ยอดส่งออกข้าว 8 เดือนตอกย้ำ ไทยตกมาอยู่อันดับ 3 แพ้เวียดนามและอินเดีย หลังส่งออกได้เพียง 4.36 ล้านตัน คาดทั้งปีทำไม่ได้ตามเป้า 9 ล้านตันแน่นอน อย่างเก่งแค่ 6.5-7 ล้านตันเท่านั้น "ยรรยง"ยังมั่นใจยอดขายข้าวจีทูจีจะช่วยทวงแชมป์กลับคืน "บุญทรง"เทขายสต๊อกมันให้จีนทั้งหมด
น.ส.กอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า การส่งออกข้าวไทยในช่วง 8 เดือนของปี 2555 (ม.ค.-21ส.ค.) ไทยยังอยู่อันดับ 3 รองจากเวียดนาม และอินเดีย โดยสามารถส่งออกได้เพียง 4.36 ล้านตัน เทียบกับเวียดนามที่ส่งออกได้ 4.63 ล้านตัน ส่วนอินเดียว ส่งออกได้ 4.57 ล้านตัน ซึ่งสัญญาณดังกล่าว ทำให้คาดว่าการส่งข้าวไทยทั้งปีไม่น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ประเมินว่าไทยจะส่งออกได้ 8.5-9 ล้านตัน โดยเอกชนยังคงประเมินว่าจะส่งออกทั้งปีได้ 6.5-7 ล้านตันเท่านั้น
"ขณะนี้การค้าข้าวในตลาดโลกยังไม่กระเตื้องขึ้น ประเทศผู้ซื้อส่วนใหญ่ได้เก็บสต๊อกข้าวไว้จำนวนมาก ทำให้ไม่มีการสั่งซื้อเพิ่ม ขณะที่อินเดีย ก็มีสต๊อกข้าวในมือมาก แม้จะประสบภัยธรรมชาติ แต่ก็ยังส่งออกได้อยู่ ส่วนการขายข้าวในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) ที่กระทรวงพาณิชย์คาดว่าจะส่งออกได้ 3-5 ล้านตัน ก็ยังไม่เห็นชัดเจนว่าขายไปแล้วเท่าไร ส่งมอบเมื่อไร เพราะฉะนั้น เป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ คงทำไม่ได้"น.ส.กอบสุขกล่าว
ทั้งนี้ ภาวะการส่งออกข้าวที่ชะลอตัว เห็นได้จากการเปิดประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาล 7.5 แสนตัน ช่วงปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ส่งออกสนใจเข้ายื่นประมูลน้อย และไม่มีใครกล้าเสนอราคาสูงเท่ากับราคาตลาด โดยผู้ที่ชนะการประมูลไปจำนวน 2 แสนตันนั้น เป็นผู้ที่มีคำสั่งซื้ออยู่ในมือแล้ว ถึงกล้าสู้ราคา ส่วนรายอื่นไม่มีใครกล้าเสนอราคาสูง เพราะไม่มั่นใจว่า จะทำตลาดได้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาข้าวจะยังเป็นช่วงขาขึ้น จนกว่าข้าวฤดูกาลใหม่จะออกมา และเป็นจังหวะดีที่รัฐจะเปิดระบายข้าวในสต๊อกออกมาในช่วงนี้
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่เวียดนามมีปริมาณส่งออกข้าวเป็นดันดับหนึ่งในขณะนี้ว่า ไม่น่าเป็นห่วง เพราะเวียดนามเร่งขายเพื่อให้ได้ปริมาณมากๆ และขายราคาต่ำที่ตันละกว่า 400 เหรียญสหรัฐเท่านั้น แต่ของไทยเน้นการขายราคาสูง แม้ช่วงนี้ข้าวของเวียดนามเริ่มออกแล้ว แต่ยังมั่นใจว่า ไทยจะระบายข้าวในสต๊อกออกได้ เพราะตลาดยังมีความต้องการอยู่มาก และยังมั่นใจอีกว่า ปีนี้ รัฐบาลจะเร่งระบายข้าวในสต๊อกแบบจีทูจีได้ตามปริมาณที่เคยระบุไว้ไม่ต่ำกว่า 3 ล้านตันแน่นอน ทำให้การส่งออกข้าวทั้งปีใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ประเมินไว้
สำหรับสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกในประเทศนี้ เป็นช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว ผลผลิตน้อย จึงทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นบ้าง โดยข้าวเปลือกหอมมะลิ และข้าวเปลือกเจ้า ราคาเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนตันละกว่า 500 บาท
