ส.ส.ใต้ ปชป.เมินเสวนาดับไฟใต้กับ “เฉลิม” มีตำแหน่งแค่รองนายกฯ ไม่มีอำนาจตัดสินใจ ระบุหากจริงใจต้องให้ “นายกฯ ยิ่งลักษณ์” ร่วมประชุมด้วย ด้านรองโฆษกรัฐบาลเฉ่ง ปชป.ตั้งแง่ ชี้ใจแคบ
นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลพื้นที่ภาคใต้ พร้อมด้วย ส.ส.3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกันแถลงข่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือเชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ 10 ส.ส.ภาคใต้พรรคประชาธิปัตย์ ไปร่วมประชุมแก้ปัญหาภาคใต้ว่า ขอขอบคุณ ร.ต.อ.เฉลิมที่คิดว่า ส.ส.ชายแดนภาคใต้มีค่าและมีประโยชน์ในการร่วมแก้ปัญหาดังกล่าว แต่จากการพิจารณาจดหมายเชิญโดยละเอียดพบว่า ร.ต.อ.เฉลิมรับผิดชอบบูรณาการด้านการข่าวเท่านั้น เช่นเดียวกับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ใช่ผู้นำหน่วย หากพวกตนไปพบก็คงไม่เกิดประโยชน์ เพราะพวกตนได้ร่วมยกร่าง พ.ร.บ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ออกแบบให้นายกรัฐมนตรีเป็น ผอ.ศอ.บต. สอดคล้องกับกฎหมาย กอ.รมน.ปี 2551 ทั้งสององค์กรให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำองค์กรเพื่อให้บูรณาการพัฒนาพื้นที่คู่ขนานไปกับการแก้ไขปัญหา แต่รองนายกฯ ทั้งสองคนแม้จะมีความหวังดีแต่ไม่มีอำนาจตัดสินใจหรือทำอะไรไม่ได้ พวกตนยืนยันจะไปพบ แต่ว่านายกฯ จะต้องมาร่วมรับฟังความคิดเห็นด้วยไม่ใช่ปัดความรับผิดชอบลอยตัวอยู่เหนือปัญหา
“ขอตั้งคำถามถึง ร.ต.อ.เฉลิม ว่ากรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเดินทางไปมาเลเซียและเรียกตัวแทนบางกลุ่ม บางคนมาพบถือเป็นการแทรกแซงการบริหารของรัฐบาลนี้หรือไม่ และรองนายกฯ ทั้ง 2 คนที่ดูแลปัญหาภาคใต้กล้าดำเนินการหรือไม่ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการแต่งตั้งรัฐมนตรีตัวจริงและเป็นพี่ชายนายกฯ ล่าสุดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่มีการวางระเบิดทั้งจริงและปลอม 102 จุด พร้อมปักธงมาเลเซียกว่า 200 ผืนในเขตแดนของไทยต้องมีการใช้ผู้ปฏิบัติงานกว่า 300 คน ถามว่ารัฐบาลและเจ้าหน้าที่ปล่อยปละละเลยหรือไม่ นี่ยังไม่รวมกับข้อความเยาะเย้ยถากถางตามรายทาง คนเป็นนายกฯ ที่ดูทั้ง กอ.รมน.และ ศอ.บต.มีความละอายหรือไม่”
นายถาวรกล่าวว่า สถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ที่รุนแรงขึ้นจากยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กว่า 2,000 ครั้ง ยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ลดลงไม่เหลือ 1,000 ครั้ง และมาทวีความรุนแรงทั้งปริมาณ ความรุนแรงในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ เกิดเหตุการณ์ระเบิดในเขตหาดใหญ่ และสุไหงโก-ลก วันนี้มีประชาชน ตำรวจ ทหาร เสียชีวิตมากกว่า 5,000 ศพ มีหญิงหม้ายและเด็กกำพร้านับหมื่นคน รัฐบาลสูญงบประมาณไปกว่า 2 แสนล้านบาท แต่ปัญหากลับทวีความรุนแรงมากขึ้น เกิดจากผู้นำเลวที่ไม่กล้าตัดสินใจและดำเนินนโยบายผิดพลาด ไม่ใช่เกิดจากไพร่พลทหารเลว จึงขอเรียกร้องนายกฯ อย่าลอยตัวอยู่เหนือปัญหา ทั้งนี้ ทางพรรคประชาธิปัตย์จะเสนอตั้งญัตติด่วนแก้ไขปัญหาไฟใต้ในวันที่ 6 ก.