เมื่อเวลา 15.45 น. วานนี้ (5ก.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้ายื่นญัตติด่วน เรื่องเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ต่อ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมเปิดเผยว่า ตนมาเรียนหารือท่าน เพราะพรรคฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติเกี่ยวกับภาคใต้ ขณะเดียวกันเราได้รับการประสานมาจาก ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ที่จะเชิญส.สไปหารือ โดยบอกประธานว่า ความเห็นในเรื่องภาคใต้มีความจำเป็นต้องแลกเปลี่ยนข้อมูล กับนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุผลที่ว่า โดยกฎหมายนายกฯจะเป็นผู้รับผิดชอบ กอ.รมน. และ ศอ.บต และงาน กอ.รมน. เป็นงานที่นายกฯ มอบหมายรองนายกฯไม่ได้ และไม่ได้มอบด้วย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า การลงพื้นที่ของนายกฯ ตนเข้าใจว่าเป็นเพราะกำลังจะไปประชุมต่างประเทศ ท่านก็บอกว่าจะไปหารือกับผู้นำมาเลเซีย ดังนั้นถ้าอยากได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ต้องมาแลกเปลี่ยนกัน ก็ปรึกษากับประธานสภา ว่า ถ้าประธานจะเป็นผู้ประสานงานไปยังรัฐบาล ว่า นายกฯ พร้อมที่จะมารับฟังข้อมูลในสภาเมื่อไร เราก็ไม่ติดใจว่าจะต้องเอาญัตติเข้าในวันที่ 6 ก.ย. เราก็จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาในเรื่องการนัดพบกับ ร.ต.อ.เฉลิม และวันที่นัดมาคือวันที่ 7 ก.ย.นั้น ตนก็ติดภารกิจที่ต้องไปประชุมที่หาดใหญ่
" ในชั้นนี้ท่านจะเป็นผู้ประสานไปว่า ท่านนายกฯพร้อมจะมาเมื่อไร ก็จะได้เอาเรื่องเข้าสภาวันนั้น จะได้ไม่ต้องมีบรรยากาศว่า เอาเรื่องเข้าสภาพรุ่งนี้ แล้วนายกฯไม่มา ก็กลายเป็นเสียเวลา มาต่อว่าต่อขานกัน แล้วไม่ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน แต่ก็มั่นใจว่า ท่านคงต้องมา เพราะเป็นเรื่องใหญ่ เป็นปัญหาสำคัญของประเทศ ผมยืนยันไปว่า ผมไม่เคยเอาเรื่องภาคใต้มาเป็นเงื่อนไขในการสร้างปัญหาอะไรให้กับรัฐบาล เพราะทุกคนต้องการใมห้ภาคใต้สงบ การเสนอข้อมูล ก็พร้อมที่จะทำอย่างตรงไปตรงมาบอกกับท่านประธานด้วยว่า ตรงไหนที่เห็นว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และพร้อมที่จะประชุมลับก็ไม่ติดใจ เพราะเราต้องการมาให้ข้อมูลกับทางรัฐบาล" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม ออกมากล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ควรมีเงื่อนไขในการช่วยเหลือนั้น ตนขอบอกว่า เรามีเงื่อนไขที่ว่า คือทำแล้วมันสำเร็จ ตนบอก ร.ต.อ.เฉลิมไปตั้งแต่ตอนแรกที่มาถามว่าพร้อมจะไปให้ข้อมูลหรือไม่ ตนก็บอกว่าพร้อม แต่ขอให้มีนายกฯอยู่ด้วย เพราะหลายเรืองเป็นเรืองที่นายกฯ ต้องตัดสินใจ ตนไม่มีอะไรกับ ร.ต.อ.เฉลิม แต่ท่านไม่อยู่ในฐานะ ไม่อยู่ในตำแหน่งไม่มีอำนาจ ไม่มีแนวทางบางอย่าง เช่น การลงพื้นที่ เราจำเป็นต้องรู้ว่า ผู้นำรัฐบาลคิดอย่างไร ก็ยากในการช่วยกันแก้ปัญหา และก็ไม่จำเป็น ที่จะไปพบกับ ร.ต.อ.เฉลิม ในวันที่ 7 ก.ย.แล้ว เพราะประธานสภา รับที่จะประสานให้ และ ร.ต.อ.เฉลิม ก็ไม่มีอำนาจมากกว่านายกฯ แน่นอน
