xs
xsm
sm
md
lg

“ปลอด” ปล่อยน้ำเข้ากรุง แค่เกมถล่ม “สุขุมพันธุ์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

หน้าน้ำปีนี้อาจมีบางจังหวะที่พายุฝนกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา ทำให้บางจังหวัด เช่น เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตรัง สตูล เจอน้ำท่วมฉับพลัน ได้รับความเสียหายไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้หนักหนาสาหัส เมื่อเมื่อปีกลายที่วิกฤตน้ำกินพื้นที่ครึ่งค่อนประเทศ

มุมหนึ่งอาจชมเชยรัฐบาลเพื่อไทยที่นำบทเรียนจากปีก่อนมาวางแผนเฝ้าระวังป้องกันทั้งระยะสั้น ระยะยาวได้ จนพิบัติภัย “น้องน้ำ” มีแนวโน้มที่จะซ้ำรอยเดิมยาก แต่อีกมุมที่ต้องบอกว่ารัฐบาล “โชคดี” มากกว่า ที่สถานการณ์ปีนี้ต่างจากปี 2554 อย่างสิ้นเชิง การบริหารจัดการน้ำในเขื่อนเป็นเอกภาพมากขึ้น และมรสุมลูกใหญ่ๆ ก็ไม่ได้ย่างกรายเข้ามารุกหนักจนรับมือไม่ไหว

คาดหวังว่าปีนี้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ คงไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจาก “น้องน้ำ” เท่าใดนัก

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มักมีคำโฆษณาโอ้อวดจากคนในรัฐบาลเสมอๆ ว่าปี 2555 น้ำจะไม่ท่วมใหญ่เหมือนปีที่ผ่านมา ทั้งจากปากของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ที่ท่องวลีฮิต “เอาอยู่ๆ” จนติดปาก และมักร่ายแผนจัดการน้ำ ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ให้ฟังจนชาวบ้านออกอาการเอียนเต็มทน

เช่นเดียวกับ “ปลอดประสพ สุรัสวดี” รมว.วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ และอุทกภัย (กบอ.) ที่วันนี้สถาปนาตัวเองพ้นจาก “กูรู” เรื่องน้ำเป็น “กูรู้” อยู่คนเดียว ก็นั่งนอนยันว่าปีนี้น้ำไม่ท่วมแน่นอน

ด้วยความภาคภูมิใจที่ว่ารัฐบาลก็ได้จัด “อีเวนต์” การบริหารจัดการน้ำ โชว์ให้ประชาชนได้เข้ามาชมและรับรู้ขั้นตอนของการจัดการน้ำ ที่ศูนย์การค้าใหญ่ใจกลางเมือง โดยหวัง “ตีปิ๊บ” ว่าเป็นผลงานอันเอกอุของรัฐบาล ที่คิดตีกรอบทั้งระบบจนอุทกภัยไม่มากล้ำกราย และให้ประชาชนหมดห่วง คลายกังวลเรื่อง “น้องน้ำ” ไปได้

โดยเฉพาะคน กทม.ที่อาจต้องบริโภคของแพง แต่ก็กินอิ่มนอนหลับ ไม่ต้องพะว้าพะวงหาทางหนีทีไล่หัวซุกหัวซุนอย่างที่เคย

แต่ว่าคน กทม.กลับต้องเอามือก่ายหน้าผาก เมื่อ “ปลอด” เจ้าเก่าไอเดียบรรเจิด ล็อกวันที่ 5-7 ก.ย.นี้ จัดฉากทดลองปล่อยน้ำจากเขื่อนลงมาเพื่อให้ไหลเข้ามาในเขต กทม. ผ่านคลองสำคัญทั้งฝั่งตะวันตก-ตะวันออก เพื่อตรวจงานว่ามีปัญหาอุปสรรคอะไรที่จะทำให้น้ำไหลผ่านไม่สะดวกโยธินหรือไม่ หลังจากที่เทงบประมาณไล่ขุดลอกคูคลองกันไปยกใหญ่ พร้อมรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า ถึงแผนในช่วง 3 วันที่ว่าจะผิดพลาด เข้าขั้นเลวร้ายอย่างไรก็ไม่ทำให้น้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนแน่นอน

งานนี้ใครจะรับประกันได้ เพราะอย่าลืมนะว่า “ปลอดประสพ” คนเดียวกันนี้เองที่เคยประกาศว่า “สนามบินดอนเมือง” ไม่มีทางถูกน้ำท่วมล้านเปอร์เซ็นต์ แต่ให้หลังเพียงวันสองวัน “ดอนเมือง” กลับกลายเป็น “สนามบินน้ำ” ในพริบตา นั่นแหละจึงหุบปากหยุดพูดได้ มาครั้งนี้ถ้อยคำจากปาก “ปลอดประสพ” จึงมีคนกรุงเชื่อไม่ถึงครึ่ง

เรื่องของเรื่องที่ต้องลงทุนเสี่ยงปล่อยน้ำผ่าใจกลางเมืองกรุงเที่ยวนี้ ก็จะทดสอบเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างเซ็นเซอร์ติดตามการไหลของน้ำ การควบคุมการเปิด-ปิดประตูระบายน้ำอัตโนมัติ

แต่อีกมุมก็เรื่องการเมืองล้วนๆ ที่กะจะ “ดิสเครดิต” ฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะ “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพราะข่าวที่ออกเป็นระยะผ่านๆ มา ชี้ให้เห็นถึงความขัดแย้งของท้องถิ่นอย่าง “กทม.” ที่พะยี่ห้อพรรคประชาธิปัตย์ กับรัฐบาลกลาง โดยพรรคเพื่อไทยมาอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องการเตรียมพื้นที่รับมือสถานการณ์ปรับพื้นที่รองรับน้ำ โดยเฉพาะการขุดลอกคูคลอง ที่มักมีข่าวว่า กทม.ไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร

งานนี้ “ปลอดประสพ” พุ่งเป้าไปที่ “คลองลาดพร้าว” ที่ กทม.รับหน้าเสื่อรับผิดชอบ เพราะในฐานะประธาน กบอ. คุมแผนภาพรวมก็รู้ดีว่า มีความคืบหน้าไม่ถึงครึ่งทาง หากเกิดเหตุสุดวิสัย น้ำทะลักเข้าเขตชุมชน ก็ไม่พ้นจุดนี้ และก็จะพูดได้เต็มปากว่า กทม.ชุ่ย ไม่ยอมทำตามแผนที่รัฐบาลวางไว้


ฝ่าย “สุขุมพันธุ์” ใช่ว่าจะไม่รู้ทัน จึงออกมาท้วงติงเป็นห่วงว่า การทดลองปล่อยน้ำจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาได้ และหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา รัฐบาลต้องรับผิดชอบ เพราะรัฐบาลก็ได้ยืนยันแข็งขันว่า ควบคุมได้ ไม่ต้องเป็นห่วง

มองง่ายๆ มันก็แค่เรื่องการเมืองเตะตัดขา โหมโรงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ช่วงต้นปีหน้าเท่านั้น
นอกจากฝ่ายการเมืองจะเอาความเดือดร้อนของประชาชนไปเป็น “เดิมพัน” ในเกมการเมืองของตัวเองแล้ว ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวบ้านก็ยิ่งต้องออกอาการอึ้ง เมื่อกรรมการผู้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาน้ำของรัฐบาลหลายคนออกมาแสดงวามเป็นห่วง การดำเนินนโยบายบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลที่ขาดความเข้าใจเรื่องของน้ำ และเป็นต้นตอให้เกิดปัญหาน้ำท่วมได้อีก

ที่ร้อนแรงที่สุดเห็นจะเป็นการดวลวิวาทะของ “ปลอดประสพ” ในฐานะประธาน กบอ. กับ “ปราโมทย์ ไม้กลัด” กรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ที่งัดข้อกันผ่านสื่อ ต่างฝ่ายต่างโชว์ความเห็นของตัวเอง โดยไม่ยอมรับความคิดเห็นของอีกฝ่าย ฉายภาพความขัดแย้งภายในของคณะกรรมการชุดต่างๆ ที่รัฐบาลแต่งตั้งมากับมือ

และที่ต้องออกมาพูดข้างนอก ก็แสดงว่าพูดในที่ประชุมแล้วไม่มีใครฟังใคร

จุดเริ่มต้นความขัดแย้งก็มาจากการที่รัฐบาลตั้งบรรดา “หัวกะทิด้านน้ำ” เข้ามาอยู่ใน “กยน.” ที่มี “ยิ่งลักษณ์” นั่งหัวโต๊ะ และได้มีการเซตแผนระยะสั้น-ระยะยาว เสนอรัฐบาลจนอนุมัติออกมาทั้งหมดแล้ว แต่เกมมาเปลี่ยนตอนที่มีการแต่งตั้ง “กบอ.” ขึ้นมา และให้ “ปลอดประสพ” รับไปเป็นประธาน จุดนี้เองที่ทำให้แผนของ “กยน.” ถูกยัดเก็บในลิ้นชัก เพราะไม่มีการนำมาปฏิบัติจริง ในทางกลับกัน “กบอ.” กลับเลือกใช้ “กุนซือ” ที่เป็น “บริษัทหัวนอก” มารับงานวางระบบน้ำทั้งประเทศแทน ไม่แปลกที่ “นักวิชาการ-กูรูน้ำ” ที่ได้รับเชิญมาร่วมงานจึงไม่พอใจ

ยิ่งไปกว่านั้นสไตล์การทำงานของ “ปลอดประสพ” ยังเน้นแบบ “วันแมนโชว์” ใครพูดแนะนำอะไรมา ก็เข้าหูซ้าย ออกหูขวา จะฟังก็แต่กรรมการบางคนที่แนวคิดทางเดียวกับตัวเองเท่านั้น อาการกินแหนงแคลงใจจึงมีมาเรื่อย แม้วงประชุม กยน. จะไม่มีมาตั้งแต่ครั้งสุดท้าย เมื่อ 11 เม.ย. 55 แล้วก็ตาม

แต่หลายๆ อย่างยังคาใจกันอยู่ ที่น่าสนใจที่สุดเห็นจะเป็นประเด็นข้องใจของ “ปราโมทย์” ต่อโครงการจัดการน้ำมูลค่า 3.5 แสนล้านบาท พุ่งเป้าไปที่ “ทีโออาร์” ที่เปิดให้เอกชนไทย-เทศ มารับไปทำแผน มาประมูลแข่งกัน โดยชี้ว่าเป็นข้อกำหนดที่กว้างเกินไป และ ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน ที่อาจขัดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญได้

เรื่องนี้กระมังที่ทำให้ “คนในรัฐบาล” พยายามกีดกันให้ อดีตข้าราชการ-นักวิชาการ ที่อยู่ใน กยน. ออกนอกวง เพราะรู้ดีว่าต้องมีใครบางคนขัดคอเรื่องโครงการจัดการน้ำมูลค่า 3.5 แสนล้านบาท ที่ว่าอย่างแน่นอน

สุดท้ายทำให้อาจกลืนงบประมาณกันไม่คล่องคอ
กำลังโหลดความคิดเห็น