ASTVผู้จัดการรายวัน - ผู้ว่าแบงก์ชาติประกาศพร้อมลดดอกเบี้ยนโยบาย รับมือวิกฤตเศรษฐกิจโลกชะงัก เผยปีนี้ตัวเลขส่งออกไทยต่ำกว่า 7% หลังกำลังซื้อคนยุโรปหด กระทบการส่งออกไทยไปยุโรปลดลงถึง 12% อีกทั้งมูลค่าการส่งออกในเดือนก.ค.ต่ำกว่าตัวเลขที่ ธปท.ประเมินไว้ ระบุอาเซียนตื่นตัวรับ AEC ตั้งคณะทำงานกำหนดคุณสมบัติสถาบันการเงินที่ไปลงทุนประเทศต่างๆ
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ในปี 55 ภาคการส่งออกไทยน่าจะขยายตัวต่ำกว่า 7% ถือเป็นตัวเลขประมาณการครั้งที่ผ่านมา แต่เป็นเรื่องที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้วเพราะกำลังซื้อของยุโรปลดลงมาก ช่วงครึ่งแรกการส่งออกหดตัว 2% ซึ่งส่วนนี้มีการส่งออกไปยุโรปหดตัวถึง12%และล่าสุดในเดือนก.ค. มูลค่าการส่งออก 1.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ต่ำกว่า ธปท.ประเมินว่ามูลค่าส่งออกไทยจะต้องไม่น้อยกว่า 2.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐถึงจะได้ตัวเลขส่งออกอัตรา 7% ฉะนั้นระยะต่อไปเศรษฐกิจไทยกลับมาให้น้ำหนักภายในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนและบริโภค จึงคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยโตได้ 5.7%
“ในการดูแลเศรษฐกิจไทย เมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤต ธปท.ได้เตรียมเครื่องมือหลากหลายและยืดหยุ่นในการเลือกใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับธปท.อย่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายก็พยายามดูแลให้มีพื้นที่ใช้ประโยชน์ได้ในยามจำเป็น ซึ่งคือ การลดดอกเบี้ยในยามเศรษฐกิจโลกชะงักงัน แต่ตอนนี้ยังอยู่ภาวะชะลอเงินทุนสำรองมีความมั่นคงพอสมควร
ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนและหลักเกณฑ์กำกับดูแลสถาบันการเงินมีความยืดหยุ่นและฐานะธนาคารพาณิชย์มั่นคงทั้งสภาพคล่อง ฐานะเงินทุน และการบริหารความเสี่ยง”
ทั้งนี้ ธปท.คาดว่าในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ตัวเลขการส่งออกน่าจะสูงขึ้นจากฐานปีก่อนที่เกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่ส่งผลให้สินค้าหลายประเภทไม่ได้ส่งออก ขณะที่ในเดือนส.ค.เงินทุนยังคงไหลเข้าสุทธิทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร ซึ่งเงินบาทมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่ความผันผวนยังน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาค และภาคธุรกิจก็มีการปรับตัวได้ดีในยามที่เศรษฐกิจภายนอกมีความไม่แน่นอนสูง
**กำหนดคุณสมบัติแบงก์เข้าสู่AEC**
สำหรับความร่วมมือด้านการเงิน ภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)นั้นขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงานธนาคารกลางในอาเซียน เพื่อกำหนดคุณสมบัติของธนาคารที่ต้องการจะไปลงทุนในประเทศต่างๆ ซึ่งเป็นการวางกรอบเบื้องต้นไว้และคาดว่าได้จะได้ข้อสรุปในสิ้นปีนี้และช่วงครึ่งแรกของปีหน้าน่าจะนำเสนอต่อผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียนได้ ส่วนของไทย
แม้เริ่มแรกจะเป็นเรื่องยากของธนาคาร แต่เท่าที่ติดตามเห็นการตื่นตัวและธนาคารส่วนใหญ่เลือกยุทธศาสตร์แตกต่างกันทั้งตั้งสาขา ผูกพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ เป็นต้น
**คาดวันนี้ได้รองผู้ว่าคนใหม่**
ผู้ว่าการธปท.กล่าวถึงกรณีการสรรหาบุคคลที่เหมาะสมมานั่งตำแหน่งรองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงินและด้านบริหารว่า ในวันนี้ (30ส .ค.) จะนำเสนอเรื่องนี้ให้คณะกรรมการ ธปท. (กกธ.) หรือบอร์ดแบงก์ชาติพิจารณาทั้ง 2 ตำแหน่ง และคาดว่าจะได้ข้อสรุป พร้อมทั้งประกาศอย่างเป็นทางการได้.
