xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“เหลิม”งัดมุก ดึงฝ่ายค้านร่วมรับผิดดับไฟใต้เหลว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี หนึ่งในผู้รับผิดชอบการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เรื้อรังมานาน ยังคงไม่มีทีท่าจะจบลงง่ายๆ ตรงกันข้ามกลับส่อแววจะบานปลายขยายวงเพิ่มความซับซ้อนยิ่งขึ้น

โดยเฉพาะเหตุการณ์ “ป่วน 102 จุด” ในจังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันชาติมาเลเซียและวันก่อตั้งขบวนการเบอร์ซาตู

ไม่นับรวมการฆ่ารายวันที่เกิดขึ้นต่อเนื่องก่อนหน้านี้

หากจะบอกว่าปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กลายเป็นของแสลงของรัฐบาลพี่น้อง “ชินวัตร”ก็คงไม่ผิด

เพราะรัฐบาลพี่ชายคือ คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เคยสร้างตราบาปทำให้ไฟใต้คุโชนมาแล้ว ส่วนรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้น้องสาว ก็ต้องบอกว่า ตลอด 1 ปีที่เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ล้มเหลวในการแก้ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยสิ้นเชิง

นอกจากนี้ยังถือเป็นความล้มเหลวของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบการแก้ไขปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในภาพรวม และเป็นเจ้าความคิดให้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการดับไฟใต้ หรือ “เพนตากอน 2” ขึ้นมาเมื่อเดือนก่อน เพื่อเป็น“วอร์รูม”บัญชาการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างบูรณาการ

แต่หลังจากเหตุป่วน 102 จุด รัฐบาลชุดนี้ก็ไปไม่เป็น ทำอะไรไม่ถูก ร.ต.อ.เฉลิม จึงคิดมุกใหม่ ออกจดหมายเชิญ ส.ส.ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกพรรค รวมทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไปร่วมหารือถึงการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในวันที่ 7 ก.ย.

มองออกได้ไม่ยากว่า นี่คือการเดินเกมให้นักการเมืองคู่แข่งมาร่วมรับผิดด้วยนั่นเอง เพราะ ส.ส.จาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ส่วนใหญ่ก็มาจากพรรคประชาธิปัตย์ หากแนวทางที่พรรคเก่าแก่พรรคนี้เสนอมาแก้ไขปัญหาไม่ได้ ก็ย่อมจะบอกแก่สาธารณชนได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็จนปัญญาเช่นกัน อย่าได้มาโทษพรรคเพื่อไทยพรรคเดียวเลย

พรรคประชาธิปัตย์จึงแก้เกมด้วยการตั้งเงื่อนไขในการเข้าร่วมหารือในวันดังกล่าว โดยต้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมด้วย

ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ได้บลั๊ฟกลับว่า ที่ผ่านมา ร.ต.อ.เฉลิม ดีแต่พูด ไม่ทำอะไรสักอย่าง คนในรัฐบาลเองก็ไม่ลงไปดูเหตุการณ์ ไปปลุกปลอบขวัญเจ้าหน้าที่และประชาชน ไม่ยอมลงไปสัมผัส ดีแต่ตะโกนอยู่ที่กรุงเทพฯ จะชวนฝ่ายค้านไปทำงานหรือไปร่วมมืออย่างไรได้ทั้งนั้น แต่ถ้ายังเป็นการแค่สักแต่พูดเพื่อเป็นข่าวไปวันๆ มันก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้

ส่วนนายอภิสิทธิ์ บอกว่า หาก ร.ต.อ.เฉลิมมีความจริงใจ ก็พร้อมรับฟังและแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างจริงจัง แต่หาก ร.ต.อ.เฉลิมจะฟังคนเดียว โดยที่นายกฯ ไม่มารับฟัง ตนก็ไม่รู้จะเสนออย่างไร เพราะสิ่งที่จะเสนอก็ไม่อยู่ในอำนาจที่ ร.ต.อ.เฉลิมมีอำนาจตัดสินใจ

ขณะที่ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย ส.ส.3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ร่วมกันแถลงข่าวเมื่อวันที่ 5 ก.ย.ว่า จากการพิจารณาจดหมายเชิญโดยละเอียดพบว่า ร.ต.อ.เฉลิมรับผิดชอบบูรณาการด้านการข่าวเท่านั้น เช่นเดียวกับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ใช่ผู้นำหน่วย หากพวกตนไปพบก็คงไม่เกิดประโยชน์ เพราะพวกตนได้ร่วมยกร่าง พ.ร.บ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ออกแบบให้นายกรัฐมนตรีเป็น ผอ.ศอ.บต. สอดคล้องกับกฎหมาย กอ.รมน.ปี 2551ทั้งสององค์กรให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำองค์กรเพื่อให้บูรณาการพัฒนาพื้นที่คู่ขนานไปกับการแก้ไขปัญหา แต่รองนายกฯ ทั้งสองคนแม้จะมีความหวังดีแต่ไม่มีอำนาจตัดสินใจหรือทำอะไรไม่ได้ พวกตนยืนยันจะไปพบ แต่ว่านายกฯ จะต้องมาร่วมรับฟังความคิดเห็นด้วยไม่ใช่ปัดความรับผิดชอบลอยตัวอยู่เหนือปัญหา

ด้านนายสุรเชษฐ์ แวอาแซ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถ้า ร.ต.อ.เฉลิมมีความจริงใจก็คงจะไม่ทำหนังสือเชิญในลักษณะกระแนะกระแหน ที่ระบุว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์มีความรู้ ประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหา และอยากถามว่าเหตุใดจึงต้องเชิญประชุมในวันศุกร์ ทั้งที่รู้ว่า ส.ส.มุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ต้องละหมาดใหญ่ในวันศุกร์ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ แต่หากนายกฯ จะไปร่วมหารือรับฟังปัญหาด้วยพวกตนก็พร้อมไป