นายสมพงษ์ กิติเรียงลาภ ประธานกรรมการบริษัทพงษ์ลาภ กล่าวว่า วานนี้ (6 ก.ย.) ได้เข้าไปทำสัญญาซื้อขายข้าวกับกระทรวงพาณิชย์ หลังจากบริษัทตนได้รับการอนุมัติซื้อข้าวสต๊อกรัฐบาลจำนวน 1 หมื่นกว่าตัน ถือว่าได้ให้ราคาสูงเท่ากับราคาตลาด แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่มีตลาดข้าวรองรับมากนัก โดยการซื้อข้าวครั้งนี้จะเป็นการทยอยส่งออกไปเรื่อยๆ และหากมีการประมูลข้าวครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอีกสัปดาห์ข้างหน้า ตนก็พร้อมเข้าร่วมประมูล เพราะมองว่าเป็นวิธีการที่โปร่งใส แต่อยากเสนอแนะให้รัฐบาลทยอยระบายข้าวในปริมาณไม่มากคราวละ 2-3 แสนตัน เพื่อไม่ให้กระทบกับราคาตลาด และการระบายควรพิจารณาหลายราย ไม่ใช่อนุมัติให้รายเดียวได้ข้าวไปทั้งหมด
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลมีแผนที่จะระบายข้าวในสต๊อกออกไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขายจีทูจีมีการขายจริง และกำลังอยู่ระหว่างการส่งมอบ ส่วนการระบายข้าวที่เหลือจากการเปิดระบายครั้งก่อน 7.5 แสนตัน ประมาณ 5 แสนกว่าตัน จะเปิดประมูลอีกครั้งในสัปดาห์หน้า และยืนยันที่จะขายในราคาใกล้เคียงกับราคาตลาด โดยเชื่อว่า ยังมีคนต้องการซื้อ เพราะตอนนี้ผู้ส่งออกไม่มีข้าวอยู่ในมือ
ส่วนการขายมันสำปะหลังในสต๊อก ได้อนุมัติขายแบบจีทูจีให้กับจีนทั้งหมด ในราคาเกือบ 200 เหรียญสหรัฐต่อตัน โดยมอบหมายให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้ดำเนินการ โดยยอมรับว่า การระบายครั้งนี้ ขาดทุนจำนวนหนึ่ง และในเร็วๆ นี้ จะเสนอ ครม. เห็นชอบหลักการโครงการรับจำนำหัวมันสำปะหลังสด ฤดูกาลผลิต 2555/56 ในราคานำตลาด เริ่มต้นจากกิโลกรัมละ 2.50 บาท โดยหัวมันสดจะเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนพ.ย.นี้ มีผลผลิต 25 ล้านตัน คาดว่าจะมีมันสดเข้าโครงการใกล้เคียงปีก่อนไม่เกิน 10-12 ล้านบาท
น.ส.กอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า การส่งออกข้าวไทยในช่วง 8 เดือนของปี 2555 (ม.ค.-21ส.ค.) ไทยยังอยู่อันดับ 3 รองจากเวียดนาม และอินเดีย โดยสามารถส่งออกได้เพียง 4.36 ล้านตัน เทียบกับเวียดนามที่ส่งออกได้ 4.63 ล้านตัน ส่วนอินเดียว ส่งออกได้ 4.57 ล้านตัน ซึ่งสัญญาณดังกล่าว ทำให้คาดว่าการส่งข้าวไทยทั้งปีไม่น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ประเมินว่าไทยจะส่งออกได้ 8.5-9 ล้านตัน โดยเอกชนยังคงประเมินว่าจะส่งออกทั้งปีได้ 6.5-7 ล้านตันเท่านั้น
"ขณะนี้การค้าข้าวในตลาดโลกยังไม่กระเตื้องขึ้น ประเทศผู้ซื้อส่วนใหญ่ได้เก็บสต๊อกข้าวไว้จำนวนมาก ทำให้ไม่มีการสั่งซื้อเพิ่ม ขณะที่อินเดีย ก็มีสต๊อกข้าวในมือมาก แม้จะประสบภัยธรรมชาติ แต่ก็ยังส่งออกได้อยู่ ส่วนการขายข้าวในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) ที่กระทรวงพาณิชย์คาดว่าจะส่งออกได้ 3-5 ล้านตัน ก็ยังไม่เห็นชัดเจนว่าขายไปแล้วเท่าไร ส่งมอบเมื่อไร เพราะฉะนั้น เป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ คงทำไม่ได้"น.ส.กอบสุขกล่าว
ทั้งนี้ ภาวะการส่งออกข้าวที่ชะลอตัว เห็นได้จากการเปิดประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาล 7.5 แสนตัน ช่วงปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ส่งออกสนใจเข้ายื่นประมูลน้อย และไม่มีใครกล้าเสนอราคาสูงเท่ากับราคาตลาด โดยผู้ที่ชนะการประมูลไปจำนวน 2 แสนตันนั้น เป็นผู้ที่มีคำสั่งซื้ออยู่ในมือแล้ว ถึงกล้าสู้ราคา ส่วนรายอื่นไม่มีใครกล้าเสนอราคาสูง เพราะไม่มั่นใจว่า จะทำตลาดได้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาข้าวจะยังเป็นช่วงขาขึ้น จนกว่าข้าวฤดูกาลใหม่จะออกมา และเป็นจังหวะดีที่รัฐจะเปิดระบายข้าวในสต๊อกออกมาในช่วงนี้
