xs
xsm
sm
md
lg

ไม่ไว้ใจ “DSI” บางคน “เทือก”หวั่นพลิกคดีผู้ก่อการร้าย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้(28 ส.ค.55)เวลา 14.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ในฐานะอดีตรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และผอ.ศอฉ. กล่าวถึงการเข้าให้ถ้อยคำกับพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะพยาน เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ดีเอสไอ เชิญตนเข้าให้ปากคำในฐานะพยานตั้งแต่เวลา 13.00 น. ถึง 02.00 น. ของวันที่ 28 ส.ค. รวมเวลา 12 ชั่วโมงเต็ม โดยมีพ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดี ดีเอสไอ เป็นหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวน ร่วมกับอัยการคดีพิเศษ โดยรู้สึกว่า มีความตั้งใจที่จะสอบในทุกประเด็นในเหตุการณ์เผาเมืองเมื่อปี 2553 ที่พยายามสอบถามวกไปวนมา สลับเหตุการณ์ย้อนไปกลับมา และบางประเด็น พนักงานสอบสวนมีธงอยู่แล้ว จากลักษณะการตั้งคำถาม
“เค้าตั้งคำถามแปลกๆว่า มีชายชุดดำ แต่ทำไมจับไม่ได้สักคน และคนที่ตายก็ไม่มีใครใส่ชุดดำ ผมจึงหัวเราะและถามทกลับว่า ถามเหมือนคนเสื้อแดงขยันมาให้ถามเลย เพราะผมเคยได้ยินคำพูดแบบนี้จากนายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำคนเสื้อแดงที่มีการอภิปรายมาก่อน ผมบอกกับพนักงานสอบสวนว่า อย่ามาปฏิเสธว่าไม่มีคนชุดดำติดอาวุธ เพราะสำนวนของดีเอสไอเองก็ระบุว่า จับได้ 8-9 คน โดยดีเอสไอตั้งข้อหา ในคดีก่อการร้ายร่วมกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีสำนวนแต่ทำไมพนักงานสอบสวนปฏิเสธว่าไม่มี ส่วนพวกที่หลบหนีก็ดีเอสไอเองที่ไปขอหมายศาลเพื่อออกหมายจับ” นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า พนักงานสอบสวนยังตั้งคำถามในลักษณะที่โยงถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯในขณะนั้นว่า ประกาศใช้ พ.ร.ก.สถานการ์ณฉุกเฉิน โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ได้ชี้แจงว่า นายกฯสามารถใช้มาตรา 5 คือ เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น ไม่สามารถใช้กฎหมายธรรมดาได้ ก็สามารถใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเข้ามาควบคุมสถานการณ์ได้ ซึ่งพนักงานสอบสวน ต้องยอมรับว่า มีการบิดเบือนข้อเท็จจริง ให้ร้ายต่อรัฐบาลและสถาบันฯ เห็นว่าพนักงานสอบสวนตั้งธงไว้ วาการประกาศใช้พรก.ฉุกเฉินของนายกฯไม่ชอบด้วยกฏหมาย และพยายามให้ตนตอบว่านายกฯเข้ามาสั่งการในปฏิบัติการของศอฉ.หรือไม่ ซึ่งตนยืนยันว่ามีการมอบหมายในชิงนโยบาย โดยมีคนดูแลและสั่งการลงนามทั้งหมด
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า การสั่งการทุกอย่าง ตนรับผิดชอบในการสั่งการเพราะมีการหารือกับกรรมการศอฉ.ทั้งหมด แต่เหมือนกับพนักงานสอบสวนจงใจที่จะดึงให้นายอภิสิทธิ์ เข้ามาร่วมรับผิดชอบในการสั่งการของ ศอฉ. ทั้งนี้ได้ชี้แจงว่าเหตุผลที่ต้องให้ทหารใช้อาวุธได้ เพราะหลังคืนวันที่ 10 เม.ย. มีกองกำลังชุดดำติดอาวุธสงครามโจมตียิงทหาร ประชาชนจนเสียชีวิต โดยแฝงตัวในกลุ่มผู้ชุมนุม แม้กระทั่งการให้ใช้อาวุธ ศอฉ.ก็ให้ใช้อาวุธที่ไม่รุนแรง ไม่ใช้เอ็ม 16 แต่ให้ใช้ลูกซองแทน โดยมีฝึกการใช้ปืนลูกซองและกระสุนยางด้วย โดยให้ยิงในต่ำกว่าหัวเข่าเพื่อให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด
