ASTVผู้จัดการรายวัน- ตลาดหลักทรัพย์ฯเชื่อเม็ดเงินต่างชาติยังคงไหลเข้าหุ้น-บอนด์ไทยต่อเนื่องจากกำไรบจ.-ผลตอบแทนเงินปันผลยังดีอยู่-ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าต่างประเทศ "วิรไท" แจง ช่วง 2-3 เดือนจากนี้ตลาดหุ้นไทย-โลกผันผวนสูงจากนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจ-วิกฤตหนี้ของยุโรปอเมริกา ด้านตลาดหุ้นวานนี้(8ส.ค.) วอลุ่มเทรดคึกคัก 3.8 หมื่นล้านพลังงาน ปิโตรเคมี แบงก์ หนุนปิดบวก 5.94 จุด
นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่านักลงทุนต่างประเทศยังคงเชื่อมั่นในการลงทุนในประเทศไทยอยู่จากมีเม็ดเงินลงทุนยังคงไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น และ ตลาดพันธบัตรของไทยอยู่ ซึ่งในเดือนกรกฎาคมยังคงซื้อสุทธิ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ และ งวด 7 เดือนนี้ยังคงมียอดซื้อสุทธิรวมอยู่64,621 ล้านบาท และช่วง 7เดือนซื้อบอนด์มูลค่ารวม 5.73แสนล้านบาท เนื่องจากเงินสภาพคล่องส่วนเกินในระบบมีอยู่จำนวนมากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกมาดี ซึ่งเห็นจากหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่มีกำไรรวมเกิน 4 หมื่นล้านบาทติดต่อกันเป็นไตรมาสที่2 ค่าเงินบาทเสถียรภาพ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของไทยสูงกว่าดอกบี้ยต่างประเทศ
ทั้งนี้ภาวะตลาดหุ้นไทยไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังคงมีความผันผวนที่สูงจากปัจจัยต่างประเทศที่เกี่ยวกับนโยบายในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่จะมีการประกาศออกมาในช่วง2 เดือนนี้ และนโยบายของยุโรปในเรื่องมาตรการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาหนี้ที่จะออกมาในช่วง 2-3 เดือนนี้ ส่วนในปีหน้าจีนจะมีการเปลี่ยนผู้นำคนใหม่ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะมีการออกมาตรการอะไรมาหรือไม่หรือจะรอให้ผู้นำคนใหม่เป็นผู้ดำเนินการ และอัตราแลกเปลี่ยนสกุลหลักๆ และราคาน้ำมันก็จะมีความผันผวนสูง
สำหรับนักลงทุนที่เป็นนักลงทุนระยะสั้นต้องระมัดระวังการลงทุนแต่นักลงทุนที่มีการลงทุนระยะยาวนั้นเชื่อว่าจะมีผลตอบแทนที่ดีซึ่งเห็นจากในช่วง 3ปีที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งนักลงทุนที่ลงทุนยากได้รับผลตอบแทนที่ดี และได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผงสูง
นายวิรไท กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนกรกฎาคมนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 16.79% จากสิ้นปี2554ซึ่งสูงเป็นอันดับที่3 ในภูมิภาค รองจากฟิลิปปินส์ที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 21.40% และ เวียดนามที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 17.90% ขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทย สูงอันดับ3ในภูมิภาค ซึ่งอยู่ที่ระดับ 3.60% เพิ่มขึ้นจาก 3.39%จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยรองจากตลาดหุ้นไต้หวัน และ ฮ่องกง
สำหรับมูลค่าการระดมทุนในช่วง 7 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 68,287 ล้านบาทลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่อยู่ที่ 72,501 ล้านบาทซึ่งในเดือนกรกฎาคมนั้นมีบจ.ระดมทุนรวม 7,459 ล้านบาทแบ่งเป็นระดมทุนในตลาดแรกจำนวน4,713 ล้านบาท และเป็นการระดมทุนในตลาดรอง 2,746 ล้านบาทโดยการซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ในเดือนกรกฎาคมเฉลี่ยอยู่ที่ 43,380 ล้านบาทต่อวัน ลดลง 17.46% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
***ต่างชาติ-สถาบันซื้อ ดันหุ้นบวก
หุ้นไทยวานนี้ (8ส.ค.) ปิดที่1,214.13 จุด เพิ่มขึ้น 5.94 จุดมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 38,234.75 ล้านบาท โดยมีแรงซื้อนำในกลุ่มพลังงานแบงก์ และปิโตรเคมี หนุนตลาด ขณะที่มีแรงขาย หุ้นในกลุ่มพาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์ และเทคโนโลยี ทั้งนี้ พบว่านักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ1,629.68 ล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ที่ซื้อสุทธิ 1,256.91 ล้านบาท และ 404.39 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (9ส.ค.) ยังมองในเชิงบวก คือ ดัชนีน่าจะมีการปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยมีแนวต้านที่ 1,220 และ 1,228 ส่วนแนวรับที่1,200 จุด