ย. จึงขอเรียกร้องให้นายกฯ มาร่วมประชุมและรับฟังปัญหา ไม่เช่นนั้นก็จะไม่เกิดประโยชน์อะไร
ด้านนายสุรเชษฐ์ แวอาแซ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถ้า ร.ต.อ.เฉลิมมีความจริงใจก็คงจะไม่ทำหนังสือเชิญในลักษณะกระแหนะกระแหน ที่ระบุว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์มีความรู้ ประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหา และอยากถามว่าเหตุใดจึงต้องเชิญประชุมในวันศุกร์ ทั้งที่รู้ว่า ส.ส.มุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ต้องละหมาดใหญ่ในวันศุกร์ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ แต่หากนายกฯ จะไปร่วมหารือรับฟังปัญหาด้วยพวกตนก็พร้อมไป แต่หากนายกฯ ไม่ไปพวกตนก็ไม่ไป แสดงให้เห็นว่าแค่หนังสือเชิญก็ไม่เข้าใจ เข้าถึง ไม่ซื้อใจพวกตนแล้ว
นายสุรเชษฐ์กล่าวว่า กรณีที่นายกฯ ลงพื้นที่ จ.นราธิวาส ทางจังหวัดประสานให้ ส.ส.ภาคใต้อยู่ต้อนรับนายกฯ ในพื้นที่ แต่ตนได้ตอบไปว่าเป็น ส.ส.มีหน้าที่มาประชุม เหตุใดนายกฯ จึงเลือกวันลงพื้นที่ตรงกับวันประชุมสภา แทนที่จะเลือกวันหยุดเพื่อจะเข้าเยี่ยมประชาชน และดูชีวิตความเป็นอยู่ อย่างไรก็ขอขอบคุณที่ยังกล้าลงพื้นที่ภาคใต้ หากจะแลกเปลี่ยนข้อมูลก็ขอให้นายกฯ เข้าร่วมประชุมสภาในวันที่ 6 ก.ย. และตอบคำถามในสภาดีกว่า
ด้านนายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ ส.ส.ยะลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์วันที่ 31 ส.ค.มีการวางระเบิดกว่า 102 จุดพร้อมติดธงมาเลเซีย แสดงให้เห็นถึงขบวนการของฝ่ายตรงข้ามที่ก้าวข้ามมิติใช้ความรุนแรงไปสู่มิติเชิงสัญลักษณ์ ที่เหนือกว่า จะเป็นธงอะไรก็แล้วแต่ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงสัญลักษณ์ที่กล้าใช้ปักเหนือดินแดนของประเทศไทย ซึ่งเป็นมิติที่อันตราย
นายประเสริฐกล่าวว่า การที่นายกฯ ลงพื้นที่ต้องถามว่าลงพื้นที่ในฐานะอะไร ถ้า ผอ.ศอ.บต.ก็จะมีความหมายในเชิงพัฒนาพื้นที่ว่าจะให้ดีขึ้นอย่างไร ถ้าในฐานะ ผอ.กอ.รมน.ก็จะมีความหมายว่าจะไปสร้างความมั่นคงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินและการรักษาเขตแดนอธิปไตยไทยได้อย่างไร หรือจะในฐานะนายกฯ ที่สั่งการได้ทุกเรื่อง อยากถามว่าจะแก้ไขปัญหาความเป็นเอกภาพในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ได้อย่างไร
