ASTVผู้จัดการรายวัน - กรมบัญชีกลางเดินหน้าแก้กฎหมายเงินคงคลัง เปิดโอกาสนำเงินไปลงทุนหาผลตอบแทนไม่น้อยกว่า 3% ระบุช่วยให้เศรษฐกิจมีการหมุนเวียน ดีกว่าฝากที่แบงก์ชาติโดยที่ไม่ได้ดอกเบี้ย
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า จากการจัดสัมมนาทางวิชาการร่วมกับธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย(เอดีบี) และ 5 ประเทศ ประกอบด้วย ตุรกี อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย อังกฤษและแอฟริกาใต้ เกี่ยวกับแนวทางการบริการเงินคงคลังของประเทศ ส่วนใหญ่พบว่าแต่ละประเทศมีการบริหารเงินคงคลังแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่นำเงินคลังไปบริหารให้เกิดผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 3% ทั้งการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาง ตราสารหนี้ และการฝากธนาคาร ซึ่งล้วนเป็นการลงทุนที่ไม่เกิดความเสี่ยง
นอกจากนี้แต่ละประเทศมีการสำรองเงินคงคลังไว้ใช้ตามความจำเป็นแตกต่างกัน บางประเทศอาจสำรองไว้ใช้ 2 สัปดาห์ บางประเทศสำรองไว้ใช้ในระยะ 1 เดือน ส่วนที่เหลือจึงนำไปลงทุนให้เกิดผลตอบแทน โดยไม่ได้คำนึงถึงผลตอบแทนสูงสุด แต่ดูที่ความมั่นคงปลอดภัยสูงสุด ซึ่งหากจะนำแนวทางการบริหารเงินคงคลังแบบต่างประเทศมาใช้ก็จะยึดรูปแบบเดียวกันคือเน้นที่ความปลอดภัย 100% และไม่มีความเสี่ยง เช่นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และการฝากธนาคารพาณิชย์โดยเฉลี่ยแล้วไม่ควรมีผลตอบแทนต่ำกว่า 3% นอกจากนั้นยังช่วยให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งด้วย
“ในหลักการแล้วกรมบัญชีกลางเห็นว่าเงินคงคลังที่เรามีอยู่ควรนำไปบริการให้เกิดประโยชน์หลังจากฟังข้อมูลจากหลายๆประเทศแล้วก็จะนำข้อสรุปเสนอให้กระทรวงการคลังตัดสินใจซึ่งเชื่อว่าระดับนโยบายน่าจะเห็นด้วย แต่ในกระบวนการกว่าจะเกิดขึ้นจริงนั้นคงใช้เวลาระยะหนึ่งเพราะต้องมีการแก้ไขพ.ร.บ.เงินคงคลังและพ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมถึงดูกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ด้วย ซึ่งบางประเทศใช้เวลา 8 ปีทีเดียวแต่เราก็ต้องเริ่มผลักดันให้เกิดขึ้นโดยเร็ว” นายรังสรรค์กล่าว
สำหรับแนวทางที่เห็นว่าสามารถดำเนินการได้คือ อาจจะสำรองเงินคงคลังไว้ใช้เพียง 10-15 วัน ส่วนทีเหลือสามารถนำไปลงทุนระยะสั้นหรือระยาวยาวได้ตามความเหมาะสมและความจำเป็นใช้เงินในอนาคต โดยปัจจุบันมีเงินคงคลังอยู่ที่ระดับ 4.5 แสนล้านบาท สิ้นเดือนกันยายนนี้อาจจะขึ้นไปถึง 5-6 แสนล้านบาทจากภาษีที่เข้ามาและจากการบริหารเงินกู้ของสำนักบริหารหนี้สาธารณะ โดยหากแก้กฎหมายพ.ร.บ.เงินคงคลังแล้วส่วนที่เป็นเงินฝากของส่วนราชการก็สามารถนำไปบริหารให้เปิดดอกเผลได้ จากปัจจุบันเงินคงคลังทั้งหมดของรัฐบาลจะฝากอยู่ที่ธปท.ซึ่งเป็นการฝากแบบไม่มีดอกเบี้ย
