ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์”เตรียมชงครม. กู้เงิน 4.05 แสนล้านบาท อุ้มจำนำข้าวรอบใหม่ทุกเม็ดเหมือนเดิม คาดจะมีปริมาณสูงถึง 25.82 ล้านตัน เริ่ม 1 ต.ค.ปีนี้ สิ้นสุด 15 ก.ย.ปีหน้า ให้เกษตรกรจำนำได้คนละ 2 รอบ พร้อมสั่งเข้มงวดการออกใบประทวน ป้องกันการสวมสิทธิ์ ส่วนข้าวหนีน้ำได้เฮ เปิดให้จำนำรอบพิเศษได้ "บุญทรง"ไฟเขียวขายข้าวสต๊อกรัฐ 2.29 แสนตัน ได้เงิน 3,973 ล้านบาท ส่วนข้าวที่เหลือ เปิดประมูลอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) วานนี้ (3 ก.ย.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้เปิดรับจำนำข้าวฤดูการผลิตปี 2555/56 โดยจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (4 ก.ย.) อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) จำนวน 4.05 แสนล้านบาท เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการรับจำนำข้าว คาดว่าจะมีปริมาณ 25.822 ล้านตัน จากทั้งหมด 33 ล้านตันข้าวเปลือก
ทั้งนี้ งบประมาณที่จะนำมาใช้จำนวน 4.05 แสนล้านบาท แบ่งเป็นข้าวนาปี 2.4 แสนล้านบาท ข้าวนาปรัง 1.65 แสนล้านบาท โดยเป็นงบประมาณจ่ายขาด 1.17 หมื่นล้านบาท แยกเป็นข้าวนาปี 7,000 ล้านบาท ข้าวนาปรัง 4,771 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสินเชื่อรวม 7,492.50 ล้านบาท แบ่งเป็นข้าวนาปี 4,440 ล้านบาท ข้าวนาปรัง 3,052.50 ล้านบาท
สำหรับราคารับจำนำ จะใช้ราคาเดิม คือ ข้าวหอมมะลิตันละ 2 หมื่นบาท ข้าวหอมจังหวัดตันละ 1.8 หมื่นบาท ข้าวปทุมธานีตันละ 1.6 หมื่นบาท ข้าวเปลือกเหนียว 10% เม็ดยาว ตันละ 1.6 หมื่นบาท ข้าวเปลือกเหนียว 10% เม็ดสั้นตันละ 1.5 หมื่นบาท ข้าวเปลือกเจ้า 100% ตันละ 1.5 หมื่นบาท ข้าวเปลือกเจ้า 5% ตันละ 1.48 หมื่นบาท ข้าวเปลือกเจ้า 10% ตันละ 1.46 หมื่นบาท ข้าวเปลือกเจ้า 15% ตันละ 1.42 หมื่นบาท และข้าวเปลือกเจ้า 25% ตันละ 1.28 หมื่นบาท
ส่วนหลักเกณฑ์ในโครงการรับจำนำข้าวรอบใหม่ จะเป็นการเปิดรับจำนำข้าวทุกเม็ด แต่มีเงื่อนไขว่าต้องเป็นข้าวที่ผลิตได้ภายในประเทศไทยช่วงปี 2555/56 เท่านั้น โดยจะเปิดให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่ 1 ต.ค.2555-15 ก.ย.2556 ซึ่งจะให้สิทธิ์เกษตรกรเข้าสิทธิ์ได้ 2 รอบ และหากพบว่าปริมาณข้าวที่แจ้งมาไม่ตรงกับปริมาณจริงก็จะตรวจสอบ
ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้ออกประกาศให้เกษตรอำเภอเข้มงวดในการออกใบประทวนแก่เกษตรกร เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์ โดยหากพบว่ามีการสวมสิทธิ์เกิดขึ้นก็จะดำเนินการตามกฎหมาย คือ จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ที่ประชุม กขช. ได้อนุมัติให้เกษตรกรที่เก็บเกี่ยวข้าวตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.-15 ก.ย.2555 ซึ่งเป็นรอยต่อช่วงน้ำท่วม สามารถใช้สิทธิ์รับจำนำรอบพิเศษได้ คาดว่าข้าวส่วนนี้จะมีปริมาณ 2 ล้านตันข้าวเปลือก