เมื่อถามว่าการลงพื้นที่ของนายกฯ (5 ก.ย.) จะช่วยในเรืองการตัดสินใจอะไรได้บ้าง ผู้นำฝ่ายค้านกล่าวว่า ก็จะเป็นเรื่องที่ดี ที่นายกฯลงพื้นที่ เวลาที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล นายกฯ ก็จะมีข้อมูลที่ได้มาจากในพื้นที่ มาด้วย แต่การลงพื้นที่ของนายกฯวันนี้ ก็ไม่มี ร.ต.อ.เฉลิม ลงไปด้วย แล้วบอกว่าจะให้ไปคุยด้วย แต่เขาไม่ยอมลงพื้นที่
" ตามความเป็นจริงแล้ว หน้าที่ของพวกผมคือหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติในสภา และนายกฯ ก็เป็นส.ส. ก็ต้องรับผิดชอบต่อสภาอยู่แล้ว สิ่งที่เราเสนอคือ ต้องการให้กระบวนการทางสภาฯ ทำงานตามปกติ คุณเฉลิมไม่ควรมาตั้งเงื่อนไขว่า จะต้องไปพบ รองเฉลิมเท่านั้น แล้วผมจะต้องไปพบ รองยุทธศักดิ์ รองยุงยุทธ ด้วยหรือเปล่า ในส่วน กอ.รมน. ก็ไม่เกี่ยว หลายเรื่องที่นายกฯ กำลังดำเนินการรองเฉลิม ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องทั้งหมด และได้รับมอบร่วมกับรองนายกฯ ทั้ง 2 คน แถม 3 คนนี้ ก็ไม่ได้มีอำนาจเท่านายกฯ ในบางเรื่อง " นายอภิสิทธิ์ กล่าว
** แค่รองนายกฯไร้อำนาจสั่งการ
นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคดูแลพื้นที่ภาคใต้ พร้อมด้วย ส.ส. 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกันแถลงข่าว กรณี ร.ต.อ.เฉลิม ทำหนังสือเชิญ นายอภิสิทธิ์ และ10 ส.ส. ภาคใต้ ไปร่วมประชุมแก้ปัญหาภาคใต้ ว่า ขอขอบคุณ ร.ต.อ.เฉลิม ที่คิดว่า ส.ส.ชายแดนภาคใต้มีค่า และมีประโยชน์ในการร่วมแก้ปัญหาดังกล่าว
แต่จากการพิจารณาจดหมายเชิญโดยละเอียดพบว่า ร.ต.อ.เฉลิม รับผิดชอบบูรณาการด้านการข่าวเท่านั้น เช่นเดียว พล.อ. ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯ ที่ไม่ใช่ผู้นำหน่วย หากพวกตนไปพบ ก็คงไม่เกิดประโยชน์ เพราะพวกตนได้ร่วมยก ร่าง พ.ร.บ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินชายแดนภาคใต้ ( ศอ.บต. ) ออกแบบให้นายกฯ เป็น ผอ.ศอ.บต. สอดคล้องกับกฎหมาย กอ.รมน. ปี 2551 ทั้งสององค์กรให้นายกฯ เป็นผู้นำองค์กร เพื่อให้บูรณาการพัฒนาพื้นที่คู่ขนานไปกับการแก้ไขปัญหา แต่รองนายกฯ ทั้งสองคน แม้จะมีความหวังดี แต่ไม่มีอำนาจตัดสินใจ หรือทำอะไรไม่ได้ พวกตนยืนยันจะไปพบ แต่ว่านายกฯ จะต้องมาร่วมรับฟัง ความคิดเห็นด้วย ไม่ใช่ปัดความรับผิดชอบ ลอยตัวอยู่เหนือปัญหา
