xs
xsm
sm
md
lg

ปล่อยโกงทางโล่ง โกหกป้ายสี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (11 ก.ย.) ที่รัฐสภานายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แถลงถึงกรณีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 1 ปี โกหกสีขาว 19 เรื่อง ซึ่งในวันนี้เป็นการแถลงครั้งที่ 2 เรื่องโกหกลำดับที่ 5-8
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 1ปี โกหกสีขาว 19 เรื่องว่า โดยในวันนี้จะเป็นการแถลงเรื่องโกหกลำดับที่ 5 - 8 ซึ่งตอนที่ 5 ชื่อว่า ไหนว่าลาก่อนน้ำแล้งน้ำท่วม ที่บอกว่าเป็นเรื่องโกหกก็เพราะที่ผ่านมาป้ายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยระบุว่า “ลาก่อนน้ำท่วมน้ำแล้ง” แต่ในความเป็นจริงเมื่อปี 54 ได้เกิดน้ำท่วมใหญ่ใน 65 จังหวัด เป็นระยะเวลา 5 เดือน 27 วัน และมีผู้เสียชีวิต 815 ราย และประชาชนเดือดร้อนทั้งสิ้น 4 ล้านครัวเรือนหรือคิดเป็นจำนวน 13 ล้านคน นอกจากนี้ยังสร้างความเสียหานให้กับระบบเศรษฐกิจไทยตามตัวเลขธนาคารโลก 1.4 ล้านล้านบาท ทั้งที่ประกาศว่าเอาอยู่
นายสาทิตย์ กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ยังได้โกหกอีกว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากรัฐบาลสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กักเก็บน้ำไว้ซึ่งตรงนี้เป็นคำพูดของนายกฯเมื่อวันที่ 2 พ.ย. 54 ว่าเขื่อนต่างๆที่ช่วยซับน้ำก็กักเก็บน้ำไว้เต็แล้วขณะที่เข้ารับตำแหน่งโดยไม่สามารถระบายน้ำได้ อีกทั้งนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ก็ยังมาพูดในที่สภาฯว่ารัฐบาลนายอภิสทธิ์มีการกักเก็บน้ำตั้งแต่ปี 53 แม้กระทั่งขณะที่มีการจัดนิทรรศการน้ำก็ยังมีความพยายามที่จะบอกว่า น้ำได้ถูกเก็บสะสมมาก่อนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะมาเป็นรัฐบาล ทั้งที่ความจริงเมื่อตอนนายอภิสิทธิ์ ประกาศยุบสภาน้ำในเขื่อนมีไม่ถึงครึ่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้มาเป็นรัฐบาลก็มีเวลาจัดการน้ำ 2 เดือน ส.ค. - ก.ย. แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเพราะในที่สุดแล้ว นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯ ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าได้ประสานไปยังกฟผ. ไม่ให้ระบายน้ำเพราะต้องการดูแลข้าวที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวในขณะนั้นจนกระทั้งน้ำเต็มเขื่อนในเดือนต.ค. ดังนั้นการที่ฝ่ายค้านระบุว่า รัฐบาลโกหกน้ำท่วมเพราะรัฐบาลไม่ยอมรับผิดถึงการบริหารจัดการน้ำของตนเองที่ล้มเหลว
นายสาทิตย์ กล่าวว่า โกหกเรื่องต่อมาคือ กทม.น้ำจะไม่ท่วมซึ่งเป็นคำพูดของนายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 54 ที่บอกว่ากทม.ปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ต้องเดือดร้อนอะไรทั้งสิ้น รวมถึงที่บริเวณดอนเมือง แต่ความจริงแล้วกทม.น้ำท่วมนานกว่า 1 เดือน ส่วนที่รัฐบาลโกหกว่าจะชดเชยเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบรายละ 30,000 บาทนั้น ก็เป็นความจริงซึ่งผู้ประสบภัยบางรายยังไม่ได้รับเงินเยียวยา และบางรายที่ได้รับก็ได้เพียง 70-100 บาทเท่านั้น นอกจากนั้นประชาชนบางกลุ่มที่จ.