาษีของประชาชนหรือไม่
ถ้ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ทำอะไรตำรวจเลย ถึงเวลาทหารแสดงพลังบ้าง อย่าโวยแล้วกัน
คนเสื้อแดงที่เห็นดีเห็นงามกับพฤติกรรมทรามๆ ของตำรวจ ถ้าทหารจะออกมาระบายความคับแค้นใจเพราะถูกรัฐบาลยิ่งลักษณ์แทรกแซง ถูกยัดเยียดข้อหาทำร้ายประชาชน และก่อม็อบล้อมทำเนียบฯ บ้าง อย่าบ่นแล้วกัน
เมื่อตำรวจคุกคามประชาชนอย่างประเจิดประเจ้อได้ ก็มีความชอบธรรมที่ทหารจะแสดงพลังระบายความคับแค้นบ้าง
ไม่ต้องมีคำถามแล้วว่าตำรวจที่กินเงินเดือนภาษีของประชาชนทั้งประเทศ ปัจจุบันทำงานรับใช้ใคร เพราะพฤติการณ์ของพล.ต.ท.คำรณวิทย์คือคำตอบ
ทำไมพล.ต.ท.คำรณวิทย์จึงซูฮกพ.ต.ท.ทักษิณอย่างออกหน้าออกตา โดยแยแสกระแสสังคมที่กำลังรุมประณาม
คำตอบพล.ต.ท.คำรณวิทย์คงคิดว่า ระบอบทักษิณจะใหญ่คับฟ้า ไม่มีวันล่มสลาย และอำนาจของพ.ตท.ทักษิณจะคุ้มหัว จึงไม่ต้องกลัวความผิดใดๆ ขอให้ทำงานรับใช้อย่างจงรักภักดีเท่านั้น
นายธาริตก็คงคิดไม่แตกต่างจากพล.ต.ท.คำรณวิทย์ โดยคิดว่า ถ้ายอมสยบให้ระบอบทักษิณแล้ว จะเอาตัวรอด จะอยู่อย่างเสวยสุข โดยไม่มีใครทำอะไรได้
ข้าราชการทั้งระบบ ถ้ายอมก้มหัวให้พ.ต.ท.ทักษิณเหมือนพล.ต.ท.คำรณวิทย์และนายธาริตหมด ประเทศไทยคงถึงคราวบรรลัยแล้ว
แต่ข้าราชการทุกคนไม่ได้คิดแบบ “คำรณวิทย์” และ “ธาริต” ไม่คิดว่าระบอบทักษิณจะอยู่ค้ำฟ้า และไม่คิดว่า ข้าราชการเลวๆ จะอยู่ดีได้ตลอดกาล
การปฏิบัติงานของข้าราชการระดับสูงทั้งสองคนนี้ กำลังถูกสังคมวิพากษ์อย่างหนักหน่วง และน่าจะหนักหน่วงที่สุดในรอบนับร้อยปี
ไม่ว่าพล.ต.ท.คำรณวิทย์ กำลังคิดอะไรอยู่ ไม่ว่านายธาริตจะยืนยันความซื่อตรงในการทำงานอย่างไร แต่ผลงานที่ออกมาบ่งชัดว่า ทั้งคู่ได้ยอมสวามิภักดิ์กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ภายใต้การบงการของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างหมดใจแล้ว
และกลายเป็นข้าราชการเชื่องๆ ของระบอบทักษิณ
เหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณสี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ซึ่งลุกลามไปสู่การจลาจลเผาบ้านเผาเมือง จนรัฐบาลต้องออกคำสั่งให้ทหารเข้ามาดูแลรักษาความเรียบร้อย และนายธาริตก็อยู่ในเหตุการณ์ รับรู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด
รู้ว่าชนวนของการจลาจลเผาบ้านเผาเมืองมีจุดเริ่มต้นอย่างไร ใครเป็นคนยุยงส่งเสริม ใครบงการ ใครผิดใครถูก ทำไมต้องมีคำสั่งกระชับพื้นที่
แต่วันนี้นายธาริตแนวทางการสอบสวนข้อเท็จจริงใหม่ จากที่เคยไล่ล่าคนปลุกระดมเผาบ้านเผาเมือง คนที่จุดชนวนความรุนแรงจนกลายเป็นจลาจลกลางเมือง หันมาไล่ล่ารัฐบาลที่ต้องทำหน้าที่นำความสงบเรียบร้อยคืนสู่ประชาชน หันมาไล่ล่าทหารที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อยุติความวุ่นวาย
พยายามฟอกตัวแกนนำคนเสื้อแดงที่ปลุกระดมเผาบ้านเผาเมืองให้เป็นพระเอก
การออกมาระบุว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกัฐมนตรี จะต้องถูกดำเนินคดีเพราะเป็นผู้ออกคำสั่งสลายการชุมนุมจนทำให้คนเสื้อแดงเสียชีวิต ไม่อยู่ในวิสัยที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจะออกมาพูด และจะเป็นการพูดทุเรศๆ เนื่องจากชี้นำรูปคดี
แต่นายธาริตคงถูกสั่งให้ตั้งธงมาแล้ว
ชนวนความรุนแรงในเหตุการณ์วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 สังคมรับรู้โดยทั่วว่า เกิดจากชายชุดดำติดอาวุธที่คลุกเคล้าเป็นเนื้อเดียวกับการ์ดคนเสื้อแดง และรายงานของ คอป.ก็ออกมายืนยันในข้อเท็จจริง