นายถาวร กล่าวว่า ขอตั้งคำถามถึง ร.ต.อ.เฉลิม ว่า กรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางไปมาเลเซีย และเรียกตัวแทนบางกลุ่มบางคนมาพบ ถือเป็นการแทรกแซงการบริหารของรัฐบาลนี้หรือไม่ และ รองนายกฯ ทั้ง 2 คน ที่ดูแลปัญหาภาคใต้ กล้าดำเนินการหรือไม่ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการแต่งตั้งรัฐมนตรีตัวจริง และเป็นพี่ชายนายก ฯ
ล่าสุดเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่มีการวางระเบิดทั้งจริง และปลอม 102 จุด พร้อมปักธงมาเลเซียกว่า 200 ผืน ในเขตแดนของไทย ต้องมีการใช้ผู้ปฏิบัติงานกว่า 300 คน ถามว่ารัฐบาลและเจ้าหน้าที่ ปล่อยปละเลยหรือไม่ นี่ยังไม่รวมกับข้อความเยาะเย้ยถากถางตามรายทาง คนเป็นนายกฯ ที่ดูทั้ง กอ.รมน. และ ศอ.บต. มีความละอายหรือไม่ ที่เหตุการณ์ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ที่รุนแรงขึ้นจากยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ กว่า 2,000 ครั้ง ยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ ลดลงไม่เหลือ 1,000 ครั้ง และมาทวีความรุนแรงทั้งปริมาณ ความรุนแรง ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เกิดเหตุการณ์ระเบิดในเขตหาดใหญ่ และโก-ลก วันนี้มีประชาชน ตำรวจ ทหาร เสียชีวิตมากกว่า 5,000 ศพ มีหญิงหม้ายและเด็กกำพร้านับหมื่นคน รัฐบาลสูญงบประมาณไปว่าก 2 แสนล้านบาท แต่ปัญหากลับทวีความรุนแรงมากขึ้น เกิดจากผู้นำเลว ที่ไม่กล้าตัดสินใจ และดำเนินนโยบายผิดพลาด ไม่ใช่เกิดจากไพร่พล ทหารเลว จึงขอเรียกร้องนายกฯ อย่าลอยตัวอยู่เหนือปัญหา
ทั้งนี้ ทางพรรคประชาธิปัตย์ จะเสนอตั้งญัตติด่วนแก้ไขปัญหาไฟใต้ ในวันที่ 6 ก.ย. จึงขอเรียกร้องให้นายกฯ มาร่วมประชุม และรับฟังปัญหา ไมเช่นนั้นก็จะไม่เกิดประโยชน์อะไร
ด้านนายสุรเชษฐ์ แวอาแซ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถ้า ร.ต.อ.เฉลิม มีความจริงใจ ก็คงจะไม่ทำหนังสือเชิญในลักษณะกระแนะ กระแหน ที่ระบุว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มีความรู้ ประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหา และอยากถามว่า เหตุใดจึงต้องเชิญประชุมในวันศุกร์ ทั้งที่รู้ว่า ส.ส.มุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ต้องละหมาดใหญ่ในวันศุกร์ ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ แต่หากนายกฯ จะไปร่วมหารือรับฟังปัญหาด้วย พวกตนก็พร้อมไป แต่หากนายกฯไม่ไป พวกตนก็ไม่ไป แสดงให้เห็นว่า แค่หนังสือเชิญ ก็ไม่เข้าใจ ไม่เข้าถึง ไม่ซื้อใจพวกตนแล้ว