**ไฟเขียวขายข้าวในสต็อก 2.29 แสนตัน
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้พิจารณาระบายสต๊อกข้าวรัฐบาลตามที่คณะทำงานดำเนินการระบายข้าว ที่มีอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเสนอมา โดยอนุมัติขายข้าวจำนวน 2.29 แสนตัน คิดเป็นมูลค่า 3,973 ล้านบาท จากที่เปิดประมูลทั้งหมด 7.5 แสนตัน ส่วนข้าวที่เหลืออีก 5 แสนตันที่ไม่อนุมัติขาย เนื่องจากไม่ผ่านเกณฑ์ราคากลาง แต่จะมีการเปิดประมูลอีกครั้งในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
นายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ผู้ที่ได้รับการอนุมัติขายข้าว 2.29 แสนตัน แบ่งเป็น ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 มี 3 รายได้รับอนุมัติ ได้แก่ บริษัทโตมี อินเตอร์เทรด ปริมาณ 6,647 ตัน ราคาตันละ 2.98 หมื่นบาท บริษัท พงษ์ลาภ 1,610 ตัน ราคาตันละ 3 หมื่นบาท และบริษัทเสนางค์ 8,783 ตัน ราคาตันละ 2.98 หมื่นบาท รวมปริมาณ 1.70 ตัน มูลค่า 508 ล้านบาท ปลายข้าวเอวันเลิศ ได้รับการอนุมัติ 1 บริษัท คือบริษัทข้าวซี.พี. จำนวน 1,960 ตัน ราคาตันละ 1.47 หมื่นบาท มูลค่า 28.9 ล้านบาท
สำหรับข้าวขาว 5% ได้รับการอนุมัติจำนวน 4 ราย ได้แก่ บริษัท ชัยพรไรซแอนด์ฟู้ดโปรดักส์ จำนวน 7.41 หมื่นตัน ราคาตันละ 1.63 หมื่นบาท มูลค่า 1,208 ล้านบาท บริษัทเอเชีย โกลเด้น ไรซ ปริมาณ 6.58 หมื่นตัน ราคา 1.63 หมื่นบาท มูลค่า 1,073 ล้านบาท บริษัทแคปปีดัลซีเรียลส์ 6 หมื่นตัน ราคาตันละ 1.63 หมื่นบาท มูลค่า 978 ล้านบาท และบริษัทพงษ์ลาภ 1.06 หมื่นตัน ราคา1.65 หมื่นบาท มูลค่า 175 ล้านบาท รวมปริมาณทั้งหมด 2.10 แสนตัน มูลค่า 3,435 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังได้อนุมัติขายข้าวเปลือกจากโครงการรับจำนำฤดูเก่าอีกจำนวน 2,935 ตัน ให้กับบริษัท ทาปีโอก้าฟลาว แอนด์ เกรน 1,457 ตัน ราคาตันละ 5,300 บาท และโรงสีข้าวไทยง้วนเฮง 1,477 ตัน ราคาตันละ 5,300 บาท รวมมูลค่า 15.5 ล้านบาท
นายมนัส กล่าวว่า ราคาที่อนุมัติขายเป็นราคาเท่ากับราคาตลาดข้าวในปัจจุบัน และสูงกว่าเกณฑ์กลางที่กำหนด ส่วนที่ไม่ผ่านการประมูลเพราะมีการเสนอราคาต่ำกว่าเกณฑ์จึงไม่มีการเรียกต่อรองราคา แต่คาดว่าการประมูลรอบหน้าที่จะถึงในอีก 2 สัปดาห์ ซึ่งจะนำข้าวสต๊อกที่เหลือจากการประมูลครั้งนี้มาประมูลรวมกับข้าวสต๊อกรัฐบาลที่ยังเหลือ อาจจะเปิดประมูลอีก 5-7 แสนตัน คาดว่าจะมีการเสนอราคาที่สูงขึ้น หลังจากที่ผู้ประมูลรอบนี้ไม่ได้รับโอกาสต่อรองราคา ก็ต้องเพิ่มราคาถ้าอยากได้ข้าวรัฐบาล ส่วนบริษัทสยาม อินดิก้า ที่ไม่ชนะประมูล เพราะเสนอราคาต่ำกว่าเกณฑ์
