รมว.วิทย์ ยันปล่อยน้ำเข้ากรุง ไม่ได้ทำโดยพลการ ปรึกษา “วัลลภ” รองผู้ว่าฯ กทม.ตลอด ซัด “ธีระชน” ไม่ได้ดูแลเรื่องน้ำโดยตรง อ้างไม่ตรงความเป็นจริง ส่วนการปล่อยน้ำยันทางชัยนาทปล่อยตามปกติ ไม่ได้สิ้นเปลือง เย้ยอยากเป็นผู้ว่าฯ ต้องด่าหาผลงานลงเลือกตั้ง สั่งช่อง 9-ช่อง 11 พีอาร์หลัง “ยิ่งลักษณ์” กำชับหวั่นคนกรุงแตกตื่น
วันนี้ (30 ส.ค.) นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) กล่าวว่า นายรอยล จิตรดอน ประธานคณะอนุกรรมการติดตามวิเคราะห์สถานการณ์น้ำและจัดสรรน้ำ ของ กบอ. นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และนายสัญญา ชีนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กทม.ได้ร่วมกันอธิบายในรายละเอียด การซ้อมการระบายน้ำผ่านคลองในพื้นที่ กทม.ทั้งตะวันออกและตะวันตก ซึ่งการซ้อมการระบายน้ำครั้งนี้ทำงานร่วมกันระหว่าง กบอ. กทม. กองทัพเรือ กรมชลประทาน และกรมอุทกศาสตร์มาตั้งแต่ต้น ซึ่งข้อกล่าวหาที่ติมาว่าทำโดยพลการนั้นไม่ใช่ เรามีการปรึกษาหารือกันมาโดยตลอด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ประชุมได้มีพูดถึงกรณีที่นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม. วิจารณ์การทดสอบการระบายน้ำ นายปลอดประสพกล่าวว่า นายธีรชนไม่ได้เป็นรองผู้ว่าฯ กทม.ที่รับผิดชอบเรื่องน้ำ แต่เป็นนายวัลลภ ซึ่งได้ร่วมประชุมกับ กบอ. ซึ่งความคิดเห็นของนายธีระชน เป็นความคิดเห็นทั่วไป ไม่ใช่ความเห็นของผู้รับผิดชอบ และไม่ตรงกับความจริง เพราะเรา กบอ.ไม่ได้ทำงานคนเดียว แต่ทำงานร่วมกับ กทม.มาตลอด
ส่วนที่มาทำการทดสอบการระบายน้ำในช่วงนี้ เพราะ กทม.เพิ่งขุดลอกคูคลองเสร็จ ซึ่งจากที่ กทม.บอกกับรัฐบาลในการขุดลอกคูคลองเสร็จปลายเดือน ส.ค. ฉะนั้นเราจึงซ้อมในวันที่ 5 และ 7 ก.ย. อีกทั้งการทดสอบนี้เกิดขึ้นในช่วงที่กรมชลประทานจะการระบายน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ตั้งแต่ จ.ชัยนาทลงมาตามปกติ เราจึงใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์ด้วยการทดสอบเพื่อประเมินประสิทธิภาพการระบายน้ำ ตรวจหาข้อจำกัดหรืออุปสรรค ไม่ได้เป็นการปล่อยน้ำสิ้นเปลือง ส่วนกรณีที่ประชาชนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ก็ต้องฟังความเป็นจริง ซึ่งการทดสอบการระบายน้ำที่ร้อยละ 30 ของศักยภาพลำน้ำ หรือคิดเป็นปริมาตรน้ำไม่เกิน 10 ถึง 20 ลบ.ม.ต่อวินาทีเท่านั้น เรื่องที่น้ำล้นจะไม่มี และจะเป็นการระบายน้ำลงในคลองหลักเท่านั้น
“ผมไม่ท้อใจ เพราะผมกินเงินเดือนในฐานะรัฐมนตรี และทำงานให้กับประชาชน หน้าที่ของผมคือไม่ให้น้ำท่วม และการบริหารน้ำให้เป็นองค์รวม ใน 1 ปีที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว ทุกคนรวมทั้งนายกรัฐมนตรีทำเรื่องนี้ไม่ให้เกิดน้ำท่วม และวันนี้น้ำก็ไม่ท่วม ถามว่าพวกผมทำให้น้ำไม่ท่วมตามภารกิจที่มอบให้ พวกผมควรถูกด่าหรือถูกขอบคุณ แทนที่จะขอบคุณกลับหาเรื่องอื่นมาด่า มันไม่ถูก” นายปลอดประสพกล่าว