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่เวียดนามมีปริมาณส่งออกข้าวเป็นดันดับหนึ่งในขณะนี้ว่า ไม่น่าเป็นห่วง เพราะเวียดนามเร่งขายเพื่อให้ได้ปริมาณมากๆ และขายราคาต่ำที่ตันละกว่า 400 เหรียญสหรัฐเท่านั้น แต่ของไทยเน้นการขายราคาสูง แม้ช่วงนี้ข้าวของเวียดนามเริ่มออกแล้ว แต่ยังมั่นใจว่า ไทยจะระบายข้าวในสต๊อกออกได้ เพราะตลาดยังมีความต้องการอยู่มาก และยังมั่นใจอีกว่า ปีนี้ รัฐบาลจะเร่งระบายข้าวในสต๊อกแบบจีทูจีได้ตามปริมาณที่เคยระบุไว้ไม่ต่ำกว่า 3 ล้านตันแน่นอน ทำให้การส่งออกข้าวทั้งปีใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ประเมินไว้
สำหรับสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกในประเทศนี้ เป็นช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว ผลผลิตน้อย จึงทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นบ้าง โดยข้าวเปลือกหอมมะลิ และข้าวเปลือกเจ้า ราคาเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนตันละกว่า 500 บาท
นายสมพงษ์ กิติเรียงลาภ ประธานกรรมการบริษัทพงษ์ลาภ กล่าวว่า วานนี้ (6 ก.ย.) ได้เข้าไปทำสัญญาซื้อขายข้าวกับกระทรวงพาณิชย์ หลังจากบริษัทตนได้รับการอนุมัติซื้อข้าวสต๊อกรัฐบาลจำนวน 1 หมื่นกว่าตัน ถือว่าได้ให้ราคาสูงเท่ากับราคาตลาด แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่มีตลาดข้าวรองรับมากนัก โดยการซื้อข้าวครั้งนี้จะเป็นการทยอยส่งออกไปเรื่อยๆ และหากมีการประมูลข้าวครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอีกสัปดาห์ข้างหน้า ตนก็พร้อมเข้าร่วมประมูล เพราะมองว่าเป็นวิธีการที่โปร่งใส แต่อยากเสนอแนะให้รัฐบาลทยอยระบายข้าวในปริมาณไม่มากคราวละ 2-3 แสนตัน เพื่อไม่ให้กระทบกับราคาตลาด และการระบายควรพิจารณาหลายราย ไม่ใช่อนุมัติให้รายเดียวได้ข้าวไปทั้งหมด
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลมีแผนที่จะระบายข้าวในสต๊อกออกไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขายจีทูจีมีการขายจริง และกำลังอยู่ระหว่างการส่งมอบ ส่วนการระบายข้าวที่เหลือจากการเปิดระบายครั้งก่อน 7.5 แสนตัน ประมาณ 5 แสนกว่าตัน จะเปิดประมูลอีกครั้งในสัปดาห์หน้า และยืนยันที่จะขายในราคาใกล้เคียงกับราคาตลาด โดยเชื่อว่า ยังมีคนต้องการซื้อ เพราะตอนนี้ผู้ส่งออกไม่มีข้าวอยู่ในมือ
ส่วนการขายมันสำปะหลังในสต๊อก ได้อนุมัติขายแบบจีทูจีให้กับจีนทั้งหมด ในราคาเกือบ 200 เหรียญสหรัฐต่อตัน โดยมอบหมายให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้ดำเนินการ โดยยอมรับว่า การระบายครั้งนี้ ขาดทุนจำนวนหนึ่ง และในเร็วๆ นี้ จะเสนอ ครม. เห็นชอบหลักการโครงการรับจำนำหัวมันสำปะหลังสด ฤดูกาลผลิต 2555/56 ในราคานำตลาด เริ่มต้นจากกิโลกรัมละ 2.50 บาท โดยหัวมันสดจะเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนพ.ย.นี้ มีผลผลิต 25 ล้านตัน คาดว่าจะมีมันสดเข้าโครงการใกล้เคียงปีก่อนไม่เกิน 10-12 ล้านบาท