ASTVผู้จัดการรายวัน - “พาณิชย์”เปิดระบายสต๊อกข้าวสารรัฐบาล 7.53 แสนตัน ทั้งข้าวขาว ข้าวหอม ประมูลได้ทั้งขายในประเทศและส่งออก ขีดเส้นยื่นซองประมูล 28 ส.ค.นี้ ด้านผู้ส่งออกข้าวหนุนระบาย เหตุตลาดข้าวตึงตัว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า กรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะคณะทำงานดำเนินการระบายข้าว ได้ออกประกาศจำหน่ายข้าวสารที่ได้จากโครงการรับจำนำเปลือกของรัฐบาลลงวันที่ 20 ส.ค. โดยจะเปิดระบายสต๊อกข้าวสารรวมปริมาณ 7.53 แสนตัน แบ่งเป็น ข้าวสารหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ข้าวหอมจังหวัด ข้าวปทุมธานี และปลายข้าวขาวเอวันเลิศ ที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาล 2554/55 ปริมาณ 4.99 แสนตัน โดยให้ผู้สนใจยื่นซองเสนอราคาเพื่อจำหน่ายในประเทศและการส่งออก ข้าวขาว 5% ที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาล 2554/55 ปริมาณ 2.10 แสนตัน โดยให้ยื่นซองเสนอราคาเพื่อการส่งออกเท่านั้น และข้าวเปลือกค้างการส่งมอบที่โรงสี เป็นชนิดข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกหอมจังหวัด และข้าวเปลือกเจ้า 5% ที่ได้จากโครงการับรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาล 2548/49 2549/50 และ2550/51 โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2550 รวมปริมาณ 4.41 หมื่นตัน
โดยตามประกาศหลักเกณฑ์ (ทีโออาร์) กำหนดให้ยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลทั้งหมดนี้ต่ออธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าว ภายในวันที่ 28 ส.ค.2555 โดยการเสนอราคาซื้อข้าวสารสต๊อกรัฐบาลจะต้องเสนอราคาซื้อ ณ หน้าคลังสินค้าที่ขอซื้อเป็นเงินบาท และผู้ยื่นเสนอราคาจะต้องมีหลักประกันเป็นหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารหรือตั๋วแลกเงิน หรือเช็กธนาคาร ที่ออกโดยธนาคารตั้งอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น สั่งจ่ายกรมการค้าต่างประเทศ ในอัตรา 2% ของมูลค่าสินค้าที่ยื่นเสนอซื้อ
ทั้งนี้ ผู้เสนอราคาซื้อสามารถขอใช้สิทธิดูสภาพข้าวสารที่เก็บรักษาได้ หากไม่ขอใช้สิทธิดังกล่าวจะถือว่าผู้เสนอราคาซื้อยอมรับสภาพข้าวสารที่เสนอราคาโดยไม่มีข้อโต้แย้ง โดยเงื่อนไขทีโออาร์ที่ประกาศเชิญชวนจนถึงวันที่เสนอราคาจะมีระยะเวลา 7 วัน ที่เอกชนสามารถไปตรวจสอบคุณภาพข้าวในโกดังที่จะยื่นราคาได้
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า คณะทำงานฯ จะเจรจาต่อรองกับผู้เสนอราคา โดยมีเกณฑ์ราคากลางอ้างอิงที่คำนวณจากราคาตลาด ซึ่งจะเจรจาต่อรองกับผู้เสนอซื้อที่อยู่ในเกณฑ์ราคาเท่านั้น ส่วนผู้ที่ได้รับการอนุมัติขายข้าวแล้วจะต้องทำสัญญาซื้อขายกับทางองค์การคลังสินค้า (อคส.) หรือองค์การตลาดเพื่อเกษตร (อ.ต.ก.) ภายใน 10 วัน นับแต่วันที่แจ้งผลเป็นลายลักษณ์อักษรโดยต้องวางหลักประกันเป็นเงินสด หรือเป็นหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารในอัตรา 5% ของมูลค่าข้าวสารที่ได้ตกลงซื้อขาย หากผู้เสนอราคาไม่มาทำสัญญาภายในเวลาที่กำหนดจะถูกริบหลักประกัน
น.ส.กอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลจำนวน 7.5 แสนตัน ถือว่าอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะตลาดข้าวอยู่ในภาวะตึงตัว เอกชนไม่สามารถหาซื้อข้าวในตลาดได้ ทั้งข้าวขาว ข้าวหอมมะลิ และข้าวเปลือกที่มาทำข้าวนึ่ง เนื่องจากเข้าโครงการรับจำนำรัฐบาลเกือบหมด เชื่อว่าการประมูลครั้งนี้จะมีเอกชนสนใจเข้าร่วมจำนวนมาก หากรัฐบาลไม่ได้กำหนดราคาขายสูงเกินกว่าราคาตลาดมากจนเกินไป.