******************
นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่านักลงทุนต่างประเทศยังคงเชื่อมั่นในการลงทุนในประเทศไทยอยู่จากมีเม็ดเงินลงทุนยังคงไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น และ ตลาดพันธบัตรของไทยอยู่ ซึ่งในเดือนกรกฎาคมยังคงซื้อสุทธิ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ และ งวด 7 เดือนนี้ยังคงมียอดซื้อสุทธิรวมอยู่64,621 ล้านบาท และช่วง 7เดือนซื้อบอนด์มูลค่ารวม 5.73แสนล้านบาท เนื่องจากเงินสภาพคล่องส่วนเกินในระบบมีอยู่จำนวนมากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกมาดี ซึ่งเห็นจากหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่มีกำไรรวมเกิน 4 หมื่นล้านบาทติดต่อกันเป็นไตรมาสที่2 ค่าเงินบาทเสถียรภาพ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของไทยสูงกว่าดอกบี้ยต่างประเทศ
ทั้งนี้ภาวะตลาดหุ้นไทยไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังคงมีความผันผวนที่สูงจากปัจจัยต่างประเทศที่เกี่ยวกับนโยบายในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่จะมีการประกาศออกมาในช่วง2 เดือนนี้ และนโยบายของยุโรปในเรื่องมาตรการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาหนี้ที่จะออกมาในช่วง 2-3 เดือนนี้ ส่วนในปีหน้าจีนจะมีการเปลี่ยนผู้นำคนใหม่ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะมีการออกมาตรการอะไรมาหรือไม่หรือจะรอให้ผู้นำคนใหม่เป็นผู้ดำเนินการ และอัตราแลกเปลี่ยนสกุลหลักๆ และราคาน้ำมันก็จะมีความผันผวนสูง
สำหรับนักลงทุนที่เป็นนักลงทุนระยะสั้นต้องระมัดระวังการลงทุนแต่นักลงทุนที่มีการลงทุนระยะยาวนั้นเชื่อว่าจะมีผลตอบแทนที่ดีซึ่งเห็นจากในช่วง 3ปีที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งนักลงทุนที่ลงทุนยากได้รับผลตอบแทนที่ดี และได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผงสูง
นายวิรไท กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนกรกฎาคมนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 16.79% จากสิ้นปี2554ซึ่งสูงเป็นอันดับที่3 ในภูมิภาค รองจากฟิลิปปินส์ที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 21.40% และ เวียดนามที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 17.90% ขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทย สูงอันดับ3ในภูมิภาค ซึ่งอยู่ที่ระดับ 3.60% เพิ่มขึ้นจาก 3.39%จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยรองจากตลาดหุ้นไต้หวัน และ ฮ่องกง
สำหรับมูลค่าการระดมทุนในช่วง 7 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 68,287 ล้านบาทลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่อยู่ที่ 72,501 ล้านบาทซึ่งในเดือนกรกฎาคมนั้นมีบจ.ระดมทุนรวม 7,459 ล้านบาทแบ่งเป็นระดมทุนในตลาดแรกจำนวน4,713 ล้านบาท และเป็นการระดมทุนในตลาดรอง 2,746 ล้านบาทโดยการซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ในเดือนกรกฎาคมเฉลี่ยอยู่ที่ 43,380 ล้านบาทต่อวัน ลดลง 17.46% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
***ต่างชาติ-สถาบันซื้อ ดันหุ้นบวก
หุ้นไทยวานนี้ (8ส.ค.) ปิดที่1,214.13 จุด เพิ่มขึ้น 5.94 จุดมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 38,234.75 ล้านบาท โดยมีแรงซื้อนำในกลุ่มพลังงานแบงก์ และปิโตรเคมี หนุนตลาด ขณะที่มีแรงขาย หุ้นในกลุ่มพาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์ และเทคโนโลยี ทั้งนี้ พบว่านักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ1,629.68 ล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ที่ซื้อสุทธิ 1,256.91 ล้านบาท และ 404.39 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (9ส.ค.) ยังมองในเชิงบวก คือ ดัชนีน่าจะมีการปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยมีแนวต้านที่ 1,220 และ 1,228 ส่วนแนวรับที่1,200 จุด
******************