2. กรณีที่นายกฯ ลงพื้นที่ จ.นราธิวาส ทางจังหวัดประสานให้ ส.ส.ภาคใต้อยู่ต้อนรับนายกฯในพื้นที่ แต่ตนได้ตอบไปว่า เป็นสส.มีหน้าที่มาประชุม เหตุใดนายกฯจึงเลือกวันลงพื้นที่ตรงกับวันประชุมสภา แทนที่จะเลือกวันหยุด เพื่อจะเข้าเยี่ยมประชาชน และดูชีวิต ความเป็นอยู่ แต่อย่างไรก็ขอขอบคุณที่ยังกล้าลงพื้นที่ภาคใต้ หากจะแลกเปลี่ยนข้อมูล ก็ขอให้นายกฯ เข้าร่วมประชุมสภา ในวันที่ 6 ก.ย. และตอบคำถามในสภาดีกว่า
** "เหลิม"ประชดแก้ได้จะยกเครดิตให้
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการออกหนังสือเชิญ นายอภิสิทธิ์ และ ส.ส.ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของทุกพรรคการเมือง เข้าร่วมหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในวันที่ 7 ก.ย.นี้ ว่า ส่วนตัวมีความเชื่อว่า พรรคประชาธิปัตย์ รู้ข้อเท็จจริงของปัญหาในพื้นที่ดีกว่าคนอื่น เพราะมี ส.ส.ในแทบทุกพื้นที่ และมองว่าเรื่องการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้นั้น ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของส่วนรวม ของคนในชาติ และนักการเมือง ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาล
ส่วนที่ ส.ส.ฝ่ายค้าน ต้องการให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการหารือด้วย เพราะเกรงว่าการเสนอข้อมูลจะไม่ได้ประโยชน์นั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนขอรับปากว่า หากมีการเสนอแนวทางใดๆก็จะเป็นผู้นำเสนอต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะการเชิญฝ่ายค้านร่วมหารือ ก็เป็นบัญชาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์เอง และเหตุใดนายกฯ จึงจะไม่ฟัง โปรดอย่าตั้งแง่ ขอให้มาช่วยกันดีกว่า ใครมีแนวคิดอะไรที่ทำให้เหตุการณ์สงบ ก็เสนอได้ทั้งหมด
"หากเหตุการณ์สงบจริง ผมจะบอกเลยว่า เป็นฝีมือของท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือ ท่านถาวร เสนเนียม จะบอกว่าฝีมือประชาธิปัตย์แท้ๆ ไม่มีปิดบัง ผมไม่อาย รัฐบาลไม่อาย มาเถอะ และแสดงให้เต็มที่ ผมจะเปิดฟลอร์ให้พูดกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่โดยตรง ท่านอภิสิทธิ์ เอาให้เต็มแม็ค จัดหนักจัดเต็มได้เลย ถ้าสถานการณ์ดีขึ้น ผมจะขอบคุณผ่านสื่อ ให้คนทั้งประเทศรู้ว่า เป็นฝีมือประชาธิปัตย์ เป็นความฉลาดเฉียบแหลมของนายอภิสิทธิ์" ร.ต.อ.เฉลิม ระบุ
เมื่อถามว่า การเชิญฝ่ายค้านมาร่วมหารือ เป็นการยอมรับว่ารัฐบาลแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ไม่ได้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า 2 ปี 8 เดือนของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ก็แก้ไม่ได้ หรือ 99 วัน ที่เคยขึ้นป้ายประชาสัมพันธ์ไว้ ซึ่งตนก็เคยบอกแล้วไม่สำเร็จแน่ อีก 10 รัฐบาล ก็ยังแก้ไม่ได้ แต่จะเบาบางลงมากน้อยแค่ไหนก็แล้วแต่สถานการณ์ เพราะเรื่องนี้มีปัจจัยหลายด้าน ที่ไม่สามารถเปิดเผยได้