“พนักงานสอบสวน เอาภาพคนใส่ชุดทหารแต่คลุมหัวไอ้โม่ง ติดอาวุธมาอ้างว่าเป็นทหาร ผมยืนยันไปว่าไม่ใช่เพราะทหารที่ปฏิบัติงานทุกคนใส่เครื่องแบบ มีสัญลักษณ์ติดปลอกแขนชัดเจน ถือว่าเขาซักหนัก อุตลุตไปหมด จะทำให้จากพยานต้องกลายเป็นจำเลยให้ได้ ซึ่งคนที่ซักถามมากที่สุดคือ พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดี ดีเอสไอ พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง และรองอธิบดีอัยการคดีพิเศษ ” นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ตนได้แจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ก็เป็นกรรมการศอฉ. และนำข้อความในบันทึก ของตนเกี่ยวกับความเห็นของนายธาริต ที่เคยเสนอต่อที่ประชุมในขณะที่เป็น ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ ( ศอ.รส .) ว่า หากสถานการณ์รุนแรงควรเตรียมประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉิน หรืออัยการสูงสุดเองก็เคยเสนอความเห็นว่า ในกรณีที่มีการใช้อาวุธกระทำต่อเจ้าหน้าที่รัฐหรือประชาชน เจ้าหน้าที่บ้านเมืองสามารถใช้อาวุธได้ และนำข้อบัญญัติของสหประชาชาติมาแสดงยืนยันในที่ประชุมด้วย ทั้งนี้ ตนได้ถามพ.ต.อ.ประเวศน์ ว่าที่สอบปากคำไปทั้งหมดจะนำไปทำอะไร เขาตอบว่า เพื่อรวบรวมเรื่องที่เกี่ยวกับการเสียชีวิตทั้งหมด ทำให้ตนคิดว่า มีความพยายามที่จะทำคดีขึ้นมาใหม่ แต่คดีก่อการ้ายหากจะมีการเปลี่ยนสำนวนคงไม่ได้ เพราะมีการสั่งฟ้องศาลไปบ้างแล้ว แต่อาจมีการทำอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้พยานเปลี่ยนคำให้การที่เคยให้ไว้
“พูดตรงๆ ผมเคารพกระบวนการยุติธรรม แต่ตัวบุคคล ในกรมดีเอสไอบางคน ผมชักไม่ค่อยไว้ใจ กลัวว่าจะเข้ามาทำคดีให้ยุ่งเหยิงคือ ทำให้พยานที่เคยให้การไว้เปลี่ยนคำให้การได้ แต่อย่าเพิ่งรีบสรุปต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งผมก็เป็นกังวลใจ เพราะถ้าคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบกระบวนการยุติธรรม ทำผิดเสียเอง เราก็ต้องดำเนินคดี ส่วนการติดตามผุ้ต้องหกาที่หลบหนีคดีก่อการร้ายเช่น พ.ตงท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ยังไม่มีความคืบหน้าหรือการดำเนินคดีกับแกนนำที่เป็นส.ส.ก็ยังไม่ได้ดำเนินการแต่อย่างใด ทำให้ไม่ราบรื่นในการพิจารณา” นายสุเทพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลัวว่าจะมีการพลิกคดีเปลี่ยนสถานะจากผู้ก่อการร้ายมาเป็นผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย นายสุเทพ กล่าวว่า ตนก็เป็นห่วง เพราะพรรคเพื่อไทย นปช.และกองกำลังติดอาวุธชุดดำล้วนเป็นพวกเดียวกัน มีพฤติกรรมเชื่อมโยงกัน เมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล คนที่เคยเป็นจำเลยในคดีก่อการร้ายก็เปลี่ยนสถานะเป็นส.ส.หรือรัฐมนตรี ทำให้กังวลใจและยอมรับว่า ไม่มั่นใจว่าจะผ่านเหตุการณ์เหล่านี้ไปได้อย่างไร แต่ตนพร้อมที่จะสู้ทุกอย่าง

**ปชป.เตือนความจำ “เหวง”โชว์รูปชุดดำ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิป้ตย์ แถลงข่าวถึงกรณีที่นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. ได้ทำหนังสือถึงผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ เพื่อขอเทปภาพเหตุการณ์สลายการชุมนุม มาพิสูจน์ว่ามีชายชุดดำจริงหรือไม่ โดยนายชวนนท์ได้นำคลิปวีดีโอที่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำนปช. ที่ประกาศบนเวทีว่า จะมีกองกำลังไม่ทราบฝ่าย พร้อมเป็นปฏิปักษ์กับกองทัพมาช่วยผู้ชุมนุม รวมทั้งภาพชายชุดดำติดอาวุธในเหตุการณ์สี่แยกคอกวัววันที่ 10 เม.