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) วานนี้ (3 ก.ย.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้เปิดรับจำนำข้าวฤดูการผลิตปี 2555/56 โดยจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (4 ก.ย.) อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) จำนวน 4.05 แสนล้านบาท เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการรับจำนำข้าว คาดว่าจะมีปริมาณ 25.822 ล้านตัน จากทั้งหมด 33 ล้านตันข้าวเปลือก
ทั้งนี้ งบประมาณที่จะนำมาใช้จำนวน 4.05 แสนล้านบาท แบ่งเป็นข้าวนาปี 2.4 แสนล้านบาท ข้าวนาปรัง 1.65 แสนล้านบาท โดยเป็นงบประมาณจ่ายขาด 1.17 หมื่นล้านบาท แยกเป็นข้าวนาปี 7,000 ล้านบาท ข้าวนาปรัง 4,771 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสินเชื่อรวม 7,492.50 ล้านบาท แบ่งเป็นข้าวนาปี 4,440 ล้านบาท ข้าวนาปรัง 3,052.50 ล้านบาท
สำหรับราคารับจำนำ จะใช้ราคาเดิม คือ ข้าวหอมมะลิตันละ 2 หมื่นบาท ข้าวหอมจังหวัดตันละ 1.8 หมื่นบาท ข้าวปทุมธานีตันละ 1.6 หมื่นบาท ข้าวเปลือกเหนียว 10% เม็ดยาว ตันละ 1.6 หมื่นบาท ข้าวเปลือกเหนียว 10% เม็ดสั้นตันละ 1.5 หมื่นบาท ข้าวเปลือกเจ้า 100% ตันละ 1.5 หมื่นบาท ข้าวเปลือกเจ้า 5% ตันละ 1.48 หมื่นบาท ข้าวเปลือกเจ้า 10% ตันละ 1.46 หมื่นบาท ข้าวเปลือกเจ้า 15% ตันละ 1.42 หมื่นบาท และข้าวเปลือกเจ้า 25% ตันละ 1.28 หมื่นบาท
ส่วนหลักเกณฑ์ในโครงการรับจำนำข้าวรอบใหม่ จะเป็นการเปิดรับจำนำข้าวทุกเม็ด แต่มีเงื่อนไขว่าต้องเป็นข้าวที่ผลิตได้ภายในประเทศไทยช่วงปี 2555/56 เท่านั้น โดยจะเปิดให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่ 1 ต.ค.2555-15 ก.ย.2556 ซึ่งจะให้สิทธิ์เกษตรกรเข้าสิทธิ์ได้ 2 รอบ และหากพบว่าปริมาณข้าวที่แจ้งมาไม่ตรงกับปริมาณจริงก็จะตรวจสอบ
ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้ออกประกาศให้เกษตรอำเภอเข้มงวดในการออกใบประทวนแก่เกษตรกร เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์ โดยหากพบว่ามีการสวมสิทธิ์เกิดขึ้นก็จะดำเนินการตามกฎหมาย คือ จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ที่ประชุม กขช. ได้อนุมัติให้เกษตรกรที่เก็บเกี่ยวข้าวตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.-15 ก.ย.2555 ซึ่งเป็นรอยต่อช่วงน้ำท่วม สามารถใช้สิทธิ์รับจำนำรอบพิเศษได้ คาดว่าข้าวส่วนนี้จะมีปริมาณ 2 ล้านตันข้าวเปลือก