ปทุมธานี ยังถูกจับเข้าคุก ที่สำคัญในปี 55 ที่บอกว่าน้ำจะไม่ท่วมแต่กลับพบว่าภายใน 10 วันของเดือนก.ย. น้ำท่วมไปแล้ว 22 จังหวัด เป็นจังหวัดต้นน้ำ 9 จังหวัด กลางน้ำ 5 จังหวัด และปลายน้ำ 3 จังหวัด และนอกแผนกบอ.อีก 5จังหวัด และโกหกสุดท้ายกรณีที่รัฐบาลระบุว่าลาก่อนน้ำแล้ง ด้วยมาตรการระบายน้ำออกจากเขื่อนให้เหลือเพียง 45 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นมาตรการที่ล้มเหลว จนทำให้เกิดวิกฤติภัยแล้ง 8 จังหวัด

**ปล่อยโกง“ยงยุทธ-ปลอด”ทางโล่ง
ด้านนายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงโกหกสีขาวตอนที่ 6 เรื่อง “การสร้างการทุจริต แบบทั้งอุ้มและล้างผิดคนโกง” ว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อสภาฯ ว่านโยบายเร่งด่วนจะป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจัง แต่ภายหลังที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤตมิชอบ (ป.ป.ช.) ชี้มูลผิดวินัยร้ายแรงคดีของนายปลอดประสพ ในคดีส่งเสือโคร่งไปประเทศจีน โดยที่อัยการเตรียมยื่นฟ้องเป็นคดีอาญาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่นายกฯ ก็ยังไม่ได้ให้นายปลอดประสพไปรายงานตัวต่ออัยการแต่อย่างใด ซึ่งควรติดตามเรื่องนี้อย่างจริงจัง
เรื่องที่ 2 คดีของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รมว.มหาดไทย สนามกอล์ฟอัลไพน์ และคดีโครงการทุจริตถุงยังชีพ ของกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งป.ป.ช.ก็ชี้ให้เห็นชัดเจนแล้วว่ารัฐมนตรีทั้งสองคนมีมูลกระทำความผิดวินัยร้ายแรง แต่ในทางตรงกันข้ามเลขาธิการป.ป.ท. ที่ออกมาเปิดเผยการทุจริตงบประมาณน้ำท่วมกลับถูกเด้งออกจากตำแหน่ง ทั้งๆที่กำลังติดตามข้อมูลเรื่องดังกล่าวอยู่ ซึ่งโครงการมีการตั้งเบิกจ่าย 195 โครงการ เป็นเงินกว่า 563ล้านบาท แต่การเบิกจ่ายพบข้อพิรุธหลายประการ ใช้วัสดุที่ไม่ได้มาตรฐานมาก่อสร้าง
นอกจากนี้ใน 1 ปี ยังมีความพยายามออกกฎหมายล้างผิดคนโกง อ้างว่าเป็นกฎหมายปรองดองแต่กลับไม่ได้ปรองดอง รวมไปถึงการปกปิดข้อมูลการใช้งบประมาณน้ำท่วม 1.2 แสนล้านบาท งบประมาณฉุกเฉิน 6.6หมื่นล้านบาท และงบประมาณเงินกู้เพื่อป้องกันน้ำท่วมอีก 3.5 แสนล้านบาท โดยที่ทางฝ่ายค้านได้พยายามที่จะขอรายละเอียดการใช้งบประมาณดังกล่าว แต่รัฐบาลก็ไม่ให้ความร่วมมือในสภาฯเลย จนเป็นผลทำให้เป็นประเทศล่มจม

** “ให้เงิน ให้ท้าย ให้ตำแหน่ง”
นายศุภชัย ศรีกล้า ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ แถลงโกหกสีขาวตอนที่ 7 เรื่อง “แก้แค้น ไม่แก้ไข แถมให้เงิน ให้ท้าย ให้ตำแหน่ง” ว่า หลังจากพรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายหาเสียงต้องการเห็นความสามัคคีปรองดองในชาติ แต่หลังจากที่ได้รับตำแหน่งแล้ว กลุ่มผู้สนับสนุนยังคงมีพฤติกรรมตรงกันข้ามกับวาทกรรมดังกล่าวตลอดเวลา โดยมีการข่มขู่คุกคามฝ่ายที่มีความคิดเห็นที่ตรงกันข้าม เช่น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ข่มขู่นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ หรือแม้กระทั่ง นายจรัล ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงพฤติกรรมของนายยศวริศ ชูกล่อม (เจ๋ง ดอกจิก) แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ที่นำรายชื่อและเบอร์โทรศัพท์ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมาเผยแพร่แก่กลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อให้คนเสื้อแดงได้โทรศัพท์ไปยังญาติพี่น้องลูกและภรรยาของตุลาการ หรือแม้กระทั่งการคุกคามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในเวลาที่ลงพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำกิจกรรมทางการเมือง นอกจากนี้ ยังมีการคุกคามผู้สื่อข่าว ดารานักแสดง พระภิกษุ อีกด้วย
ส่วนการแถมก็มีทั้งให้ตำแหน่งทางการเมืองกับบุคคล เช่น นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด นั่งเป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายไพจิตร อักษรณรงค์ นายธนกฤต ชะเอมน้อย ซึ่งเป็นแนวร่วม นปช.ก็ได้รับตำแหน่งสำคัญ นายวิม รุ่งวัฒนจินดา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นต้น ใครที่ไม่เห็นด้วยก็สั่งการโยกย้าย ตัวอย่างของข้าราชการที่ถูกโยกย้ายหลังจากที่ได้รับรางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่น เช่น นายถวิล เปลี่ยนสี จากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ถือเป็นการแสดงออกว่ารัฐบาลไม่รักษากฏหมาย ไม่เคารพถึงสิทธิของคนอื่นๆที่มีความเห็นแบบสุจริตใจในเรื่องต่างๆ

**ถูกใจ ผลาญงบ 1,300 ล้าน
ด้าน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงโกหกสีขาวตอนที่ 8 “ร้านค้าถูกใจ ผลาญงบฯ 1,300 ล้าน” ว่า จากการที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณ 1,320 ล้านบาท ให้โครงการโชห่วยช่วยชาติ ซึ่งก็คือร้านถูกใจ ตั้งเป้าต้องมีร้านถูกใจทั่วประเทศ 10,000 แห่ง โดยกำหนดเวลาตั้งแต่ เม.ย.ถึง ก.ย.55 ซึ่งโครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน และเป็นทางเลือกในการ ซื้อสินค้า ซึ่งแสดงว่ารัฐบาลการันตีว่าสินค้าทุกชนิดที่ขายในร้านถูกใจจะต้องมีราคาที่ถูกกว่าร้านค้าด้านนอก 10-20 เปอร์เซ็นต์ แต่จากการลงพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์ที่สำรวจ 4 ครั้ง พบว่าสิ่งที่รัฐบาลพูดมาไม่เป็นความจริงแม้แต่ประการเดียว เพราะมีสินค้าหลายชนิดที่แพงกว่าร้านค้าภายนอก เช่น นมถั่วเหลืองไวตามิลค์ ซีอิ๊วขาว บางชิ้นราคาถูกจริง แต่ไม่ถึง 10-20 เปอร์เซ็นต์ ตามที่ได้อ้าง
และโกหกที่ 2 การขายของเสื่อมคุณภาพ เช่น ปลากระป๋อง รวมถึงกรณีที่รัฐบาลตกลงกับร้านค้าที่เข้าร่วมจะจ่ายค่าแรงให้วันละ 300 บาท จากที่ได้ไปสำรวจจำนวน 30 ร้าน จนถึงขณะนี้ไม่มีร้านไหนได้รับเงินดังกล่าว แม้แต่ค่าตกแต่งร้านที่จะให้ 3,000 บาท ก็ยังไม่ได้รับ ดังนั้นร้านถูกใจจึงเป็นร้านโชห่วยที่มีสภาพเหมือนเดิมที่ไม่มีความถูกใจเพิ่มมากขึ้น และสุดท้ายมีการปิดร้าน ซึ่งเป็นบ้านเช่าในสลัมแห่งหนึ่ง ซึ่งจากการสำรวจมีสินค้าไม่ครบ 20 รายการ
กำลังโหลดความคิดเห็น