พรรคฝ่ายค้านยังเดินเกมโต้กลับ โดยนายอภิสิทธิ์ได้ยื่นญัตติด่วนเรื่องเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ต่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฏร เพื่อใช้เวทีสภาในการระดมความเห็นจากทุกฝ่าย และเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เข้าฟังด้วย

นายอภิสิทธิ์ ให้เหตุผลว่า ปัญหาภาคใต้เป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายต้องมาร่วมมือกันเต็มที่ โดยจะใช้สภาเป็นเวทีหารือ ในฐานะ ส.ส.และนายกรัฐมนตรีก็เป็นนายกรัฐมนตรีในระบบรัฐสภา จึงมีความรับผิดชอบต่อสภาผู้แทนราษฎรอยู่ จึงคิดว่าเวทีสภาเหมาะสมกว่า

ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม ได้ทำหนังสือเชิญไปหารือนั้น จริงๆ ต้องให้นายกรัฐมนตรีมาร่วมในการที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูล จะเป็นประโยชน์สูงสุด แต่ ร.ต.อ.เฉลิมก็พยายามให้สัมภาษณ์ว่า อย่ามีเงื่อนไข เรามีเงื่อนไขเดียวคือนายกฯ ต้องมาร่วมรับฟังด้วย ส่วนการหารือในสภา ถ้าทางรัฐบาลบอกว่า บางเรื่องละเอียดอ่อน จะประชุมลับ ก็ยินดี ไม่จำเป็นว่าต้องถ่ายทอดอะไร แต่เรามาทำหน้าที่กันตามระบบของเรา

เมื่อพรรคประชาธิปัตย์มีท่าทีชัดเจนปฏิเสธที่จะไปร่วมหารือกับ ร.ต.อ.เฉลิม ทำให้พรรคเพื่อไทยหยิบไปเป็นประเด็นโจมตีกลับทันที โดยเมื่อวันที่ 5 ก.ย. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทยแถลงว่า ร.ต.อ.เฉลิมวันนี้ถือเป็นตัวแทนของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลในการมารับฟังข้อเสนอของฝ่ายค้าน ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่ฝ่ายค้านต้องเลิกวิพากษ์วิจารณ์ผ่านสื่อ แล้วหันมาร่วมมือและให้คำปรึกษากับรัฐบาล

ประชาชนจะได้ไม่มองว่าเป็นแค่เกมการเมืองเพื่อลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล หรือมองว่าพรรคประชาธิปัตย์อาจจะไม่มีข้อมูลอะไรใหม่ถึงไม่กล้ามาตามคำเชิญของ ร.ต.อ.เฉลิม

ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม ก็ออกมาสำทับว่าเรื่องการแก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนภาคใต้นั้นไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของส่วนรวมของคนในชาติ พร้อมย้ำว่า หากมีการเสนอแนวทางใดๆ ตนก็จะเป็นผู้นำเสนอต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์เอง พรรคฝ่ายค้านอย่าตั้งแง่ ขอให้มาช่วยกันดีกว่า ใครมีแนวคิดอะไรที่ทำให้เหตุการณ์สงบก็เสนอได้ทั้งหมด

พร้อมเหน็บกลับว่า 2 ปี 8 เดือนของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ก็แก้ไม่ได้ หรือ 99 วันที่เคยขึ้นป้ายประชาสัมพันธ์ไว้ ก็ไม่สำเร็จ และ อีก 10 รัฐบาลก็ยังแก้ไม่ได้

นอกจากนั้น รองนายกฯ ผู้เก๋าเกมการเมืองหน้าสื่อยังบอกอีกว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์อยากให้ใช้เวทีสภาในการหารือการแก้ปัญหา นั้น ก็เห็นพรรคประชาธิปัตย์พูดทุกปี เป็นฝ่ายค้านทีไรก็พูดตลอด ก็ต้องทำใจ เพราะนายอภิสิทธิ์ก็เป็นคนแบบนี้

เท่านั้นยังไม่พอ ยังโยนลูกไฟกลับไปยังฝ่ายค้านอีกว่า ปัญหาภาคใต้เป็นเรื่องการเมืองแน่นอน พรรคประชาธิปัตย์มี ส.ส.ในพื้นที่ทั้งนั้น แต่ทำไมต้องมาตั้งแง่ตั้งงอน เหตุการณ์ในภาคใต้ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรลงไป อย่างที่นายกฯ เดินทางไปก็มีระเบิดต้อนรับ ถ้าตนลงไปคงระเบิดหลายจุด แต่ถ้าประชาธิปัตย์ลงไปไม่มีหรอก เงียบ เสียงประทัดยังไม่มี

ร.ต.อ.เฉลิมน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่า ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เกิดขึ้นต่อเนื่องมาตลอด แม้ในช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำรัฐบาลก็ตาม โดยมีหลายปัจจัยเป็นสาเหตุ การพูดให้สาธารณชนเข้าใจว่า การตายรายวันในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเรื่องการเมือง โดยมีพรรคฝ่ายค้านอยู่เบื้องหลัง จึงเท่ากับเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อกลบเกลื่อนความล้มเหลวของตัวเอง และโยนบาปไปให้นักการเมืองฝ่ายตรงข้าม เท่านั้น
---
กำลังโหลดความคิดเห็น