น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลผนึกกำลังทุกภาคส่วน จัดนิทรรศการยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำของ รัฐบาล ปี 2555 ภายใต้ชื่อ “มุ่งมั่นทำงาน บริหารจัดการน้ำ เพื่อประชาชน” ในระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม – 2 กันยายนนี้ เริ่มตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น. ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ห้องบางกอกคอนเวนชั่น ชั้น 5 เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ และแก้ไข ปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งของรัฐบาล
ทั้งนี้เนื่องจากปี 2554 ประเทศไทยได้ประสบปัญหาจากเหตุการณ์มหาอุทกภัย ทำให้เกิดผลกระทบต่อชีวิตและ ทรัพย์สินของประชาชนอย่างมหาศาล ตลอดจนสร้างความเสียหายต่อภาคธุรกิจเป็นจำนวนเงินมหาศาลถึง 1.4 ล้านล้านบาท ดังนั้นเพื่อคลายความวิตกกังวล และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่ได้รับผล กระทบจากเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ผ่านมาทั้งในส่วนของประชาชน และภาคธุรกิจ รัฐบาลในฐานะผู้บริหารประเทศจึงมีการค้นหาสาเหตุ และชี้แจงข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน และฟื้นฟูขวัญและกำลังใจของประชาชน ให้สามารถกลับมาดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข
พร้อมกันนี้รัฐบาลจะจัดแสดงนิทรรศการยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลปี 2555 ภายใต้ชื่อ “มุ่งมั่นทำงาน บริหารจัดการน้ำ เพื่อประชาชน” ขึ้น ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชน ซึ่งการจัดแสดงนิทรรศการดังกล่าวจะเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับประชาชน ที่มาร่วมชมงานให้ทราบถึงวิธีการแก้ไขปัญหาอุทกภัยของรัฐบาล
** "ปู"รับหน้าที่ไกด์ลีดเดอร์
นายวิม รุ่งวัฒนจินดา เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในงานดังกล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานเปิดงาน และทำหน้าที่เป็นไกด์ลีดเดอร์ นำสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ เข้าชมนิทรรศการ ซึ่งจะแบ่งเป็น 5 จุด โดยจุดแรกจะมี นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เป็นผู้บรรยายสรุปการบริหารจัดการน้ำ จุดที่ 2 จะแสดงให้เห็นว่า น้ำท่วมที่ผ่านมา สร้างความเสียหายอะไรบ้าง โดยนายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นผู้บรรยาย จุดที่ 3 จะเป็นโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานแนวทางแก้ไขปัญหา และรัฐบาลจะนำไปใช้อย่างไร โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมช.คมนาคม จะเป็นผู้บรรยาย
จุดที่ 4 เป็นการจัดแสดงการดำเนินการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลตลอดระยะ 1 ปีที่ผ่านมมา ได้ทำอะไรบ้าง ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ภายใต้งบประมาณ 1.2 แสนล้าน และจุดที่ 5 จะเป็นของการฟื้นฟูเยียวยา
จากนั้นนายกฯจะนำคณะสื่อออกจากจุดนิทรรศการ และจะเปิดงานอย่างเป็นทางการ โดยจะมีการถ่ายทอดช่อง 9 และช่อง 11 และจะมีการชี้แจงเป็นภาษาอังกฤษ กับสื่อมวลชนต่างประเทศ ทูตานุทูต ภาคเอกชน เอ็นจีโอ ผู้แทนนิคมอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการ เป็นต้น ที่จะเข้าร่วมรับฟังประมาณ 100 คน นอกจากนี้ยังจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมนิทรรศการได้ตั้งแต่เวลา 11.00 – 21.00 น.โดยจะมีเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลทุกจุด และจะมีจุดให้ประชาชนร้องเรียนได้
