ปชป.เรียงหน้าถล่ม รัฐบาลโกหกสีขาว “ทุจริต อุ้ม ล้างผิดคนโกง” แฉปกปิดงบฯน้ำท่วมทำประเทศล่มจม มอบตำแหน่งตอบแทนแก๊งแดงแลกผลประโยชน์ โม้แก้ไขไม่แก้แก้น ซัดของแพงทั้งแผ่นดิน โครงการโชว์ห่วยช่วยชาติ ผลาญเงิน 1,320 ล้านบาท แต่ไร้ประโยชน์
นายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ แถลงโกหกสีขาวตอนที่ 6 เรื่อง “การสร้างการทุจริต แบบทั้งอุ้มและล้างผิดคนโกง” ว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อสภาฯ เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 54 ในข้อ 1 นโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการแก้ไขในปีแรกคือ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจัง แต่ภายหลังที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤตมิชอบ (ป.ป.ช.) ชี้มูลผิดวินัยร้ายแรงคดีของนายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ คดีส่งเสือโคร่งไปประเทศจีน โดยที่อัยการเตรียมยื่นฟ้องเป็นคดีอาญาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่นายกฯ ก็ยังไม่ได้ให้นายปลอดประสพไปรายงานตัวต่ออัยการแต่อย่างใด ซึ่งนายกฯควรติดตามเรื่องนี้อย่างจริงจัง
เรื่องที่ 2 คดีของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รมว.มหาดไทย สนามกอล์ฟอัลไพน์ และคดีโครงการทุจริตถุงยังชีพ ของกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย ซึ่ง ป.ป.ช.ก็ชี้ให้เห็นชัดเจนแล้วว่ารัฐมนตรีทั้งสองคนมีมูลกระทำความผิดวินัยร้ายแรง แต่ในทางตรงกันข้าม เลขาธิการ ป.ป.ท.ที่ออกมาเปิดเผยการทุจริตงบประมาณน้ำท่วมกลับถูกเด้งออกจากตำแหน่ง ทั้งๆ ที่กำลังติดตามข้อมูลเรื่องดังกล่าวอยู่ ซึ่งโครงการมีการตั้งเบิกจ่าย 195 โครงการ เป็นเงินกว่า 563 ล้านบาท แต่การเบิกจ่ายพบข้อพิรุธหลายประการ ใช้วัสดุที่ไม่ได้มาตรฐานมาก่อสร้าง
นอกจากนี้ใน 1 ปี ยังมีความพยายามออกกฎหมายล้างผิดคนโกง อ้างว่าเป็นกฎหมายปรองดองแต่กลับไม่ได้ปรองดอง รวมไปถึงการปกปิดข้อมูลการใช้งบประมาณน้ำท่วม 1.2 แสนล้านบาท งบประมาณฉุกเฉิน 6.6 หมื่นล้านบาท และงบประมาณเงินกู้เพื่อป้องกันน้ำท่วมอีก 3.5 แสนล้านบาท โดยที่ทางฝ่ายค้านได้พยายามที่จะขอรายละเอียดการใช้งบประมาณดังกล่าว แต่รัฐบาลก็ไม่ให้ความร่วมมือในสภาฯเลย จนเป้นผลทำให้เป็นประเทศล่มจม
นายศุภชัย ศรีกล้า ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ แถลงโกหกสีข่าวตอนที่ 7 เรื่อง “แก้แค้น ไม่แก้ไข แถมให้เงิน ให้ท้าย ให้ตำแหน่ง” ว่า หลังจากที่พรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายหาเสียงต้องการเห็นความสามัคคีปรองดองในชาติ แต่หลังจากที่ได้รับตำแหน่งแล้ว ทางพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะกลุ่มผู้สนับสนุนได้มีพฤติกรรมตรงกันข้ามกับวาทกรรมที่ได้แสดงตลอดเวลา นั่นคือการขมขู่คุกคามฝ่ายที่มีความคิดเห็นที่ตรงกันข้าม เช่น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ข่มขู่นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ หรือแม้กระทั่ง นายจรัล ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงพฤติกรรมของนายยศวริศ ชูกล่อม (เจ๋ง ดอกจิก) แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ที่นำรายชื่อและเบอร์โทรศัพท์ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมาเผยแพร่แก่กลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อให้คนเสื้อแดงได้โทรศัพท์ไปยังญาติพี่น้องลูกและภรรยาของตุลาการ หรือแม้กระทั่งการคุกคามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในเวลาที่ลงพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำกิจกรรมทางการเมือง นอกจากนี้ยังมีการคุกคามผู้สื่อข่าว ดารานักแสดง พระภิกษุอีกด้วย
ส่วนการแถมก็มีทั้งให้ตำแหน่งทางการเมืองกับบุคคล เช่น นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด นั่งเป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางไพจิตร อักษรณรงค์ นายธนกฤต ชะเอมน้อย ซึ่งเป็นแนวร่วม นปช.ก็ได้รับตำแหน่งสำคัญ นายวิม รุ่งวัฒนจินดา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นต้น ใครที่ไม่เห็นด้วยก็สั่งการโยกย้าย ตัวอย่างของข้าราชการที่ถูกโยกย้ายหลังจากที่ได้รับรางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่น เช่น นายถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ถือเป็นการแสดงออกว่ารัฐบาลไม่รักษากฏหมาย ไม่เคารพถึงสิทธิของคนอื่นๆที่มีความเห็นแบบสุจริตใจในเรื่องต่างๆ
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงโกหกสีขาวตอนที่ 8 “รัฐถูกใจ ผลางบฯ 1,300 ล้าน” ว่า ครม.รัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้มีมติเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2555 อนุมัติโครงการโชว์ห่วยช่วยชาติ ซึ่งก็คือร้านถูกใจ ด้วยวงเงิน 1,320 ล้านบาท ตั้งเป้าจะต้องมีร้านถูกใจทั่วประเทศ10,000 แห่ง โดยกำหนดเวลาตั้งแต่ เม.ย.ถึงก.ย. 2555 มีเป้าหมายเพื่อลดค่าครองชีพของประชาชนและเป็นทางเลือกในการซื้อสินค้า ซึ่งแสดงว่ารัฐบาลการันตีว่าสินค้าทุกชนิดที่ขายในร้านถูกใจ จะต้องมีราคาที่ถูกกว่า ร้านค้าข้างนอก 10-20% ต่อมาเมื่อ 11 เม.ย. รมว.พานิชย์ก็ยืนยันว่า เจ้าของร้านทุกร้านมีความพอใจ และตัวสินค้ามีความพร้อม 80-90 เปอร์เซ็นต์ การขนส่งพร้อมถึงเกือบ100
แต่ในความเป็นจริงที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ลงพื้นที่สำรวจถึง 4 ครั้ง พบว่าที่รัฐบาลพูดมาไม่เป็นความจริงแม้แต่ประการเดียว มีสินค้าหลายชนิดที่แพงกว่าร้านข้างนอก เช่น นมถั่วเหลืองไวตามิลค์ ซีอิ๊วขาว บางชิ้นราคาถูกจริงแต่ไม่ถึง 10-20% ตามที่ได้อ้าง และโกหกที่ 2 การขายของเสื่อมคุณภาพ เช่น ปลากระป๋อง รวมถึงกรณีที่รัฐบาลตกลงกับร้านค้าที่เข้าร่วมจะจ่ายค่าแรงให้วันละ 300 บาท จากที่ได้ไปสำรวจจำนวน 30 ร้านจนถึงขณะนี้ ไม่มีร้านไหนได้รับเงินดังกล่าว แม้แต่ค่าตกแต่งร้านที่จะให้ 3,000 บาท ก้ไม่มี ดังนั้นร้านถูกใจ จึงเป็นร้านโชว์ห่วยที่มีสภาพเหมือนเดิมที่ไม่มีความถูกใจเพิ่มมากขึ้น และสุดท้ายมีการปิดร้าน ซึ่งเป็นบ้านเช่าในสลัมแห่งหนึ่ง ซึ่งจากการสำรวจมีสินค้าไม่ครบ 20 รายการ