xs
xsm
sm
md
lg

นารีขี่ม้าขาวโง่บื้อเบลอตื้น

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว
ควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง
ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง
สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ

บทกวีของ “หลวงพ่อฤาษีลิงดำ” ที่เขย่าขวัญคนไทยเมื่อปีที่แล้ว กลับมาเขย่าขวัญคนไทยซ้ำอีกครั้งในปีนี้

แถมนารีขี่ม้าขาวรายนี้เป็นประเภทที่โง่ บื้อ เบลอ ตื้น และไร้ปัญญาเสียด้วย

ตอนนี้เมืองไทยช่างมีอะไรที่น่าหดหู่หลังสิ้นหวังกับผู้นำก็ยังมาสิ้นหวังกับโพลของคนไทยตั้งแต่เด็กยันผู้ใหญ่ ที่สำรวจพบว่า กลุ่มเด็กและเยาวชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 79.1 และร้อยละ 76.5 ของผู้ตอบแบบสอบถามที่อายุต่ำกว่า 20 ปี และอายุระหว่าง 20 - 29 ปียอมรับได้ ถ้ารัฐบาลทุจริตคอร์รัปชัน แต่ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ด้วย

ในขณะที่ร้อยละ 64.8 ของคนอายุระหว่าง 30 - 39 ปี ร้อยละ 65.4 ของคนอายุ 40 - 49 ปี และร้อยละ 59.9 ของคนอายุ 50 ปีขึ้นไป ยอมรับได้ ถ้ารัฐบาลทุจริตคอร์รัปชัน แต่ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ด้วยเช่นเดียวกัน

สิ้นหวังกับผู้นำ สิ้นหวังกับทัศนคติของคนไทยก็ต้องมาเผชิญกับมหกรรมน้ำท่วมแห่งปีที่กำลังมาถึงอีก

แม้ว่ามันจะช่างใจเหมือนกันเมื่อเห็นโพลแล้วว่าถ้าน้ำท่วมซ้ำอีกปีควรจะโทษรัฐบาลหรือโทษประชาชนของประเทศที่มีทัศนคติเช่นนี้ดี หรือควรจะปล่อยให้บ้านนี้เมืองนี้มันล่มสลายไปต่อหน้าต่อตาเสียก่อนเผื่อว่าจะปลุกสำนึกประชาชนของประเทศนี้ขึ้นมาได้

แต่อย่างไรเสียคนที่ทุกข์ขนัดลุ้นใจจดใจจ่อกับมหกรรมน้ำท่วมก็คือคนกรุงเทพฯ คนรอบปริมณฑล และคนอีกหลายจังหวัดที่ยังไม่หายตกใจจากน้ำท่วมปีที่แล้ว บางคนเพิ่งกู้เงินมาซ่อมแซมบ้านเรือนเสร็จ บางคนยังทวงเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลอยู่เลย มาถึงตอนนี้กลายเป็นว่า น้ำอาจจะมาอีกรอบแล้ว

แม้จะใจดีสู้เสือว่า น้ำปีนี้คงไม่มากเท่ากับปีที่แล้ว แต่มองเห็นการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลชุดนี้แล้วก็วางใจอะไรเอาไม่ได้เสียเลย แถมยังมีความขัดแย้งกันระหว่างรัฐบาลและกทม.เสียอีก

ถามว่า นายกฯ ปูว่าปีนี้น้ำจะท่วมกรุงเทพฯ หรือปริมณฑลหรือไม่ก็ได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ อ้างว่าขึ้นอยู่กับชะตาฟ้าดินและธรรมชาติไปโน่น อ้าวแล้วจะกู้เงินไปหาพระแสงอะไร

ที่บอกว่าปีนี้จะไม่ท่วมเอาเข้าจริงๆ สุโขทัยน้ำก็ท่วมไปแล้วด่านต่อไปก็คือ พระนครศรีอยุธยาที่ตอนนี้ก็ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติไปแล้วหลายอำเภอ ถ้าน้ำก้อนนี้จะไปลงทะเล กรุงเทพฯ ก็เป็นทางผ่านของน้ำที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลย คล้ายกับว่านับแต่นี้ไปมหกรรมน้ำท่วมจะกลายเป็นประเพณีปฏิบัติของคนไทยที่จะสืบเนื่องสืบทอดต่อกันไปของคนต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ

และมีแนวโน้มว่ารัฐบาลชุดนี้จะใช้วิธีสู้น้ำแบบปีที่ผ่านมา ไม่ยึดแนวทางพระราชดำรัสของในหลวงที่ทรงแนะนำว่าต้องปล่อยให้น้ำไหลไปตามธรรมชาติ

มีคำถามที่ค้างคาใจว่าเราจะต้องเผชิญกับน้ำท่วมอย่างนี้ทุกๆ ปีจริงๆ หรือ แล้วคนไทยต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตวัฒนธรรมความเป็นอยู่ให้สอดคล้องกับวิถีแห่งน้ำแบบคนโบราณที่สร้างบ้านยกสูงและผูกเรือไว้ใต้ถุนแล้วหรือยัง