**"ปลอด"ปล่อยน้ำเทสต์คูคลอง
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) กล่าวว่า กบอ. ได้ร่วมกับกรมชลประทาน กองทัพเรือ และกทม. จะทดสอบระบบการระบายน้ำ และขีดความสามารถของการระบายน้ำในคู คลองในกรุงเทพมหานคร และเป็นการทดสอบระบบการสูบน้ำของกทม. ซึ่งการทดสอบการปล่อยน้ำครั้งนี้ จะปล่อยน้ำไม่เกิน 20 ลบ.ม. ต่อวินาที โดยจะมีการทดสอบ 2 วัน คือ วันที่ 5 ก.ย. จะทดสอบการระบายน้ำในฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ บริเวณคลองทวีวัฒนา และคลองอื่นๆ ที่เชื่อมต่อกันในกทม. โดยคลองทวีวัฒนา สามารถรองรับการไหลผ่านของน้ำได้สูงสุด 60 ลบ.ม.ต่อวินาที และ วันที่ 7 ก.ย. จะทดสอบการระบายน้ำด้านฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ บริเวณคลองระพีพัฒน์ และคลองลาดพร้าว โดยคลองระพีพัฒน์ สามารถรองรับการไหลผ่านของน้ำได้สูงสุดกว่า 100 ลบ.ม. ต่อวินาที ส่วนคลองลาดพร้าว รองรับการไหลผ่านของน้ำได้สูงสุด 30 ลบ.ม. ต่อวินาที
ทั้งนี้ จะใช้เรือผลักดันน้ำ 8 ลำของกองทัพเรือ มาช่วยเสริมประสิทธิภาพการระบายน้ำในคลองต่างๆ ด้วย เพื่อทดสอบศักยภาพ และขีดความสามารถในการระบายน้ำ และความสามารถในการรองรับน้ำได้สูงสุด ตามที่วางแผนไว้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม การทดสอบครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำ และสามารถหาจุดทรุดตัวของคูคลอง บริเวณใต้สะพานเพื่อให้แก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ยืนยันจะไม่เกิดน้ำท่วมระหว่างการทดสอบระบบ หากเกิดความเสียหายตนพร้อมที่จะรับผิดชอบ
**รองผู้ว่าฯฉะ"ปลอด"หาเรื่องเดือดร้อน
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม. ในฐานะนายช่างโยธา และคณะทำงานบริหารจัดการระบายน้ำในพื้นที่ที่เกิดสาธารณภัยร้ายแรงของศปภ. กล่าวถึง กรณีที่นายปลอดประสพ จะทดสอบระบบระบายน้ำในคูคลอง พื้นที่กทม.ว่า ตนขอพูดในฐานะวิศวกร และคณะทำงานบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ที่เกิดสาธารณภัยร้ายแรงของศปภ. ที่นายกรัฐมนตรีเป็นคนแต่งตั้ง เมื่อช่วงปลายปี 54 และสามารถทำให้กทม. รอดพ้นจากการถูกน้ำท่วมมาได้กว่า 20 เขต ซึ่งตนคิดว่า การจะทดลองระบบระบายน้ำในช่วงฤดูฝน เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง เพราะคณะทำงานบริหารจัดการน้ำชุดที่แล้ว ได้สั่งให้รื้อให้ระบบป้องกันน้ำฝนของกทม. เพื่อให้น้ำเหนือไหลออกปากอ่าว เมื่อปลายปี 54 ออกไปแล้ว ฉะนั้น ระหว่างการทดลองระบบ หากเกิดมีฝนตกขึ้นมา ผู้ที่ตัดสินใจดำเนินการเรื่องนี้จะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นกทม. และตนทราบมาว่าในที่ประชุม กบอ. วิศวกรชั้นผู้ใหญ่หลายคน ไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้
นายธีระชัย กล่าวว่า หากอยากจะทำ ผู้ที่ดำเนินการเรื่องนี้จะต้องไปทำสิ่งเหล่านี้คือ 1. จะต้องไปดูพื้นที่ต้นน้ำว่าเขื่อนมีสภาพเป็นอย่างไร การปล่อยน้ำมาจากเขื่อนในปริมาณมาก จะทำให้เกิดสภาวะน้ำแล้งหรือไม่ 2. จะต้องไปดูคลองระพีพัฒน์ ที่เมื่อช่วงน้ำท่วมปลายปี 54 ได้มีการไปขวางคลองเอาไว้ ได้มีการแก้ไขปัญหาหรือยัง ประตูระบายน้ำจำนวน 14 บาน และเขื่อนอีก 20 กว่าจุด สถานีสูบน้ำ 3 แห่ง ที่คลองหกวาสายล่าง มีการซ่อมแซมหมดแล้วหรือยัง ชายทะเลที่น้ำไปไม่ถึงมีการได้ขุดลอกคูคลองให้น้ำไปถึงแล้วหรือยัง คลองหนอกจอก และคลองประเวศน์ ซึ่งปีที่แล้วไม่ยอมเปิดให้น้ำไหลผ่านได้ดูแลระบบและเปิดแล้วหรือยัง รวมไปถึงพื้นที่แก้มลิงฝั่งตะวันออกและตะวันตกที่เตรียมจะรับน้ำได้มีการเตรียมการครบถ้วนแล้วหรือยัง