สำหรับเสียงวิจารณ์ของนายธีระชน นายปลอดประสพกล่าวว่า ตนก็เข้าใจว่าพูดอย่างที่นักการเมืองพูด เพราะท่านเป็นรองผู้ว่าฯ กทม.และอยากจะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งเราจะมีการแถลงผลงานรัฐบาลในวันที่ 31 ส.ค.นี้ ก็ต้องด่าเพื่อไม่ให้ผลงานของรัฐบาลออก ซึ่งตนก็ได้ฝากนายวัลลภไปถามแล้ว ซึ่งการทำงานเป็นคณะกรรมการต้องช่วยกันคิด ช่วยกันตัดสินใจ มีที่ไหนในโลกที่ทำอะไรโดยไม่มีการทดสอบ
นายปลอดประสพกล่าวว่า ตนได้รายงานแผนการทดสอบนี้ให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้วเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงว่าชาว กทม.ที่อยู่ในพื้นที่ที่จะมีการทดสอบการระบายน้ำ จึงสั่งการให้ กบอ.ออกแถลงการณ์เรื่องนี้ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนว่าไม่ส่งผลกระทบตามที่หลายฝ่ายวิตกกังวล ทั้งนี้ ตนได้ขอให้กรรมการ กบอ.ทุกคนช่วยชี้แจงเรื่องนี้ และจะจัดทำเอกสารชี้แจง รวมถึงประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ผ่านทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี (ช่อง 9) และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง 11)
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาโครงการในอนาคตว่า ถ้าโครงการใดที่เป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการที่อยู่ในวงเงิน 1.2 แสนล้านบาท หากมีความจำเป็นหรือโครงการที่ต้องทำเร่งด่วนหากไม่ทำจะเกิดความเสียหาย ก็สามารถใช้วงเงินในส่วนของ 3.5 แสนล้านบาทได้ และจะต้องไม่เกินวงเงินที่ได้ประกาศในทีโออาร์ไปแล้ว ซึ่งโครงการที่จะใช้วงเงิน 3.5 แสนล้านบาทนั้นยังไม่ทราบว่าจะมีกี่โครงการ เพราะต้องมีการพิจารณาตัดโครงการที่มีไม่จำเป็นออกไปก่อน ซึ่งขณะนี้มีหน่วยงานต่างๆ เสนอโครงการเข้ามากว่า 700 โครงการ
อย่างไรก็ตาม วงเงิน 3.5 แสนล้านบาทนั้น ขณะมีการใช้ไปแล้ว 3 หมื่นล้านบาท และจากนี้ไปกรอบวงเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท ทางรัฐบาลจะให้เหลือ 3 แสนล้านตามกรอบ ทีโออาร์ ที่ให้เอกชนเข้ามาเสนอโครงการการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ ส่วนที่เหลือ 5 หมื่นล้านเว้นไว้เฉพาะโครงการที่เร่งด่วนและจำเป็นเท่านั้น เช่น 3 โครงการที่มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ส.ค.เห็นชอบ เช่น การย้ายประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ์ การทำระบบไซฟ่อนประตูระบายน้ำบางโฉมศรี และทำเขื่อนล้อมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต เป็นต้น ทั้งนี้ ในวันที่ 6 ก.ย.จะมีการพิจารณาโครงการขุดลอกบึงศรีไฟ จ.พิจิตร โดยจะมีการอนุมัติงบประมาณ 10 ล้านบาทจากวงเงิน 1.2 แสนล้านบาท เพื่อการศึกษาและสำรวจลำน้ำเพื่อนำไปสู่การบูรณะและขุดลอกเป็นแก้มลิงถาวร