"บอกได้แค่ว่า มีการเมืองเอี่ยว แต่ระบุไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐาน อย่างล่าสุดก่อนนายกฯ ลงพื้นที่ จ.นราธิวาส ก็มีการก่อเหตุวางระเบิดดักหน้าแล้ว แต่เวลาประชาธิปัตย์ไปนั่งกินน้ำชา ไม่เห็นมีอันตราย เงียบกริบ" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า การลงพื้นที่ของนายกฯ ตนเข้าใจว่าเป็นเพราะกำลังจะไปประชุมต่างประเทศ ท่านก็บอกว่าจะไปหารือกับผู้นำมาเลเซีย ดังนั้นถ้าอยากได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ต้องมาแลกเปลี่ยนกัน ก็ปรึกษากับประธานสภา ว่า ถ้าประธานจะเป็นผู้ประสานงานไปยังรัฐบาล ว่า นายกฯ พร้อมที่จะมารับฟังข้อมูลในสภาเมื่อไร เราก็ไม่ติดใจว่าจะต้องเอาญัตติเข้าในวันที่ 6 ก.ย. เราก็จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาในเรื่องการนัดพบกับ ร.ต.อ.เฉลิม และวันที่นัดมาคือวันที่ 7 ก.ย.นั้น ตนก็ติดภารกิจที่ต้องไปประชุมที่หาดใหญ่
" ในชั้นนี้ท่านจะเป็นผู้ประสานไปว่า ท่านนายกฯพร้อมจะมาเมื่อไร ก็จะได้เอาเรื่องเข้าสภาวันนั้น จะได้ไม่ต้องมีบรรยากาศว่า เอาเรื่องเข้าสภาพรุ่งนี้ แล้วนายกฯไม่มา ก็กลายเป็นเสียเวลา มาต่อว่าต่อขานกัน แล้วไม่ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน แต่ก็มั่นใจว่า ท่านคงต้องมา เพราะเป็นเรื่องใหญ่ เป็นปัญหาสำคัญของประเทศ ผมยืนยันไปว่า ผมไม่เคยเอาเรื่องภาคใต้มาเป็นเงื่อนไขในการสร้างปัญหาอะไรให้กับรัฐบาล เพราะทุกคนต้องการใมห้ภาคใต้สงบ การเสนอข้อมูล ก็พร้อมที่จะทำอย่างตรงไปตรงมาบอกกับท่านประธานด้วยว่า ตรงไหนที่เห็นว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และพร้อมที่จะประชุมลับก็ไม่ติดใจ เพราะเราต้องการมาให้ข้อมูลกับทางรัฐบาล" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม ออกมากล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ควรมีเงื่อนไขในการช่วยเหลือนั้น ตนขอบอกว่า เรามีเงื่อนไขที่ว่า คือทำแล้วมันสำเร็จ ตนบอก ร.ต.อ.เฉลิมไปตั้งแต่ตอนแรกที่มาถามว่าพร้อมจะไปให้ข้อมูลหรือไม่ ตนก็บอกว่าพร้อม แต่ขอให้มีนายกฯอยู่ด้วย เพราะหลายเรืองเป็นเรืองที่นายกฯ ต้องตัดสินใจ ตนไม่มีอะไรกับ ร.ต.อ.เฉลิม แต่ท่านไม่อยู่ในฐานะ ไม่อยู่ในตำแหน่งไม่มีอำนาจ ไม่มีแนวทางบางอย่าง เช่น การลงพื้นที่ เราจำเป็นต้องรู้ว่า ผู้นำรัฐบาลคิดอย่างไร ก็ยากในการช่วยกันแก้ปัญหา และก็ไม่จำเป็น ที่จะไปพบกับ ร.ต.อ.เฉลิม ในวันที่ 7 ก.ย.แล้ว เพราะประธานสภา รับที่จะประสานให้ และ ร.ต.อ.เฉลิม ก็ไม่มีอำนาจมากกว่านายกฯ แน่นอน