"ถ้าสิ่งเหล่านี้ครบถ้วนแล้วก็ขอให้ทดสอบเลย แต่ถ้าน้ำฝนมาจะต้องรับผิดชอบเพราะได้มีการรื้อระบบป้องกันน้ำฝนของกรุงเทพมหานครไปแล้ว ซึ่งการกระทำการใดๆ ขอให้นึกถึงประชาชน และขอให้คนที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพทางด้านวิศวกรรมทางน้ำได้โปรดรับฟังความคิดเห็นของวิศวกรผู้ใหญ่ที่มีใบประกอบวิชาชีพและมีความรู้ด้านนี้โดยตรงที่อยู่ร่วมในที่ประชุมกบอ.บ้าง" นายธีระชน กล่าว
ทั้งนี้เนื่องจากปี 2554 ประเทศไทยได้ประสบปัญหาจากเหตุการณ์มหาอุทกภัย ทำให้เกิดผลกระทบต่อชีวิตและ ทรัพย์สินของประชาชนอย่างมหาศาล ตลอดจนสร้างความเสียหายต่อภาคธุรกิจเป็นจำนวนเงินมหาศาลถึง 1.4 ล้านล้านบาท ดังนั้นเพื่อคลายความวิตกกังวล และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่ได้รับผล กระทบจากเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ผ่านมาทั้งในส่วนของประชาชน และภาคธุรกิจ รัฐบาลในฐานะผู้บริหารประเทศจึงมีการค้นหาสาเหตุ และชี้แจงข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน และฟื้นฟูขวัญและกำลังใจของประชาชน ให้สามารถกลับมาดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข
พร้อมกันนี้รัฐบาลจะจัดแสดงนิทรรศการยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลปี 2555 ภายใต้ชื่อ “มุ่งมั่นทำงาน บริหารจัดการน้ำ เพื่อประชาชน” ขึ้น ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชน ซึ่งการจัดแสดงนิทรรศการดังกล่าวจะเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับประชาชน ที่มาร่วมชมงานให้ทราบถึงวิธีการแก้ไขปัญหาอุทกภัยของรัฐบาล
** "ปู"รับหน้าที่ไกด์ลีดเดอร์
นายวิม รุ่งวัฒนจินดา เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในงานดังกล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานเปิดงาน และทำหน้าที่เป็นไกด์ลีดเดอร์ นำสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ เข้าชมนิทรรศการ ซึ่งจะแบ่งเป็น 5 จุด โดยจุดแรกจะมี นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เป็นผู้บรรยายสรุปการบริหารจัดการน้ำ จุดที่ 2 จะแสดงให้เห็นว่า น้ำท่วมที่ผ่านมา สร้างความเสียหายอะไรบ้าง โดยนายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นผู้บรรยาย จุดที่ 3 จะเป็นโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานแนวทางแก้ไขปัญหา และรัฐบาลจะนำไปใช้อย่างไร โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมช.คมนาคม จะเป็นผู้บรรยาย
จุดที่ 4 เป็นการจัดแสดงการดำเนินการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลตลอดระยะ 1 ปีที่ผ่านมมา ได้ทำอะไรบ้าง ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ภายใต้งบประมาณ 1.2 แสนล้าน และจุดที่ 5 จะเป็นของการฟื้นฟูเยียวยา
จากนั้นนายกฯจะนำคณะสื่อออกจากจุดนิทรรศการ และจะเปิดงานอย่างเป็นทางการ โดยจะมีการถ่ายทอดช่อง 9 และช่อง 11 และจะมีการชี้แจงเป็นภาษาอังกฤษ กับสื่อมวลชนต่างประเทศ ทูตานุทูต ภาคเอกชน เอ็นจีโอ ผู้แทนนิคมอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการ เป็นต้น ที่จะเข้าร่วมรับฟังประมาณ 100 คน นอกจากนี้ยังจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมนิทรรศการได้ตั้งแต่เวลา 11.00 – 21.00 น.โดยจะมีเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลทุกจุด และจะมีจุดให้ประชาชนร้องเรียนได้
