ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ชาติพร้อมผ่อนคลายดอกเบี้ยนโยบายรับมือวิกฤตหนี้ยุโรป หากเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นเศรษฐกิจยุโรปชะงักหรือเศรษฐกิจโลกชะลอ พร้อมทั้งยังสามารถใช้เครื่องมือและปรับกฎเกณฑ์ให้ตึงขึ้นได้ เพื่อดูแลเงินทุนไหลเข้าออกและลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ แนะภาคธุรกิจใช้เงินท้องถิ่นค้าขายระหว่างกันมากขึ้น เพื่อลดความผันผวนค่าเงิน
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีคณะรัฐมนตรีได้ออก 10 มาตรการรับมือผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจยุโรป ซึ่งหนึ่งในนั้นต้องการให้ ธปท.ใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายดูแลเศรษฐกิจว่า แม้เวลานี้เหตุการณ์นอกประเทศจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ปัจจุบันเหตุการณ์ยังไม่รุนแรง จึงเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 3%ต่อปี ถือว่ายังอยู่ระดับเหมาะสม อย่างไรก็ตาม หากเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นที่เศรษฐกิจยุโรปชะงักงันหรือเศรษฐกิจโลกชะลอก็จะพิจารณาอัตราดอกเบี้ยใหม่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน ธปท.มีเครื่องมือที่หลากหลายในการดูแลภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งนอกเหนือจากดอกเบี้ยนโยบายแล้วยังคงมีส่วนประกอบอื่นๆ เช่น การดูแลสภาพคล่อง การเคลื่อนย้ายเงินทุน ประกอบกับธปท.มีกฎเกณฑ์ต่างๆ ไว้ดูแลเช่นกัน ซึ่งขณะนี้จะเห็นว่ามีทิศทางผ่อนคลายอยู่แล้ว แต่เมื่อใดที่เกิดเหตุการณ์จำเป็นหรือเงินทุนไหลออกจำนวนมากก็สามารถปรับกฎเกณฑ์ต่างๆ ให้ตึงได้ เพื่อไม่ให้กระทบค่าเงินและเศรษฐกิจไทย
ตัวอย่างกฎเกณฑ์ที่ผ่อนคลายในปัจจุบันที่สามารถทำให้เข้มงวดได้อย่างเรื่องการดูแลสภาพคล่อง ธปท.ก็อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์สามารถปล่อยกู้เงินบาทแก่ต่างชาติได้ 300 ล้านบาท แม้ไม่มีการค้าหรือการลงทุนในประเทศรองรับ (Underlying) หรือมาตรการที่สนับสนุนให้เงินไหลออก โดยอนุญาตให้ผู้ส่งออกที่มีรายได้เงินตราต่างประเทศไม่ต้องนำเงินกลับไทยทันที แต่ให้ถือไว้ได้ภายใน 1 ปี เป็นต้น
“ตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงปัจจุบันเงินทุนไหลเข้าสุทธิ แม้ช่วงหลังมีเงินไหลออกจากตลาดหุ้นออกไปนิดหน่อย ขณะที่ตลาดพันธบัตรยังคงมีเงินทุนไหลเข้าสุทธิอยู่ ฉะนั้น ขณะนี้ในประเทศไทยสถานการณ์การเคลื่อนย้ายเงินทุนยังไม่หวือหวา แต่ค่อนข้างมั่นคง”ผู้ว่าการธปท.กล่าวและว่าแม้เศรษฐกิจยุโรปจะมีปัญหา แต่ธปท.ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้ไว้ที่ระดับ 6% และเห็นว่าแรงกดดันเงินเฟ้อเริ่มผ่อนคลายลงในช่วงระยะหลัง เนื่องจากราคาน้ำมันแผ่วลงและภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง
สำหรับกรณีที่ ครม.ยังให้เตรียมมาตรการผ่อนปรนแก่ลูกหนี้กลายเป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) หากได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจยุโรปนั้น ผู้ว่าการธปท.กล่าวว่า ช่วงที่เกิดปัญหาน้ำท่วม ธปท.ได้ผ่อนกฎเกณฑ์บางส่วนให้ในช่วงเวลาสั้นๆ และเท่าที่สำรวจมา พบว่า ตอนนี้ยังไม่มีอาการอะไรที่แสดงออกมาถึงขึ้นนั้น ซึ่งหนี้สินเกี่ยวกับยุโรปก็ค่อนข้างปกติดีอย่างไรก็ตาม ในการทำงานของธปท.ก็มีวางแผนภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ไว้เช่นกัน เพื่อดูแลไม่ให้ภาคธุรกิจได้รับผลกระทบ
**ใช้เงินท้องถิ่นช่วยลดความผันผวนค่าเงิน**
ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวในงานสัมมนาของนิตยสารยูโรมันนี่ จัดขึ้นในประเทศไทยในหัวข้อ “ระบบการเงินในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง” ว่า ขณะนี้ในเขตการค้าชายแดนในกลุ่มแม่น้ำโขงมีแนวคิดจะค้าขายกันด้วยสกุลเงินท้องถิ่นมากขึ้น โดยไม่ต้องอาศัยสกุลเงินที่ 3 ซึ่งส่วนหนึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะในยามที่ตลาดการเงินมีความผันผวนและปัจจุบันธุรกรรมในลักษณะนี้มีเฉพาะตามแถบชายแดน แต่ธุรกรรมระหว่างประเทศยังมีไม่มากนัก อย่างไรก็ตามมองว่าสิ่งนี้ขึ้นอยู่กับภาคธุรกิจเป็นสำคัญ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และตัวบทบาทธนาคารกลางจะเป็นตัวเสริมความเชื่อมั่นได้.