ย. 2553 มาแสดงต่อสื่อมวลชน เพื่อยืนยันถึงการมีอยู่จริงของชายชุดดำในช่วงเหตุการณ์เผาเมือง และนำภาพชายชุดดำที่ถูกจับกุมดำเนินคดีไปแล้วมาเผยแพร่ด้วย นอกจากนี้ยังนำรายงานการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ระบุชื่อชายชุดดำเป็นผู้ต้องหา ทั้งนายชยุต ไหลเจริญ และนายยางยุทธ ท้วมมี เป็นต้น
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นว่า นพ.เหวงน่าจะทราบเรื่องเหล่านี้ เพราะในรายชื่อของผู้ก่อการร้าย 26 คน มีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยุ่อันดับ 1 และนพ.เหวงอยู่อันดับที่ 5 จะบอกว่าไม่รู้เห็นเรื่องชายชุดดำได้อย่างไร ทั้งนี้ตนจะส่งภาพที่มีชายชุดดำยืนอยู่เบื้องหลังนพ.เหวง ซึ่งถูกจับกุมตัวได้ เพื่อกระตุ้นความทรงจำว่าชายชุดดำที่ก่อให้เกิดความรุนแรง ทำให้เกิดการเสียชีวิต บาดเจ็บ บางคนอยู่ภายใต้คำสั่งของนพ.เหวงและนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และแกนนำนปช. จึงอยากให้เตือนความจำตัวเองด้วยว่าการชุมนุมดังกล่าวมีการใช้อาวุธโจมตีทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหาร เพราะเป็นคนก่อมากับมือทั้งสิ้น
นายชวนนท์ ยังกล่าวตอบโต้นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ที่ออกมากล่าววิพากษ์วิจารณ์ซ้ำเติมกับกรณีที่นายภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรค เข้าให้ปากคำต่อดีเอสไอ รวมถึงคดีของมารดานายศิริโชค โสภา ว่า เป็นพฤติกรรม ซ้ำเติมคนเมื่อล้ม เหยียบย่ำคนเมื่อพลาด พูดจาทับถมดูหมิ่นศักดิ์ศรีของบุคคลอื่น จึงขอฝากไปยังพรรคเพื่อไทยว่า ทุกคนในพรรคประชาธิปัตย์ต่อสู้คดีตามกฎหมาย ไม่คิดหนีคดีไปต่างประเทศ หรือโจมตีศาลด้วยถ้อยคำหยาบคาย คุกคามศาล
"ขอบอกนายพร้อมพงศ์ว่า พวกผมไม่เคยต้องไปยืนอัดเทปขอโทษศาลจากพฤติกรรมปากกล้าขาสั่น แต่คนของพรรคประชาธิปัตย์ทุกคน พร้อมต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมทุกขั้นตอน ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยไม่เคยทำได้ เพราะเบอร์ 1 ยังหนีคดีร่อนเร่อยู่ในต่างประเทศสั่งการทำร้ายประเทศไทย แกนนำในประเทศคุกคามศาลทุกรูปแบบ พวกปลายแถวอย่างนายพร้อมพงศ์ ทำได้แค่หางจุกตูดขอโทษศาล จึงขอว่าอย่ามายุ่งเกี่ยวและปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้า และทางที่ดีคือ ให้เรียกตัวหัวหน้าใหญ่คือ พ.ต.ท.ทักษิณ มาพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามอย่างที่นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพทำ จะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับประเทศมากกว่า"นายชวนนท์ระบุ

**ดีเอสไอแฮปปี้ข้อมูลมาร์ค-เทือก
พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบปากคำนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. ในคดีสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 ว่า ได้ข้อมูลครบถ้วน ไม่มีประเด็นต้องซักถามเพิ่มเติม โดยพนักงานสอบสวนตั้งประเด็นคำถามไว้กว่า 40 คำถาม นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพตอบครบทุกประเด็น พร้อมทั้งยอมรับว่า ได้นำภาพถ่ายที่ถูกเผยแพร่ในเว็บไซด์ยูทิวบ์ให้นายสุเทพดูจริง โดยนายสุเทพปฏิเสธว่า หลังเหตุการณ์ผ่านไปกว่า 3 ปี ยังไม่เคยเห็นภาพดังกล่าวอีกเลย
พ.ต.อ.ประเวศน์ ยังกล่าวอีกว่า หลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะเรียกสอบปากคำบุคคลอื่นๆ ตามที่นายสุเทพได้ให้การระบุว่า เป็นคณะกรรมการ ศอฉ. และเกี่ยวข้องกับการลงมติในที่ประชุม ศอฉ. เข้าให้การ

