บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ประเมินแนวโน้มราคาโกลด์ ฟิวเจอร์ส ว่า ภาวะตลาดทองคำโลก: ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ปิดปรับตัวขึ้นแรงถึง 53.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,604.20 ดอลลาร/ออนซ์ โดยที่ประชุม EU Summit ได้ข้อสรุปในการตั้งวงเงิน 1.2 แสนล้านในการปล่อยกู้แก่ธนาคารที่มีปัญหา รวมถึงการเข้าไปแทรกแซงตลาดพันธบัตรของประเทศที่มีปัญหาโดยการซื้อพันธบัตร ซึ่งจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของประเทศที่มีปัญหาอยู่ในระดับต่ำกว่าในปัจจุบัน และจะมีการตั้งธนาคารเฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อจัดการประเด็นนี้ในปลายปีนี้ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมมากนัก โดยในส่วนของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอิตาลี และสเปนปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสเปนเหลือเพียง 6.3% จากใกล้ระดับ 7% ส่วนหนึ่งจากการที่ประชุมมีมติให้ไม่ต้องเรียงลำดับการได้เงินคืน ซึ่งแต่เดิม ทางกองทุนที่ช่วยเหลือประเทศที่มีปัญหาจะได้รับเงินคืนก่อนผู้ถือพันธบัตรคนอื่นๆ
ภาพโดยรวมสินทรัพย์ทางการเงินโลกปรับตัวขึ้น หลังรู้ผลการประชุม EU Summit โดยในการประชุมครั้งนี้ถือว่า มีความคืบหน้าในระดับที่มากกว่าการประชุมครั้งก่อนๆ เป็นผลมาจากความชัดเจนของกองทุนเงิน 1.2 แสนล้านยูโร แม้ว่าภาพโดยรวมยังไม่มีรายละเอียดมากนัก ทำให้ระยะสั้น ทองคำมีโอกาสชะลอตัวลงมาก่อน โดยในระยะสั้นทองคำ และสินทรัพย์ทางการเงินโลกมีปัจจัยที่บวกรออยู่ คือ เรื่องการประชุม ECB ที่ตลาดคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยลง 25-50 bps หากเป็นไปอย่างที่ตลาดคาด จะเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ ซึ่งคาดว่าจะมีแรงซื้อในตลาดทองคำเข้ามาก่อนที่จะรู้ผลการประชุม ECB ในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากพักตัวในต้นสัปดาห์
ค่าเงินบาทแข็ง...กดดันทองคำในประเทศ: ผลจากการประชุม EU Summit ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และค่าเงินบาทแข็ง ทำให้ราคาทองคำในประเทศขึ้นในระดับที่น้อยกว่าราคาทองคำโลก
มูลค่าทองคำในกองทุน SPDR: ปรับตัวลดลง 2.11 ตัน มาอยู่ที่ระดับ 1,279.51 ตันต่อหน่วย
ความเห็นเทคนิคแนวโน้มราคาทองคำโลก
ทางเทคนิคระยะสั้น มีแนวต้านที่บริเวณ 1,605 เหรียญที่จะทำให้ชะลอตัวลง โดยระยะสั้น แนวรับหลักจะอยู่ที่บริเวณ 1,590-1,580 เหรียญที่จะทำให้ดีดกลับได้
แนวโน้มราคาทองฟิวเจอร์ส: ระยะสั้นคาดว่าทองคำโลกมีโอกาสชะลอตัวหลังทดสอบแนวต้าน แต่การอ่อนตัวลงมาที่แนวรับของทองคำโลกประเมินว่า จะมีแรงซื้อกลับเข้ามา
แนวรับ: 23,700/23,400 แนวต้าน: 24,200/24,350
คำแนะนำการลงทุน กลยุทธ์ปกติ ปิด Long ช่วงปรับตัวขึ้น แล้วค่อยเปิดฐานะ Long ช่วงปรับตัวลง
สำหรับ แนวโน้มราคา SET50 ล่วงหน้า มองว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกค่อนข้างตอบสนองเชิงบวกกับผลการประชุม EU Summit ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นกว่า 4% ในขณะที่ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 2% หลังจากมีความคืบหน้าเรื่องเงินกองทุน 1.2 แสนล้านบาทที่จะมีการเพิ่มทุนให้แก่ธนาคารที่มีปัญหาในสเปน และอิตาลีตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป รวมไปถึงการซื้อพันธบัตรของประเทศที่มีปัญหาในกลุ่มยูโรโซน ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรในยุโรปเมื่อคืนนี้ส่วนใหญ่ปรับตัวลง นอกจากนี้ ประเด็นเรื่องสิทธิของกองทุนที่ช่วยเหลือประเทศที่มีปัญหา เบื้องต้นที่เคยกำหนดว่า ทางกองทุนช่วยเหลือประเทศที่มีปัญหาในยุโรปจะได้รับเงินคืนก่อนผู้ถือพันธบัตรคนอื่นๆ นั้นได้
ล่าสุด ได้ถูกผ่อนคลายลง คือ ให้มีสิทธิเท่าเทียมกับประเทศอื่นๆ โดยรวมส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสเปนปรับตัวลงจากระดับ 7% มาอยู่ที่ระดับ 6.3% อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นในเอเชียรวมถึงตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกในประเด็นนี้ไปในระดับหนึ่งแล้ว ทำให้การปรับตัวขึ้นของเอเชียจะอยู่ในระดับต่ำกว่า หรือมีช่วงอ่อนตัวลงได้หลังจากรับรู้ข่าวไปแล้ว โดยประเด็นที่ตลาดสนใจต่อจากนี้จะอยู่ที่ผลการประชุม ECB ในวันพฤหัสบดี ที่ตลาดคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยลง 25-50 bps ทำให้ระยะสั้นหากมีการชะลอตัวลงในต้นสัปดาห์ แต่คาดว่า การปรับตัวลงจะจำกัดจากแรงซื้อที่มีเข้ามาก่อนที่จะรู้ผลการประชุม ECB ในวันที่ 5 ก.ค. นี้
ปัจจัยเงินทุนไหลเข้า-ออก: นักลงทุนขายต่างชาติซื้อสุทธิใน SET สูงถึง 5.6 พันล้านบาท แต่หากหัก Big lot CPALL ไปแล้วนักลงทุนต่างชาติน่าจะซื้อสุทธิเหลือ 1.15 พันล้านบาท ส่วนในตลาด TFEX ต่างชาติกลับมาขายสุทธิ 1,824 สัญญา
ความเห็นทิศทาง SET50 ฟิวเจอร์
ตลาดยังคงผันผวนสูงในวันศุกร์ที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นช่วงเช้าแรง ก่อนกลับมาปรับตัวลงในช่วงบ่าย ทิศทางระยะสั้นคาดว่าตลาดยังคงมีความผันผวนสูง โดยมีโอกาสชะลอตัวลงก่อน มีแนวรับหลักอยู่ที่ 808-805 จุด ที่จะทำให้ดีดกลับได้ในขณะที่แนวต้านที่จะจำกัดการปรับตัวขึ้นอยู่ที่ 817 จุด ส่วนสัญญาณ TTS ไม่มีสัญญาณใดๆ ในช่วงที่ความผันผวนสูง
กลยุทธ์ปกติ: วันนี้แนะนำให้ เปิด short สั้นช่วงปรับตัวขึ้น และปิดช่วงอ่อนตัวลง