xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ว่าการ ธปท. คาดส่งออกปีนี้โตไม่ถึง 7% พร้อมหั่น ดบ.นโยบายหาก ศก.โลกชะงัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้ว่าการ ธปท. ยอมรับมีความเสี่ยงส่งออกปีนี้อาจโตไม่ถึง 7% หลังเห็นสัญญาณในเดือน ก.ค.นี้ แนะรัฐต้องทำการบ้านให้หนัก หากจะให้ได้ตามเป้า ช่วงเวลาที่เหลืออีก 6 เดือน โดยมูลค่าต้องไม่น้อยกว่า 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน เผยความพร้อมหั่น ดบ.นโยบายได้ทันที หาก ศก.โลกชะงัก แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น ส่วนทิศทาง “ค่าเงินบาท” ผันผวนน้อยกว่าภูมิภาค และอยู่ในระดับที่ภาคธุรกิจเคยชิน แนะจับตาบอร์ดตั้งรองผู้ว่าฯ 2 ตำแหน่งพรุ่งนี้

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีความเสี่ยงที่ทำให้การส่งออกของไทยอาจเติบโตไม่ถึง 7% ตามที่คาดการณ์ไว้ เพราะหากจะให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ มูลค่าการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังจะต้องทำให้ได้เฉลี่ยเดือนละ 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แต่ในเดือน ก.ค.55 มูลค่าการส่งออกไม่ถึงระดับดังกล่าว เพราะทำได้เพียง 1.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปเริ่มส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยแล้ว เนื่องจากกำลังซื้อลดลงทำให้ยอดส่งออกลดลง 12% และน่าจะส่งผลกระทบต่อเนื่องอีกสักระยะ

ดังนั้น หากจะให้การส่งออกโตถึง 7% ในช่วง 5 เดือนที่เหลือจะต้องส่งออกให้ได้เฉลี่ยเดือนละ 2.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งต้องทำงานกันเหนื่อยหน่อย ส่วนอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของประเทศน่าจะอยู่ที่ระดับ 5.7%

“ส่งออกที่คาดว่าจะโต 7 เปอร์เซ็นต์ก็ยังมีความเสี่ยง และคงต้องทำงานหนัก เพราะในอดีตเราไม่เคยส่งออกได้ถึงเดือนละ 2.2 หมื่นล้านเหรียญ” นายประสารกล่าว

สำหรับการดูแลเศรษฐกิจในประเทศนั้น ธปท.พร้อมที่จะพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหากเศรษฐกิจอยู่ในภาวะชะงักงัน แต่ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นนั้น โดยปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (อาร์/พี) อยู่ที่ 3% ซึ่งสามารถรองรับความผันผวนจากเศรษฐกิจโลกได้ ขณะที่คาดการณ์เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวในอัตรา 2-3% มีเพียงเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปที่ขยายตัวติดลบ ส่วนสหรัฐฯ และเอเชียยังขยายตัว

ส่วนความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในขณะนี้ถือว่าผันผวนน้อยกว่าภูมิภาค และอยู่ในระดับ 31.10-31.20 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งภาคเอกชนคุ้นชินอยู่แล้ว ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนสูง โดยในช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ยังคงมีกระแสเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาในตลาดหุ้น และตลาดการเงิน

ขณะที่เงินทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับที่มีความมั่นคง หากมีเงินทุนไหลออกเป็นจำนวนมากก็มีปริมาณเงินสำรองมากพอ ขณะเดียวกัน หากมีเงินทุนไหลเข้ามามากก็สามารถบริหารจัดการให้เกิดความสมดุลได้ นอกจากนี้ ยังมีกฎระเบียบในการกำกับดูแลสถาบันการเงินให้เกิดความยืดหยุ่น ซึ่งสถาบันการเงินของไทยถือว่ามีความมั่นคงในเรื่องของฐานะเงินทุน สภาพคล่อง และการบริหารความเสี่ยง

ผู้ว่าการ ธปท. ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับมือที่จะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 58 ว่า ภาคการเงินจะมีการเปิดเสรีให้ธนาคารในอาเซียน ซึ่งช่วงปลายปีนี้คณะทำงานของธนาคารประเทศต่างๆ ในอาเซียนจะเสนอข้อกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ในการเข้าไปทำธุรกิจในประเทศอื่น เพื่อให้ผู้ว่าการธนาคารกลางของอาเซียนได้พิจารณาหารือกัน และหาข้อสรุปได้ราวปี 56-57 ซึ่งในส่วนของธนาคารพาณิชย์ของไทยก็มีความตื่นตัวที่จะเข้าไปทำธุรกิจในประเทศอื่นตามแนวทางที่ตนเองถนัด ทั้งการเข้าไปตั้งสาขา หรือการเข้าไปร่วมทุนกับธนาคารท้องถิ่น เช่นเดียวกันธนาคารพาณิชย์ในต่างประเทศที่เข้ามาทำธุรกิจในไทย

ส่วนการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ธปท.ในวันพรุ่งนี้ จะมีการหารือถึงการแต่งตั้งรองผู้ว่าการ ธปท. 2 คน แทนนางสุชาดา กิระกุล รองผู้ว่าการ ธปท.ด้านเสถียรภาพนโยบายการเงิน ที่จะเกษียณอายุในเดือน ก.ย.นี้ และนายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ รองผู้ว่าการ ธปท.ด้านบริหาร ที่ลาออกไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก


กำลังโหลดความคิดเห็น