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีคณะรัฐมนตรีได้ออก 10 มาตรการรับมือผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจยุโรป ซึ่งหนึ่งในนั้นต้องการให้ ธปท.ใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายดูแลเศรษฐกิจว่า แม้เวลานี้เหตุการณ์นอกประเทศจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ปัจจุบันเหตุการณ์ยังไม่รุนแรง จึงเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 3%ต่อปี ถือว่ายังอยู่ระดับเหมาะสม อย่างไรก็ตาม หากเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นที่เศรษฐกิจยุโรปชะงักงันหรือเศรษฐกิจโลกชะลอก็จะพิจารณาอัตราดอกเบี้ยใหม่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน ธปท.มีเครื่องมือที่หลากหลายในการดูแลภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งนอกเหนือจากดอกเบี้ยนโยบายแล้วยังคงมีส่วนประกอบอื่นๆ เช่น การดูแลสภาพคล่อง การเคลื่อนย้ายเงินทุน ประกอบกับธปท.มีกฎเกณฑ์ต่างๆ ไว้ดูแลเช่นกัน ซึ่งขณะนี้จะเห็นว่ามีทิศทางผ่อนคลายอยู่แล้ว แต่เมื่อใดที่เกิดเหตุการณ์จำเป็นหรือเงินทุนไหลออกจำนวนมากก็สามารถปรับกฎเกณฑ์ต่างๆ ให้ตึงได้ เพื่อไม่ให้กระทบค่าเงินและเศรษฐกิจไทย
ตัวอย่างกฎเกณฑ์ที่ผ่อนคลายในปัจจุบันที่สามารถทำให้เข้มงวดได้อย่างเรื่องการดูแลสภาพคล่อง ธปท.ก็อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์สามารถปล่อยกู้เงินบาทแก่ต่างชาติได้ 300 ล้านบาท แม้ไม่มีการค้าหรือการลงทุนในประเทศรองรับ (Underlying) หรือมาตรการที่สนับสนุนให้เงินไหลออก โดยอนุญาตให้ผู้ส่งออกที่มีรายได้เงินตราต่างประเทศไม่ต้องนำเงินกลับไทยทันที แต่ให้ถือไว้ได้ภายใน 1 ปี เป็นต้น
“ตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงปัจจุบันเงินทุนไหลเข้าสุทธิ แม้ช่วงหลังมีเงินไหลออกจากตลาดหุ้นออกไปนิดหน่อย ขณะที่ตลาดพันธบัตรยังคงมีเงินทุนไหลเข้าสุทธิอยู่ ฉะนั้น ขณะนี้ในประเทศไทยสถานการณ์การเคลื่อนย้ายเงินทุนยังไม่หวือหวา แต่ค่อนข้างมั่นคง”ผู้ว่าการธปท.กล่าวและว่าแม้เศรษฐกิจยุโรปจะมีปัญหา แต่ธปท.ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้ไว้ที่ระดับ 6% และเห็นว่าแรงกดดันเงินเฟ้อเริ่มผ่อนคลายลงในช่วงระยะหลัง เนื่องจากราคาน้ำมันแผ่วลงและภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง
สำหรับกรณีที่ ครม.ยังให้เตรียมมาตรการผ่อนปรนแก่ลูกหนี้กลายเป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) หากได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจยุโรปนั้น ผู้ว่าการธปท.กล่าวว่า ช่วงที่เกิดปัญหาน้ำท่วม ธปท.ได้ผ่อนกฎเกณฑ์บางส่วนให้ในช่วงเวลาสั้นๆ และเท่าที่สำรวจมา พบว่า ตอนนี้ยังไม่มีอาการอะไรที่แสดงออกมาถึงขึ้นนั้น ซึ่งหนี้สินเกี่ยวกับยุโรปก็ค่อนข้างปกติดีอย่างไรก็ตาม ในการทำงานของธปท.ก็มีวางแผนภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ไว้เช่นกัน เพื่อดูแลไม่ให้ภาคธุรกิจได้รับผลกระทบ
**ใช้เงินท้องถิ่นช่วยลดความผันผวนค่าเงิน**
ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวในงานสัมมนาของนิตยสารยูโรมันนี่ จัดขึ้นในประเทศไทยในหัวข้อ “ระบบการเงินในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง” ว่า ขณะนี้ในเขตการค้าชายแดนในกลุ่มแม่น้ำโขงมีแนวคิดจะค้าขายกันด้วยสกุลเงินท้องถิ่นมากขึ้น โดยไม่ต้องอาศัยสกุลเงินที่ 3 ซึ่งส่วนหนึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะในยามที่ตลาดการเงินมีความผันผวนและปัจจุบันธุรกรรมในลักษณะนี้มีเฉพาะตามแถบชายแดน แต่ธุรกรรมระหว่างประเทศยังมีไม่มากนัก อย่างไรก็ตามมองว่าสิ่งนี้ขึ้นอยู่กับภาคธุรกิจเป็นสำคัญ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และตัวบทบาทธนาคารกลางจะเป็นตัวเสริมความเชื่อมั่นได้.