แล้วงบประมาณ 3.5 แสนล้านที่รัฐบาลออก พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อทำโครงการต่างๆ หายไปไหน ทำไมชาวบ้านยังจมน้ำเหมือนเดิม แล้วถ้าปีนี้ท่วมอีกรัฐบาลต้องออก พ.ร.ก.กู้เงินอีกเท่าไหร่

ปีที่แล้วรัฐบาลยิ่งลักษณ์โทษอำมาตย์ว่าปล่อยน้ำมาท่วมเมืองเพื่อล้มรัฐบาล โทษว่ารัฐบาลเก่าวางยา แต่ปีนี้รัฐบาลของบ 3 แสน 5 หมื่นล้าน แถมนายกฯ เวลาจะหนีปมการเมืองก็เอาเรื่องน้ำนี่แหละเป็นทางออกไปดูการขุดลอกคลองที่โน่นที่นี่เป็นข้ออ้าง ยังลงทุนทัวร์นกขมิ้นต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำไปสั่งการชี้โบ๊ชี้เบ๊เป็นนกแก้วนกขุนทอง ถ้าปีนี้น้ำท่วมอีก กรรมการน้ำที่ตั้งขึ้นมาตั้งหลายชุด นายกฯ ปูในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) จะโทษใครดีเล่า

ถ้าเราติดตามข่าวตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาถึงแนวทางในการป้องกันน้ำท่วมของรัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้นมีการตั้งกรรมการขึ้นมาหลายชุด แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วมุ่งเน้นที่จะแก้ปัญหาให้ภาคอุตสาหกรรมมากกว่าประชาชน เราจึงได้ยินแต่การก่อสร้างเขื่อน หรือคันกั้นน้ำของแต่ละนิคมอุตสาหกรรม หรือได้ยินว่า รัฐบาลจะช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างไร

เงิน 3 แสน 5 หมื่นล้านนั้น จำได้ว่ารัฐบาลปูวางเป้าหมายระยะสั้นไว้ว่าจะสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักลงทุนว่า ฤดูฝนปีนี้จะบริหารจัดการน้ำไม่ให้เกิดอุทกภัยขึ้นอีก ฟื้นฟูพื้นที่เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตน้ำท่วมปีที่ผ่านมา เพื่อช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ประสบภัย

แต่ปรากฏว่าปีนี้น้ำก็ยังท่วมเหมือนเดิม และชาวบ้านก็ยังออกมาทวงถามเงินเยียวยาช่วยเหลืออยู่ทุกวัน

ส่วนเป้าหมายระยะยาวนั้นคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) จะมุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือภาคอุสาหกรรมมากกว่าภาคประชาชน เช่น การหาพื้นที่เศรษฐกิจแห่งใหม่เพื่อรองรับอุตสาหกรรม การพัฒนาธุรกิจประกันภัยของไทย การพิจารณาจัดหาแหล่งเงินและรูปแบบการลงทุน และการสร้างเขื่อนล้อมรอบนิคมอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่บนเส้นทางน้ำท่วมและได้รับผลกระทบรุนแรงจากอุทกภัยเมื่อปีที่ผ่านมา

สิ่งที่ กยน.มุ่งย้ำอีกอย่างก็คือ การสร้างความเชื่อมั่นต่อธุรกิจประกันภัย เพื่อให้มั่นใจว่าปีนี้น้ำจะไม่ท่วมอีก แต่ถึงวันนี้น้ำท่วมสุโขทัยซึ่งเป็นต้นน้ำแล้วดูเหมือนคำตอบจากนายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย หรือ กบอ.ก็คือ เป็นเหตุสุดวิสัย

เอาเข้าจริงๆ แล้วเงิน 3 แสน 5 หมื่นล้านที่ว่ามานี้ไม่ได้มุ่งเน้นที่จะช่วยเหลือชาวบ้านชาวช่องให้รอดจากภัยน้ำท่วม แต่มุ่งที่จะช่วยเหลือกลุ่มทุนเสียมากกว่า

ส่วนคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) นั้นยังมีสภาพอยู่หรือไม่ก็ไม่รู้ เพราะเห็นคนที่ออกมาแอ็คติ้งก็มีเพียงนายปลอดประสพ สุรัสวดี และนายรอยล จิตรดอน ส่วนนายปราโมทย์ ไม้กลัด กับนายสมิทธ ธรรมสโรชก็ออกมาพูดจาสวนทางกับทั้งสองคนตลอดเวลา

และไม่กี่วันคณะกรรมการ กบอ.ที่มีนายปลอดประสพเป็นประธานก็เพิ่งจะประกาศเชิญชวนผู้สนใจร่วมยื่นทีโออาร์เพื่อเสนอกรอบแนวคิด เพื่อออกแบบก่อสร้างระบบบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน และระบบการแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย

สะท้อนว่าถึงตอนนี้รัฐบาลชุดนี้ก็ไม่มีอะไรที่เป็นรูปธรรมสมกับงบประมาณเอามาถืออยู่ในมือแล้ว 3 แสนกว่าล้านเลย

ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่า ประชาชนจะอดทนต่อนารีขี่ม้าขาวที่โง่ บื้อ เบลอ ตื้น และไร้ปัญญาไปได้อีกนานไหม หรือจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน แต่ขอให้ฉันได้ด้วยตามผลโพลที่ออกมา
กำลังโหลดความคิดเห็น