**"แม่น้องเกด"ยื่นหนังสือจี้"นายกฯ"
ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 12.00 น. นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาน.ส.กมลเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตในวัดปทุมฯ พร้อมด้วย นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภาฯ 35 เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผ่านตัวแทนนายสุชาติ ลายน้ำเงิน รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี
โดยนายอดุลย์ กล่าวว่า เราต้องการติดตามการทำงานของรัฐบาลในการตรวจสอบข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน ในเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อวันที่ 10 เม.ย.- 19 พ.ค. 53 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ยื่นหนังสือผ่านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปแล้ว เพื่อให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ เพราะเกรงว่าการตรวจสอบอาจถูกองค์กรที่เกี่ยวข้องเข้ามาแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ ประชาชนจึงมีสิทธิที่จะได้รับทราบข้อเท็จจริงจากรัฐบาล โดยเฉพาะกรณีชายชุดดำและกรณีผู้เสียชีวิต 6 ศพภายในวัดปทุมวนาราม

**“เต้น”อ้างห้ามแดงป่วน “มาร์ค” ไม่ได้
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ และแกนนำคนเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี รับอาสาจะไปคุยกับแกนนำเสื้อแดงเพื่อไม่ให้ไปก่อความวุ่นวายในการทำกิจกรรมทางการเมืองของนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ตนมั่นใจว่าคนเสื้อแดงมีวิจารณญาณในการแสดงออก และรับผิดชอบต่อการเคลื่อนไหวทางการเมือง เสื้อแดงแต่ละกลุ่มมีอิสระในการเคลื่อนไหว จะดูขอบเขตและรูปแบบการเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง ไม่มีแกนนำส่วนใดจะไปสั่งการหรือบังคับบัญชาได้ แต่เมื่อ ร.ต.อ.เฉลิมแสดงความห่วงใยก็เชื่อว่าคนเสื้อแดงคงจะรับทราบ และจะไปพิจารณารูปแบบการเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อไป
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า เท่าที่ตนเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังทำกิจกรรมเท่าที่อยากทำได้ตลอดเวลา เพียงแต่มีบางเหตุการณ์ที่นายอภิสิทธิเข้าไปในพื้นที่จัดงานไม่ได้เท่านั้น ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นทุกที่หรือบ่อยครั้งนัก แต่เมือหลายฝ่ายแสดงความห่วงใย ตนก็เชื่อว่าคนเสื้อแดงคงจะรับฟัง และใช้วิจารณญาณในการเคลื่อนไหว
“ต้องยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างที่คุณอภิสิทธิ์เป็นผู้บริหารประเทศกับชะตากรรมของคนเสื้อแดง มันเป็นเรื่องที่ติดค้างในความรู้สึก บางคนก็ต้องการที่จะแสดงออกว่าคุณอภิสิทธิ์ควรจะรับผิดชอบอย่างไร อย่างไรก็ตามผมก็พยายามจะสื่อสารอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วว่าต้องดูให้รอบคอบ ซึ่งหลังจากนี้ก็เชื่อว่าการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงยังมีอยู่ เพียงแต่คงจะพิจารณารูปแบบให้รอบคอบมากขึ้น แต่เท่าที่ผ่านมาก็ไม่มีการจะไปทำร้าย หรือไปคุกคามต่อชีวิตและทรัพย์สินหรือสวัสดิภาพของคุณอภิสิทธิ์แต่อย่างใด แต่ด้วยจำนวนคนที่มาก สถานที่ และสถานการณ์เฉพาะ จึงทำให้คุณอภิสิทธิ์ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้” นายณัฐวุฒิ กล่าว
แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวต่อว่า ตนคงจะไม่ไปพูดคุยเพื่อขอให้คนเสื้อแดงหยุดเคลื่อนไหว เพราะตนเป็นแกนนำ แต่ไม่ได้เป็นผู้บังคับบัญชาของคนเสื้อแดง ที่ผ่านมาคนเสื้อแดงเข้ามาด้วยจิตวิญญาณอุดมการณ์ประชาธิปไตย ดูแลการเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามหลังจากที่หลายฝ่ายห่วงใยก็เชื่อว่าคนเสื้อแดงจะรับฟัง เพราะไม่ได้ต้องการให้เกิดเหตุวุ่นวายใด ๆ ในบ้านเมือง เพียงแต่อยากส่งสัญญาณถึงนายอภิสิทธิ์เท่านั้น และก็ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายรัฐบาลทางอ้อม รวมทั้งไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย หากมีอะไรกับข้อกฎหมาย คนเสื้อแดงก็รับผิดชอบได้ด้วยตัวเอง พรรคเพื่อไทยไม่ต้องไปรับผิดชอบ เพราะเป็นคนละส่วนกัน.

**“เฉลิม” รับปาก พร้อมจัดตร.ดูแลปชป.
ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิมอยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คนเสื้อแดงขัดขวางการทำกิจกรรมของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า ได้เจรจากับนายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ให้ไปเจรจาแกนนำในพื้นที่ว่าอย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะตนเองดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็มีความหนักใจและไม่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย ส่วนการดำเนินคดีกรณีสลายการชุมนุมก็คืบหน้าไปมากแล้ว อย่างไรก็ตามตนยังไม่กล้ามั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เชื่อว่านายจตุพร พรมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายขวัญชัย รับปากแล้วก็เชื่อว่าจะดีขึ้น หากทางพรรคประชาธิปัตย์จะจัดกิจกรรมอีกให้แจ้งมาที่ตน และจะเน้นให้ตำรวจลงพื้นที่ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก คนเสื้อแดงสามารถแสดงออกได้แต่อย่าให้กระทบสิทธิ แต่หากเกิดเหตุการณ์ขึ้นอีกแล้วมีผู้มาร้องทุกข์ ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามปัญหาแดงเทียมที่จะมาสร้างสถานการณ์ ก็เป็นปัญหาที่น่าเป็นห่วง แต่เชื่อว่าสถานการณ์ต่อไปน่าจะดีขึ้น

**พท.ยันไล่"มาร์ค"ไร้ใบสั่ง จี้ดูตัวเอง
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ถูกคนเสื้อแดงต่อต้านการไปพบสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่จ.สมุทรปราการ โดยนายอภิสิทธิ์เตรียมที่จะเดินทางไปพบพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผบ.ตร. รวมทั้งกกต. เพื่อหารือมาตรการดูแลความปลอดภัยนักการเมืองว่า ส่วนตัวรู้สึกเห็นใจนายอภิสิทธิ์ที่เจอเหตุการณ์แบบนั้น และไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่นายอภิสิทธิ์ต้องเข้าใจว่ากลุ่มคนเสื้อแดงเขาออกมาต่อต้านด้วยตัวของเขาเอง ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล หรือพรรคเพื่อไทย เรื่องบางอย่างก็อยู่เหนือการควบคุมของนักการเมือง นายอภิสิทธิ์ควรไปสำรวจพฤติกรรมตัวเองว่าที่ผ่านมาไปยั่วยุ กระแนะกระแหน หรือก่อคดีอะไรไว้บ้าง อย่ามัวแต่โทษคนอื่น แล้วออกมาโวยวายแบบนี้ เมื่อครั้งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯโดนลักษณะเดียวกันที่ประเทศสหรัฐอเมริกาก็ไม่เห็นออกมาร้องแรกแหกกระเชออะไร การจะไปร้องกกต. หรือตำรวจ เป็นเพียงการแก้ปัญหาปลายเหตุเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากวันหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะเดินทางไปจ.สมุทรปราการ ตนยินดีที่จะไปเจรจา ช่วยห้ามปรามคนเสื้อแดง
กำลังโหลดความคิดเห็น