ส.ส.ยะลากล่าวว่า ในวันที่ 6 ก.ย. พรรคประชาธิปัตย์จะตั้งญัตติด่วนเรื่องปัญหาภาคใต้ อยากจะถามความชัดเจนจากนายกฯ ที่เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงว่าถึงเวลาที่ต้องแก้ไขปัญหาเรื่องนี้แล้วนายกฯ ต้องตัดสินใจว่าจะใช้การแก้ไขปัญหาตามแนวทางที่พรรคประชาธิปัตย์ออกแบบไว้ หรือจะใช้ ศปก.จชต.ที่เพิ่งตั้งและวันนี้ยังไม่เป็นรูปร่างไม่มีความพร้อมที่จะใช้ทหารนำการเมือง รวมถึงจะให้ใครมีอำนาจตัดสินใจรับผิดชอบโดยตรงใน 3 รองนายกฯ เพราะทั้ง 3 คนที่ดูแลปัญหาภาคใต้ยังคุยกันไม่จบว่าจะเอาอย่างไร จึงขอให้นายกฯ ตั้งใครคนใดคนหนึ่งมาดูแลโดยตรงและขอให้มาร่วมประชุมดันเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ อย่าเอาชีวิตประชาชนในพื้นที่มาเป็นของเล่น กับนโยบายความไม่แน่นอนและการซื้อเวลาการแก้ไขปัญหานี้
ด้าน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.ภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์ ปฏิเสธคำเชิญให้มาร่วมประชุมปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เพราะไม่มีนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจตัดสินใจร่วมประชุมด้วย และนายกรัฐมนตรีเองก็ไม่เคยแสดงเจตจำนงที่จะแก้ปัญหาอย่างจริงจังว่า วันนี้นายกฯ และคณะเดินทางลงไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสเพื่อเรียกประชุมเจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านความมั่นคงที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รับทราบสถานการณ์และความคืบหน้าเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นในอดีตจนถึงปัจจุบัน รวมถึงปัญหาอุปสรรคที่ต้องการให้รัฐบาลสนับสนุน พร้อมทั้งประชุมพบปะผู้นำศาสนาเพื่อรับฟังคำชี้แนะในการแก้ไขปัญหา ซึ่งชัดเจนว่านายกฯ ได้แสดงออกถึงความพร้อมในการแก้ไขปัญหา และแสดงถึงภาวะผู้นำที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
“แปลกใจท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ ที่บุคคลระดับรองนายกฯ ทำหนังสือเชิญมาให้ข้อมูลกลับหลบเลี่ยง คงเป็นเพราะตั้งตัวเองเป็นรัฐบาลเงาแล้วยิ่งใหญ่กันเหลือเกิน เลยไม่เห็นใครอยู่ในสายตา อ้างโน่นอ้างนี่เพื่อหนีหน้า คงคาดหวังจะให้นายกฯ มาดีเบตด้วย เพราะต้องการจะดีเบตกับนายกฯ ตั้งแต่เลือกตั้งแล้ว วันๆ คิดแต่จะเล่นการเมืองไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ประเทศไหนมีนักการเมืองที่จิตใจคับแคบ ก็สงสารประเทศชาติและประชาชน ถ้า ร.ต.อ.เฉลิมเชิญมาคุยไม่ได้ ก็เห็นชัดว่าเป็นการตั้งแง่”
ส่วนการให้นายกฯ ที่สั่งการได้เข้าร่วมประชุมด้วยนั้น นายอนุสรณ์กล่าวว่า แสดงว่าสมัยนายถาวรเป็นรัฐมนตรีแล้วแก้ปัญหาไฟใต้ไม่ได้ เพราะมัวแต่รอนายอภิสิทธิ์ในฐานะนายกฯ ในขณะนั้นอยู่นี่เอง