แต่ดีเอสไอไม่พยายามกล่าวถึงชายชุดดำติดอาวุธที่เปิดฉากสังหารนายทหารระดับสูงอย่างอำมหิตก่อน และไม่กระตือรือร้นที่จะสอบสวนความผิดกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มคนเสื้อแดงแต่อย่างใด
นายธาริตยังบังอาจลอยหน้าลอยตาอ้างว่า ไม่เลือกข้างได้อย่างไร ในเมื่อคดีสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง กำลังดันทุรังเอียงสุดตัวเพื่อช่วยคนผิดให้เป็นถูก
จุดยืนที่เปลี่ยนไปในคดีสลายการชุมนุมเป็นสิ่งยืนยันว่า ดีเอสไอหมอบราบคาบแก้วให้ระบอบทักษิณแล้ว และพร้อมรับใช้ตามคำบัญชาทุกประการ
ข้อเท็จจริงหรือผิดถูก ไม่ต้องพูดถึงแล้ว
สำหรับพล.ต.ท.คำรณวิทย์ต้องถือเป็นตำรวจห้าวที่สุดแห่งยุค เหิมเกริมจนไม่อาจหาตำรวจคนใดเทียบได้
ตั้งแต่เดินทางไปให้พ.ต.ท.ทักษิณติดยศ แถมยังนำรูปพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีฐานะเป็นนักโทษหนีคดีมาติดเคารพในห้องทำงาน ยกย่องดุจผู้บังเกิดเกล้าแล้ว จนถูกกระแสเรียกร้องให้สอบสวนความผิดแล้ว ล่าสุดยังระดมม็อบตำรวจไปแสดงการคุกคามพรรคประชาธิปัตย์อีก
เพราะโกรธที่พรรคประชาธิปัตย์จี้ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สอบสวนความผิดการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ เจอนักโทษหนีคดีซึ่งหน้าแต่ไม่พยายามจับกุม และแสดงความคารวะเสียด้วย
ตำรวจที่เข้าข่ายกระทำความผิด ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เมื่อถูกร้องเรียน แต่กลับยกกำลังติดอาวุธไปคุกคามประชาชนที่ร้องเรียน ถ้าไม่มีตำรวจหน้าไหนถูกสอบสวนความผิด คงเป็นเรื่องที่บัดซบสิ้นดี
ตำรวจที่ทำหน้าที่เดือดร้อนแทน “นาย” แห่กันเสนอหน้าประจบ ก่อม็อบประท้วงหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องตรวจสอบว่า หนีเวลาราชการมาหรือไม่ พาหนะที่นำมาใช้ น้ำมันที่นำมาเผาเป็นผลาญภาษีของประชาชนหรือไม่
ถ้ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ทำอะไรตำรวจเลย ถึงเวลาทหารแสดงพลังบ้าง อย่าโวยแล้วกัน
คนเสื้อแดงที่เห็นดีเห็นงามกับพฤติกรรมทรามๆ ของตำรวจ ถ้าทหารจะออกมาระบายความคับแค้นใจเพราะถูกรัฐบาลยิ่งลักษณ์แทรกแซง ถูกยัดเยียดข้อหาทำร้ายประชาชน และก่อม็อบล้อมทำเนียบฯ บ้าง อย่าบ่นแล้วกัน
เมื่อตำรวจคุกคามประชาชนอย่างประเจิดประเจ้อได้ ก็มีความชอบธรรมที่ทหารจะแสดงพลังระบายความคับแค้นบ้าง
ไม่ต้องมีคำถามแล้วว่าตำรวจที่กินเงินเดือนภาษีของประชาชนทั้งประเทศ ปัจจุบันทำงานรับใช้ใคร เพราะพฤติการณ์ของพล.ต.ท.คำรณวิทย์คือคำตอบ
ทำไมพล.ต.ท.คำรณวิทย์จึงซูฮกพ.ต.ท.ทักษิณอย่างออกหน้าออกตา โดยแยแสกระแสสังคมที่กำลังรุมประณาม
คำตอบพล.ต.ท.คำรณวิทย์คงคิดว่า ระบอบทักษิณจะใหญ่คับฟ้า ไม่มีวันล่มสลาย และอำนาจของพ.ตท.ทักษิณจะคุ้มหัว จึงไม่ต้องกลัวความผิดใดๆ ขอให้ทำงานรับใช้อย่างจงรักภักดีเท่านั้น
นายธาริตก็คงคิดไม่แตกต่างจากพล.ต.ท.คำรณวิทย์ โดยคิดว่า ถ้ายอมสยบให้ระบอบทักษิณแล้ว จะเอาตัวรอด จะอยู่อย่างเสวยสุข โดยไม่มีใครทำอะไรได้
ข้าราชการทั้งระบบ ถ้ายอมก้มหัวให้พ.ต.ท.ทักษิณเหมือนพล.ต.ท.คำรณวิทย์และนายธาริตหมด ประเทศไทยคงถึงคราวบรรลัยแล้ว
แต่ข้าราชการทุกคนไม่ได้คิดแบบ “คำรณวิทย์” และ “ธาริต” ไม่คิดว่าระบอบทักษิณจะอยู่ค้ำฟ้า และไม่คิดว่า ข้าราชการเลวๆ จะอยู่ดีได้ตลอดกาล