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ในปี 55 ภาคการส่งออกไทยน่าจะขยายตัวต่ำกว่า 7% ถือเป็นตัวเลขประมาณการครั้งที่ผ่านมา แต่เป็นเรื่องที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้วเพราะกำลังซื้อของยุโรปลดลงมาก ช่วงครึ่งแรกการส่งออกหดตัว 2% ซึ่งส่วนนี้มีการส่งออกไปยุโรปหดตัวถึง12%และล่าสุดในเดือนก.ค. มูลค่าการส่งออก 1.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ต่ำกว่า ธปท.ประเมินว่ามูลค่าส่งออกไทยจะต้องไม่น้อยกว่า 2.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐถึงจะได้ตัวเลขส่งออกอัตรา 7% ฉะนั้นระยะต่อไปเศรษฐกิจไทยกลับมาให้น้ำหนักภายในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนและบริโภค จึงคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยโตได้ 5.7%
“ในการดูแลเศรษฐกิจไทย เมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤต ธปท.ได้เตรียมเครื่องมือหลากหลายและยืดหยุ่นในการเลือกใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับธปท.อย่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายก็พยายามดูแลให้มีพื้นที่ใช้ประโยชน์ได้ในยามจำเป็น ซึ่งคือ การลดดอกเบี้ยในยามเศรษฐกิจโลกชะงักงัน แต่ตอนนี้ยังอยู่ภาวะชะลอเงินทุนสำรองมีความมั่นคงพอสมควร
ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนและหลักเกณฑ์กำกับดูแลสถาบันการเงินมีความยืดหยุ่นและฐานะธนาคารพาณิชย์มั่นคงทั้งสภาพคล่อง ฐานะเงินทุน และการบริหารความเสี่ยง”
ทั้งนี้ ธปท.คาดว่าในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ตัวเลขการส่งออกน่าจะสูงขึ้นจากฐานปีก่อนที่เกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่ส่งผลให้สินค้าหลายประเภทไม่ได้ส่งออก ขณะที่ในเดือนส.ค.เงินทุนยังคงไหลเข้าสุทธิทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร ซึ่งเงินบาทมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่ความผันผวนยังน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาค และภาคธุรกิจก็มีการปรับตัวได้ดีในยามที่เศรษฐกิจภายนอกมีความไม่แน่นอนสูง
**กำหนดคุณสมบัติแบงก์เข้าสู่AEC**
สำหรับความร่วมมือด้านการเงิน ภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)นั้นขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงานธนาคารกลางในอาเซียน เพื่อกำหนดคุณสมบัติของธนาคารที่ต้องการจะไปลงทุนในประเทศต่างๆ ซึ่งเป็นการวางกรอบเบื้องต้นไว้และคาดว่าได้จะได้ข้อสรุปในสิ้นปีนี้และช่วงครึ่งแรกของปีหน้าน่าจะนำเสนอต่อผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียนได้ ส่วนของไทย
แม้เริ่มแรกจะเป็นเรื่องยากของธนาคาร แต่เท่าที่ติดตามเห็นการตื่นตัวและธนาคารส่วนใหญ่เลือกยุทธศาสตร์แตกต่างกันทั้งตั้งสาขา ผูกพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ เป็นต้น
**คาดวันนี้ได้รองผู้ว่าคนใหม่**
ผู้ว่าการธปท.กล่าวถึงกรณีการสรรหาบุคคลที่เหมาะสมมานั่งตำแหน่งรองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงินและด้านบริหารว่า ในวันนี้ (30ส .ค.) จะนำเสนอเรื่องนี้ให้คณะกรรมการ ธปท. (กกธ.) หรือบอร์ดแบงก์ชาติพิจารณาทั้ง 2 ตำแหน่ง และคาดว่าจะได้ข้อสรุป พร้อมทั้งประกาศอย่างเป็นทางการได้.