**"ปลอด"ปล่อยน้ำเทสต์คูคลอง
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) กล่าวว่า กบอ. ได้ร่วมกับกรมชลประทาน กองทัพเรือ และกทม. จะทดสอบระบบการระบายน้ำ และขีดความสามารถของการระบายน้ำในคู คลองในกรุงเทพมหานคร และเป็นการทดสอบระบบการสูบน้ำของกทม. ซึ่งการทดสอบการปล่อยน้ำครั้งนี้ จะปล่อยน้ำไม่เกิน 20 ลบ.ม. ต่อวินาที โดยจะมีการทดสอบ 2 วัน คือ วันที่ 5 ก.ย. จะทดสอบการระบายน้ำในฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ บริเวณคลองทวีวัฒนา และคลองอื่นๆ ที่เชื่อมต่อกันในกทม. โดยคลองทวีวัฒนา สามารถรองรับการไหลผ่านของน้ำได้สูงสุด 60 ลบ.ม.ต่อวินาที และ วันที่ 7 ก.ย. จะทดสอบการระบายน้ำด้านฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ บริเวณคลองระพีพัฒน์ และคลองลาดพร้าว โดยคลองระพีพัฒน์ สามารถรองรับการไหลผ่านของน้ำได้สูงสุดกว่า 100 ลบ.ม. ต่อวินาที ส่วนคลองลาดพร้าว รองรับการไหลผ่านของน้ำได้สูงสุด 30 ลบ.ม. ต่อวินาที
ทั้งนี้ จะใช้เรือผลักดันน้ำ 8 ลำของกองทัพเรือ มาช่วยเสริมประสิทธิภาพการระบายน้ำในคลองต่างๆ ด้วย เพื่อทดสอบศักยภาพ และขีดความสามารถในการระบายน้ำ และความสามารถในการรองรับน้ำได้สูงสุด ตามที่วางแผนไว้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม การทดสอบครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำ และสามารถหาจุดทรุดตัวของคูคลอง บริเวณใต้สะพานเพื่อให้แก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ยืนยันจะไม่เกิดน้ำท่วมระหว่างการทดสอบระบบ หากเกิดความเสียหายตนพร้อมที่จะรับผิดชอบ
**รองผู้ว่าฯฉะ"ปลอด"หาเรื่องเดือดร้อน
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม. ในฐานะนายช่างโยธา และคณะทำงานบริหารจัดการระบายน้ำในพื้นที่ที่เกิดสาธารณภัยร้ายแรงของศปภ. กล่าวถึง กรณีที่นายปลอดประสพ จะทดสอบระบบระบายน้ำในคูคลอง พื้นที่กทม.ว่า ตนขอพูดในฐานะวิศวกร และคณะทำงานบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ที่เกิดสาธารณภัยร้ายแรงของศปภ. ที่นายกรัฐมนตรีเป็นคนแต่งตั้ง เมื่อช่วงปลายปี 54 และสามารถทำให้กทม. รอดพ้นจากการถูกน้ำท่วมมาได้กว่า 20 เขต ซึ่งตนคิดว่า การจะทดลองระบบระบายน้ำในช่วงฤดูฝน เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง เพราะคณะทำงานบริหารจัดการน้ำชุดที่แล้ว ได้สั่งให้รื้อให้ระบบป้องกันน้ำฝนของกทม. เพื่อให้น้ำเหนือไหลออกปากอ่าว เมื่อปลายปี 54 ออกไปแล้ว ฉะนั้น ระหว่างการทดลองระบบ หากเกิดมีฝนตกขึ้นมา ผู้ที่ตัดสินใจดำเนินการเรื่องนี้จะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นกทม. และตนทราบมาว่าในที่ประชุม กบอ. วิศวกรชั้นผู้ใหญ่หลายคน ไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้
นายธีระชัย กล่าวว่า หากอยากจะทำ ผู้ที่ดำเนินการเรื่องนี้จะต้องไปทำสิ่งเหล่านี้คือ 1. จะต้องไปดูพื้นที่ต้นน้ำว่าเขื่อนมีสภาพเป็นอย่างไร การปล่อยน้ำมาจากเขื่อนในปริมาณมาก จะทำให้เกิดสภาวะน้ำแล้งหรือไม่ 2. จะต้องไปดูคลองระพีพัฒน์ ที่เมื่อช่วงน้ำท่วมปลายปี 54 ได้มีการไปขวางคลองเอาไว้ ได้มีการแก้ไขปัญหาหรือยัง ประตูระบายน้ำจำนวน 14 บาน และเขื่อนอีก 20 กว่าจุด สถานีสูบน้ำ 3 แห่ง ที่คลองหกวาสายล่าง มีการซ่อมแซมหมดแล้วหรือยัง ชายทะเลที่น้ำไปไม่ถึงมีการได้ขุดลอกคูคลองให้น้ำไปถึงแล้วหรือยัง คลองหนอกจอก และคลองประเวศน์ ซึ่งปีที่แล้วไม่ยอมเปิดให้น้ำไหลผ่านได้ดูแลระบบและเปิดแล้วหรือยัง รวมไปถึงพื้นที่แก้มลิงฝั่งตะวันออกและตะวันตกที่เตรียมจะรับน้ำได้มีการเตรียมการครบถ้วนแล้วหรือยัง
"ถ้าสิ่งเหล่านี้ครบถ้วนแล้วก็ขอให้ทดสอบเลย แต่ถ้าน้ำฝนมาจะต้องรับผิดชอบเพราะได้มีการรื้อระบบป้องกันน้ำฝนของกรุงเทพมหานครไปแล้ว ซึ่งการกระทำการใดๆ ขอให้นึกถึงประชาชน และขอให้คนที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพทางด้านวิศวกรรมทางน้ำได้โปรดรับฟังความคิดเห็นของวิศวกรผู้ใหญ่ที่มีใบประกอบวิชาชีพและมีความรู้ด้านนี้โดยตรงที่อยู่ร่วมในที่ประชุมกบอ.บ้าง" นายธีระชน กล่าว