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า จากการจัดสัมมนาทางวิชาการร่วมกับธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย(เอดีบี) และ 5 ประเทศ ประกอบด้วย ตุรกี อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย อังกฤษและแอฟริกาใต้ เกี่ยวกับแนวทางการบริการเงินคงคลังของประเทศ ส่วนใหญ่พบว่าแต่ละประเทศมีการบริหารเงินคงคลังแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่นำเงินคลังไปบริหารให้เกิดผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 3% ทั้งการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาง ตราสารหนี้ และการฝากธนาคาร ซึ่งล้วนเป็นการลงทุนที่ไม่เกิดความเสี่ยง
นอกจากนี้แต่ละประเทศมีการสำรองเงินคงคลังไว้ใช้ตามความจำเป็นแตกต่างกัน บางประเทศอาจสำรองไว้ใช้ 2 สัปดาห์ บางประเทศสำรองไว้ใช้ในระยะ 1 เดือน ส่วนที่เหลือจึงนำไปลงทุนให้เกิดผลตอบแทน โดยไม่ได้คำนึงถึงผลตอบแทนสูงสุด แต่ดูที่ความมั่นคงปลอดภัยสูงสุด ซึ่งหากจะนำแนวทางการบริหารเงินคงคลังแบบต่างประเทศมาใช้ก็จะยึดรูปแบบเดียวกันคือเน้นที่ความปลอดภัย 100% และไม่มีความเสี่ยง เช่นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และการฝากธนาคารพาณิชย์โดยเฉลี่ยแล้วไม่ควรมีผลตอบแทนต่ำกว่า 3% นอกจากนั้นยังช่วยให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งด้วย
“ในหลักการแล้วกรมบัญชีกลางเห็นว่าเงินคงคลังที่เรามีอยู่ควรนำไปบริการให้เกิดประโยชน์หลังจากฟังข้อมูลจากหลายๆประเทศแล้วก็จะนำข้อสรุปเสนอให้กระทรวงการคลังตัดสินใจซึ่งเชื่อว่าระดับนโยบายน่าจะเห็นด้วย แต่ในกระบวนการกว่าจะเกิดขึ้นจริงนั้นคงใช้เวลาระยะหนึ่งเพราะต้องมีการแก้ไขพ.ร.บ.เงินคงคลังและพ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมถึงดูกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ด้วย ซึ่งบางประเทศใช้เวลา 8 ปีทีเดียวแต่เราก็ต้องเริ่มผลักดันให้เกิดขึ้นโดยเร็ว” นายรังสรรค์กล่าว
สำหรับแนวทางที่เห็นว่าสามารถดำเนินการได้คือ อาจจะสำรองเงินคงคลังไว้ใช้เพียง 10-15 วัน ส่วนทีเหลือสามารถนำไปลงทุนระยะสั้นหรือระยาวยาวได้ตามความเหมาะสมและความจำเป็นใช้เงินในอนาคต โดยปัจจุบันมีเงินคงคลังอยู่ที่ระดับ 4.5 แสนล้านบาท สิ้นเดือนกันยายนนี้อาจจะขึ้นไปถึง 5-6 แสนล้านบาทจากภาษีที่เข้ามาและจากการบริหารเงินกู้ของสำนักบริหารหนี้สาธารณะ โดยหากแก้กฎหมายพ.ร.บ.เงินคงคลังแล้วส่วนที่เป็นเงินฝากของส่วนราชการก็สามารถนำไปบริหารให้เปิดดอกเผลได้ จากปัจจุบันเงินคงคลังทั้งหมดของรัฐบาลจะฝากอยู่ที่ธปท.ซึ่งเป็นการฝากแบบไม่มีดอกเบี้ย