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า กรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะคณะทำงานดำเนินการระบายข้าว ได้ออกประกาศจำหน่ายข้าวสารที่ได้จากโครงการรับจำนำเปลือกของรัฐบาลลงวันที่ 20 ส.ค. โดยจะเปิดระบายสต๊อกข้าวสารรวมปริมาณ 7.53 แสนตัน แบ่งเป็น ข้าวสารหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ข้าวหอมจังหวัด ข้าวปทุมธานี และปลายข้าวขาวเอวันเลิศ ที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาล 2554/55 ปริมาณ 4.99 แสนตัน โดยให้ผู้สนใจยื่นซองเสนอราคาเพื่อจำหน่ายในประเทศและการส่งออก ข้าวขาว 5% ที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาล 2554/55 ปริมาณ 2.10 แสนตัน โดยให้ยื่นซองเสนอราคาเพื่อการส่งออกเท่านั้น และข้าวเปลือกค้างการส่งมอบที่โรงสี เป็นชนิดข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกหอมจังหวัด และข้าวเปลือกเจ้า 5% ที่ได้จากโครงการับรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาล 2548/49 2549/50 และ2550/51 โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2550 รวมปริมาณ 4.41 หมื่นตัน
โดยตามประกาศหลักเกณฑ์ (ทีโออาร์) กำหนดให้ยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลทั้งหมดนี้ต่ออธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าว ภายในวันที่ 28 ส.ค.2555 โดยการเสนอราคาซื้อข้าวสารสต๊อกรัฐบาลจะต้องเสนอราคาซื้อ ณ หน้าคลังสินค้าที่ขอซื้อเป็นเงินบาท และผู้ยื่นเสนอราคาจะต้องมีหลักประกันเป็นหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารหรือตั๋วแลกเงิน หรือเช็กธนาคาร ที่ออกโดยธนาคารตั้งอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น สั่งจ่ายกรมการค้าต่างประเทศ ในอัตรา 2% ของมูลค่าสินค้าที่ยื่นเสนอซื้อ
ทั้งนี้ ผู้เสนอราคาซื้อสามารถขอใช้สิทธิดูสภาพข้าวสารที่เก็บรักษาได้ หากไม่ขอใช้สิทธิดังกล่าวจะถือว่าผู้เสนอราคาซื้อยอมรับสภาพข้าวสารที่เสนอราคาโดยไม่มีข้อโต้แย้ง โดยเงื่อนไขทีโออาร์ที่ประกาศเชิญชวนจนถึงวันที่เสนอราคาจะมีระยะเวลา 7 วัน ที่เอกชนสามารถไปตรวจสอบคุณภาพข้าวในโกดังที่จะยื่นราคาได้
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า คณะทำงานฯ จะเจรจาต่อรองกับผู้เสนอราคา โดยมีเกณฑ์ราคากลางอ้างอิงที่คำนวณจากราคาตลาด ซึ่งจะเจรจาต่อรองกับผู้เสนอซื้อที่อยู่ในเกณฑ์ราคาเท่านั้น ส่วนผู้ที่ได้รับการอนุมัติขายข้าวแล้วจะต้องทำสัญญาซื้อขายกับทางองค์การคลังสินค้า (อคส.) หรือองค์การตลาดเพื่อเกษตร (อ.ต.ก.) ภายใน 10 วัน นับแต่วันที่แจ้งผลเป็นลายลักษณ์อักษรโดยต้องวางหลักประกันเป็นเงินสด หรือเป็นหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารในอัตรา 5% ของมูลค่าข้าวสารที่ได้ตกลงซื้อขาย หากผู้เสนอราคาไม่มาทำสัญญาภายในเวลาที่กำหนดจะถูกริบหลักประกัน
น.ส.กอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลจำนวน 7.5 แสนตัน ถือว่าอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะตลาดข้าวอยู่ในภาวะตึงตัว เอกชนไม่สามารถหาซื้อข้าวในตลาดได้ ทั้งข้าวขาว ข้าวหอมมะลิ และข้าวเปลือกที่มาทำข้าวนึ่ง เนื่องจากเข้าโครงการรับจำนำรัฐบาลเกือบหมด เชื่อว่าการประมูลครั้งนี้จะมีเอกชนสนใจเข้าร่วมจำนวนมาก หากรัฐบาลไม่ได้กำหนดราคาขายสูงเกินกว่าราคาตลาดมากจนเกินไป.