เมื่อถามว่าการลงพื้นที่ของนายกฯ (5 ก.ย.) จะช่วยในเรืองการตัดสินใจอะไรได้บ้าง ผู้นำฝ่ายค้านกล่าวว่า ก็จะเป็นเรื่องที่ดี ที่นายกฯลงพื้นที่ เวลาที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล นายกฯ ก็จะมีข้อมูลที่ได้มาจากในพื้นที่ มาด้วย แต่การลงพื้นที่ของนายกฯวันนี้ ก็ไม่มี ร.ต.อ.เฉลิม ลงไปด้วย แล้วบอกว่าจะให้ไปคุยด้วย แต่เขาไม่ยอมลงพื้นที่
" ตามความเป็นจริงแล้ว หน้าที่ของพวกผมคือหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติในสภา และนายกฯ ก็เป็นส.ส. ก็ต้องรับผิดชอบต่อสภาอยู่แล้ว สิ่งที่เราเสนอคือ ต้องการให้กระบวนการทางสภาฯ ทำงานตามปกติ คุณเฉลิมไม่ควรมาตั้งเงื่อนไขว่า จะต้องไปพบ รองเฉลิมเท่านั้น แล้วผมจะต้องไปพบ รองยุทธศักดิ์ รองยุงยุทธ ด้วยหรือเปล่า ในส่วน กอ.รมน. ก็ไม่เกี่ยว หลายเรื่องที่นายกฯ กำลังดำเนินการรองเฉลิม ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องทั้งหมด และได้รับมอบร่วมกับรองนายกฯ ทั้ง 2 คน แถม 3 คนนี้ ก็ไม่ได้มีอำนาจเท่านายกฯ ในบางเรื่อง " นายอภิสิทธิ์ กล่าว
** แค่รองนายกฯไร้อำนาจสั่งการ
นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคดูแลพื้นที่ภาคใต้ พร้อมด้วย ส.ส. 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกันแถลงข่าว กรณี ร.ต.อ.เฉลิม ทำหนังสือเชิญ นายอภิสิทธิ์ และ10 ส.ส. ภาคใต้ ไปร่วมประชุมแก้ปัญหาภาคใต้ ว่า ขอขอบคุณ ร.ต.อ.เฉลิม ที่คิดว่า ส.ส.ชายแดนภาคใต้มีค่า และมีประโยชน์ในการร่วมแก้ปัญหาดังกล่าว
แต่จากการพิจารณาจดหมายเชิญโดยละเอียดพบว่า ร.ต.อ.เฉลิม รับผิดชอบบูรณาการด้านการข่าวเท่านั้น เช่นเดียว พล.อ. ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯ ที่ไม่ใช่ผู้นำหน่วย หากพวกตนไปพบ ก็คงไม่เกิดประโยชน์ เพราะพวกตนได้ร่วมยก ร่าง พ.ร.บ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินชายแดนภาคใต้ ( ศอ.บต. ) ออกแบบให้นายกฯ เป็น ผอ.ศอ.บต. สอดคล้องกับกฎหมาย กอ.รมน. ปี 2551 ทั้งสององค์กรให้นายกฯ เป็นผู้นำองค์กร เพื่อให้บูรณาการพัฒนาพื้นที่คู่ขนานไปกับการแก้ไขปัญหา แต่รองนายกฯ ทั้งสองคน แม้จะมีความหวังดี แต่ไม่มีอำนาจตัดสินใจ หรือทำอะไรไม่ได้ พวกตนยืนยันจะไปพบ แต่ว่านายกฯ จะต้องมาร่วมรับฟัง ความคิดเห็นด้วย ไม่ใช่ปัดความรับผิดชอบ ลอยตัวอยู่เหนือปัญหา
นายถาวร กล่าวว่า ขอตั้งคำถามถึง ร.ต.อ.เฉลิม ว่า กรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางไปมาเลเซีย และเรียกตัวแทนบางกลุ่มบางคนมาพบ ถือเป็นการแทรกแซงการบริหารของรัฐบาลนี้หรือไม่ และ รองนายกฯ ทั้ง 2 คน ที่ดูแลปัญหาภาคใต้ กล้าดำเนินการหรือไม่ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการแต่งตั้งรัฐมนตรีตัวจริง และเป็นพี่ชายนายก ฯ