**ไฟเขียวขายข้าวในสต็อก 2.29 แสนตัน
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้พิจารณาระบายสต๊อกข้าวรัฐบาลตามที่คณะทำงานดำเนินการระบายข้าว ที่มีอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเสนอมา โดยอนุมัติขายข้าวจำนวน 2.29 แสนตัน คิดเป็นมูลค่า 3,973 ล้านบาท จากที่เปิดประมูลทั้งหมด 7.5 แสนตัน ส่วนข้าวที่เหลืออีก 5 แสนตันที่ไม่อนุมัติขาย เนื่องจากไม่ผ่านเกณฑ์ราคากลาง แต่จะมีการเปิดประมูลอีกครั้งในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
นายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ผู้ที่ได้รับการอนุมัติขายข้าว 2.29 แสนตัน แบ่งเป็น ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 มี 3 รายได้รับอนุมัติ ได้แก่ บริษัทโตมี อินเตอร์เทรด ปริมาณ 6,647 ตัน ราคาตันละ 2.98 หมื่นบาท บริษัท พงษ์ลาภ 1,610 ตัน ราคาตันละ 3 หมื่นบาท และบริษัทเสนางค์ 8,783 ตัน ราคาตันละ 2.98 หมื่นบาท รวมปริมาณ 1.70 ตัน มูลค่า 508 ล้านบาท ปลายข้าวเอวันเลิศ ได้รับการอนุมัติ 1 บริษัท คือบริษัทข้าวซี.พี. จำนวน 1,960 ตัน ราคาตันละ 1.47 หมื่นบาท มูลค่า 28.9 ล้านบาท
สำหรับข้าวขาว 5% ได้รับการอนุมัติจำนวน 4 ราย ได้แก่ บริษัท ชัยพรไรซแอนด์ฟู้ดโปรดักส์ จำนวน 7.41 หมื่นตัน ราคาตันละ 1.63 หมื่นบาท มูลค่า 1,208 ล้านบาท บริษัทเอเชีย โกลเด้น ไรซ ปริมาณ 6.58 หมื่นตัน ราคา 1.63 หมื่นบาท มูลค่า 1,073 ล้านบาท บริษัทแคปปีดัลซีเรียลส์ 6 หมื่นตัน ราคาตันละ 1.63 หมื่นบาท มูลค่า 978 ล้านบาท และบริษัทพงษ์ลาภ 1.06 หมื่นตัน ราคา1.65 หมื่นบาท มูลค่า 175 ล้านบาท รวมปริมาณทั้งหมด 2.10 แสนตัน มูลค่า 3,435 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังได้อนุมัติขายข้าวเปลือกจากโครงการรับจำนำฤดูเก่าอีกจำนวน 2,935 ตัน ให้กับบริษัท ทาปีโอก้าฟลาว แอนด์ เกรน 1,457 ตัน ราคาตันละ 5,300 บาท และโรงสีข้าวไทยง้วนเฮง 1,477 ตัน ราคาตันละ 5,300 บาท รวมมูลค่า 15.5 ล้านบาท
นายมนัส กล่าวว่า ราคาที่อนุมัติขายเป็นราคาเท่ากับราคาตลาดข้าวในปัจจุบัน และสูงกว่าเกณฑ์กลางที่กำหนด ส่วนที่ไม่ผ่านการประมูลเพราะมีการเสนอราคาต่ำกว่าเกณฑ์จึงไม่มีการเรียกต่อรองราคา แต่คาดว่าการประมูลรอบหน้าที่จะถึงในอีก 2 สัปดาห์ ซึ่งจะนำข้าวสต๊อกที่เหลือจากการประมูลครั้งนี้มาประมูลรวมกับข้าวสต๊อกรัฐบาลที่ยังเหลือ อาจจะเปิดประมูลอีก 5-7 แสนตัน คาดว่าจะมีการเสนอราคาที่สูงขึ้น หลังจากที่ผู้ประมูลรอบนี้ไม่ได้รับโอกาสต่อรองราคา ก็ต้องเพิ่มราคาถ้าอยากได้ข้าวรัฐบาล ส่วนบริษัทสยาม อินดิก้า ที่ไม่ชนะประมูล เพราะเสนอราคาต่ำกว่าเกณฑ์