ล่าสุดเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่มีการวางระเบิดทั้งจริง และปลอม 102 จุด พร้อมปักธงมาเลเซียกว่า 200 ผืน ในเขตแดนของไทย ต้องมีการใช้ผู้ปฏิบัติงานกว่า 300 คน ถามว่ารัฐบาลและเจ้าหน้าที่ ปล่อยปละเลยหรือไม่ นี่ยังไม่รวมกับข้อความเยาะเย้ยถากถางตามรายทาง คนเป็นนายกฯ ที่ดูทั้ง กอ.รมน. และ ศอ.บต. มีความละอายหรือไม่ ที่เหตุการณ์ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ที่รุนแรงขึ้นจากยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ กว่า 2,000 ครั้ง ยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ ลดลงไม่เหลือ 1,000 ครั้ง และมาทวีความรุนแรงทั้งปริมาณ ความรุนแรง ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เกิดเหตุการณ์ระเบิดในเขตหาดใหญ่ และโก-ลก วันนี้มีประชาชน ตำรวจ ทหาร เสียชีวิตมากกว่า 5,000 ศพ มีหญิงหม้ายและเด็กกำพร้านับหมื่นคน รัฐบาลสูญงบประมาณไปว่าก 2 แสนล้านบาท แต่ปัญหากลับทวีความรุนแรงมากขึ้น เกิดจากผู้นำเลว ที่ไม่กล้าตัดสินใจ และดำเนินนโยบายผิดพลาด ไม่ใช่เกิดจากไพร่พล ทหารเลว จึงขอเรียกร้องนายกฯ อย่าลอยตัวอยู่เหนือปัญหา
ทั้งนี้ ทางพรรคประชาธิปัตย์ จะเสนอตั้งญัตติด่วนแก้ไขปัญหาไฟใต้ ในวันที่ 6 ก.ย. จึงขอเรียกร้องให้นายกฯ มาร่วมประชุม และรับฟังปัญหา ไมเช่นนั้นก็จะไม่เกิดประโยชน์อะไร
ด้านนายสุรเชษฐ์ แวอาแซ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถ้า ร.ต.อ.เฉลิม มีความจริงใจ ก็คงจะไม่ทำหนังสือเชิญในลักษณะกระแนะ กระแหน ที่ระบุว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มีความรู้ ประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหา และอยากถามว่า เหตุใดจึงต้องเชิญประชุมในวันศุกร์ ทั้งที่รู้ว่า ส.ส.มุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ต้องละหมาดใหญ่ในวันศุกร์ ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ แต่หากนายกฯ จะไปร่วมหารือรับฟังปัญหาด้วย พวกตนก็พร้อมไป แต่หากนายกฯไม่ไป พวกตนก็ไม่ไป แสดงให้เห็นว่า แค่หนังสือเชิญ ก็ไม่เข้าใจ ไม่เข้าถึง ไม่ซื้อใจพวกตนแล้ว
2. กรณีที่นายกฯ ลงพื้นที่ จ.นราธิวาส ทางจังหวัดประสานให้ ส.ส.ภาคใต้อยู่ต้อนรับนายกฯในพื้นที่ แต่ตนได้ตอบไปว่า เป็นสส.มีหน้าที่มาประชุม เหตุใดนายกฯจึงเลือกวันลงพื้นที่ตรงกับวันประชุมสภา แทนที่จะเลือกวันหยุด เพื่อจะเข้าเยี่ยมประชาชน และดูชีวิต ความเป็นอยู่ แต่อย่างไรก็ขอขอบคุณที่ยังกล้าลงพื้นที่ภาคใต้ หากจะแลกเปลี่ยนข้อมูล ก็ขอให้นายกฯ เข้าร่วมประชุมสภา ในวันที่ 6 ก.ย. และตอบคำถามในสภาดีกว่า
** "เหลิม"ประชดแก้ได้จะยกเครดิตให้
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการออกหนังสือเชิญ นายอภิสิทธิ์ และ ส.ส.ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของทุกพรรคการเมือง เข้าร่วมหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในวันที่ 7 ก.ย.นี้ ว่า ส่วนตัวมีความเชื่อว่า พรรคประชาธิปัตย์ รู้ข้อเท็จจริงของปัญหาในพื้นที่ดีกว่าคนอื่น เพราะมี ส.ส.ในแทบทุกพื้นที่ และมองว่าเรื่องการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้นั้น ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของส่วนรวม ของคนในชาติ และนักการเมือง ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาล
ส่วนที่ ส.ส.ฝ่ายค้าน ต้องการให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการหารือด้วย เพราะเกรงว่าการเสนอข้อมูลจะไม่ได้ประโยชน์นั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนขอรับปากว่า หากมีการเสนอแนวทางใดๆก็จะเป็นผู้นำเสนอต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะการเชิญฝ่ายค้านร่วมหารือ ก็เป็นบัญชาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์เอง และเหตุใดนายกฯ จึงจะไม่ฟัง โปรดอย่าตั้งแง่ ขอให้มาช่วยกันดีกว่า ใครมีแนวคิดอะไรที่ทำให้เหตุการณ์สงบ ก็เสนอได้ทั้งหมด
"หากเหตุการณ์สงบจริง ผมจะบอกเลยว่า เป็นฝีมือของท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือ ท่านถาวร เสนเนียม จะบอกว่าฝีมือประชาธิปัตย์แท้ๆ ไม่มีปิดบัง ผมไม่อาย รัฐบาลไม่อาย มาเถอะ และแสดงให้เต็มที่ ผมจะเปิดฟลอร์ให้พูดกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่โดยตรง ท่านอภิสิทธิ์ เอาให้เต็มแม็ค จัดหนักจัดเต็มได้เลย ถ้าสถานการณ์ดีขึ้น ผมจะขอบคุณผ่านสื่อ ให้คนทั้งประเทศรู้ว่า เป็นฝีมือประชาธิปัตย์ เป็นความฉลาดเฉียบแหลมของนายอภิสิทธิ์" ร.ต.อ.เฉลิม ระบุ
เมื่อถามว่า การเชิญฝ่ายค้านมาร่วมหารือ เป็นการยอมรับว่ารัฐบาลแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ไม่ได้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า 2 ปี 8 เดือนของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ก็แก้ไม่ได้ หรือ 99 วัน ที่เคยขึ้นป้ายประชาสัมพันธ์ไว้ ซึ่งตนก็เคยบอกแล้วไม่สำเร็จแน่ อีก 10 รัฐบาล ก็ยังแก้ไม่ได้ แต่จะเบาบางลงมากน้อยแค่ไหนก็แล้วแต่สถานการณ์ เพราะเรื่องนี้มีปัจจัยหลายด้าน ที่ไม่สามารถเปิดเผยได้
"บอกได้แค่ว่า มีการเมืองเอี่ยว แต่ระบุไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐาน อย่างล่าสุดก่อนนายกฯ ลงพื้นที่ จ.นราธิวาส ก็มีการก่อเหตุวางระเบิดดักหน้าแล้ว แต่เวลาประชาธิปัตย์ไปนั่งกินน้ำชา ไม่เห็นมีอันตราย เงียบกริบ" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว