วานนี้ (27 ส.ค.55) เวลา 09.45 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอเพื่อเข้าให้ปากคำในคดีการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน จำนวน 91 ศพ จากเหตุชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 โดยนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ได้มารอต้อนรับและทักทายพูดคุยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม โดยนายอภิสิทธิ์ ได้สอบถามนายธาริตว่าสบายดีไหม ขณะที่นายธาริตตอบครับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นนายธาริตได้พานายอภิสิทธิ์ขึ้นไปส่งที่ห้องสอบสวน ชั้น 7 ซึ่งเป็นสถานที่ที่จัดเตรียมไว้สำหรับสอบปากคำนายอภิสิทธิ์ ขณะเดียวกันได้มีหญิงวัยกลางคนสวมเสื้อสีเหลืองนำดอกกุหลาบมามอบเป็นกำลังใจให้นายอภิสิทธิ์ ทางด้านนายวรัญชัย โชคชนะ ได้เตรียมป้ายกระดาษมาประท้วงนายอภิสิทธิ์แต่ประท้วงไม่ทันเพราะนายอภิสิทธิ์เดินทางถึงก่อนเวลานัดหมาย
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าให้ปากคำพร้อมทนายความ เพียงสั้น ๆ ว่า ได้เตรียมเอกสารลำดับเหตุการณ์เพื่อเข้าชี้แจงกับพนักงานสอบสวนซึ่งในชั้นนี้ไม่มีสิ่งใดน่าหนักใจเพราะคดีเป็นส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับคดีก่อการร้าย ตนจึงเตรียมคำให้การเพื่อชี้แจงและอธิบายเหตุจนนำไปสู่การสั่งสลายการชุมนุม ส่วนจะต้องนำเอกสารใดยื่นประกอบคำให้การบ้างนั้นคงต้องขอฟังทางพนักงานสอบสวนว่ามีประเด็นใดต้องการซักถามบ้าง อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ตนเคยเข้าให้ข้อมูลกับกรรมการสิทธิ์(กสม.) และคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.) ไปแล้ว
**หอบ 200 หน้า ตอกหน้าธาริต
เวลา 13.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง อดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)ได้เดินทางมาให้การกับพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ในคดีโดยมีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ มาให้การต้อนรับถึงหน้าประตูรถยนต์ ทั้งนี้เมื่อนายสุเทพก้าวลงจากรถยนต์ได้เป็นฝ่ายกล่าวสวัสดีทักทายนายธาริต จากนั้นได้นำนายสุเทพขึ้นไปส่งที่ห้องสอบสวนชั้น 7 เพื่อรอการสอบปากคำต่อจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายสุเทพ กล่าวให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนว่า ตนได้ทำบันทึกการให้ถ้อยคำเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเม.ย.- พ.ค. 53 เพื่อยื่นให้พนักงานสอบสวนตามที่พนักงานสอบสวนได้แจ้ง โดยเอกสารเป็นการรวบรวมคำสั่งทุกฉบับที่มีการส่งการจนไปถึงการคลี่คลายสถานการณ์ เชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์และเป็นข้อมูลต่อการสอบสวนของดีเอสไอ โดยเอกสารที่เตรียมมาไม่มีอะไรใหม่ แต่เหตุการณ์ผ่านมานานกว่า 2 ปีแล้ว คนอาจจะลืมเลือนหรือมองข้ามข้อเท็จจริงบางประการ จึงได้รวบรวมเอกสารประมาณ 200 หน้ากระดาษ พร้อมภาพถ่ายชายชุดดำมาประกอบการชี้แจง ส่วนจะสามารถหักล้างข้อกล่าวหาได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับดีเอสไอว่าจะทำอย่างไรต่อไป ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ตนมีหน้าที่ทำความจริงให้ปรากฎทั้งต่อสาธารณชนและพนักงานสอบสวน
ผู้สื่อข่าวถามว่ายังมั่นใจการทำงานของดีเอสไอหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ขอไม่ตอบ ความจริงเป็นอย่างไรก็จะชี้แจงไปอย่างนั้น ส่วนกรณีที่นายธาริต อ้างว่าไม่เคยเข้าร่วมการประชุมกับฝ่ายยุทธการจึงไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการวางแผนนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นความจริงบางส่วน แต่ในการประชุมหลายครั้งอธิบดีดีเอสไออยู่ร่วมกับตนตลอด และเคยแสดงความเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการแก้สถาการณ์ ซึ่งตนโชคดีและได้เปรียบนิดหน่อยตรงที่เวลานั่งประชุมจะมีสมุดจดบันทึกส่วนตัวว่าใครเสนอความเห็นอย่างไร และมีข้อโต้แย้งอย่างไร ดังนั้นการทำบันทึกการให้การครั้งนี้จึงทำได้ง่าย เพราะเป็นการเรียบเรียงจากสมุดบันทึกส่วนตัว
"โดยส่วนตัวผมกับอธิบดีดีเอสไอชอบพอกันดี แต่เรื่องงานก็ว่ากันไปตามหน้าที่" นายสุเทพ กล่าว
**“ธาริต”ปัดไม่พลิกแพลงคดี
ด้านนายธาริต กล่าวว่า การสอบสวนวันนี้จะมีประเด็นใดบ้างเป็นหน้าที่พนักงานสอบสวน ตนไม่มีเกี่ยวข้อง โดยคดีดังกล่าวจะมีพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ตำรวจ และพนักงานอัยการร่วมสอบปากคำ โดยในส่วนดีเอสไอ มี พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้รับผิดชอบคดี ซึ่งการเรียกนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เข้าให้ปากคำเชื่อว่าจะทำให้ข้อมูลมีความรอบด้านมากขึ้น อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ได้สอบถามถึงระยะเวลาในการสอบสวนคดี ซึ่งตนได้ชี้แจงว่าอาจต้องใช้เวลา ยังตอบไม่ได้จะเสร็จเมื่อไร แต่การเรียกเข้าสอบครั้งนี้เป็นการเรียกสอบในฐานะพยาน ไม่มีสิ่งใดน่ากังวล โดยตนได้ชี้แจงถึงคณะทำงานที่เกี่ยวข้องในคดีให้ทราบด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเรียกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ด้วยหรือไม่นายธาริตกล่าวว่า ตนคงตอบไม่ได้ เพราะเป็นหน้าที่พนักงานสอบสวน
เมื่อถามว่าต่อว่า อธิบดีดีเอสไอจะต้องเข้าให้ปากคำในฐานะเคยเป็นกรรมการ ศอฉ. หรือไม่ นายธาริต กล่าวว่า คงไม่ เพราะตนเป็นข้าราชการพลเรือนที่เข้าไปทำหน้าที่ในศอฉ. แต่ไม่เคยร่วมประชุมกับฝ่ายยุทธการ ในประเด็นนี้ตนคงไม่ขอชี้แจงอีกแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าสังคมมองว่าอธิบดีดีเอสไอพยายามพลิกแพลงคดี นายธาริต กล่าวว่า ตนจะพลิกแพลงได้อย่างไร ตนไม่ใช่พนักงานสอบสวนทุกอย่างต้องว่าตามกระบวนการ
**มาร์คให้การ 7 ชม.กลับทันที
ต่อมาเวลา 18 .00 น.นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์เพียงสั้น ๆ หลังเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอคดีการเสียชีวิต 91 ศพนานกว่า 7 ชั่วโมงว่า ตนได้ชี้แจงข้อมูลตามข้อเท็จจริง เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าจะต้องเข้าให้ข้อมูลอีกหรือไม่ เพราะไม่ทราบว่าพนักงานสอบสวนยังติดใจประเด็นใดอีกโดยตนจะกลับไปดูเอกสารว่าจำเป็นต้องส่งข้อมูลใดเข้าให้การเพิ่มเติมหรือไม่ ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการสอบปากคำนายอภิสิทธิ์รีบร้อนออกจากดีเอสไอทันทีโดยระบุว่ามีภารกิจต่อ อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ได้ให้ปากคำเสร็จสิ้นตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. แล้วแต่เนื่องจากพนักงานสอบสวนได้ให้นายอภิสิทธิ์ตรวจทานการให้ถ้อยคำ ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการอ่านเอกสารนาน
**เหลิมอ้างไม่ก้าวก่ายดีเอสไอ
ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ตนไม่อยากแสดงความเห็น เดี๋ยวจะหาว่าตนไปก้าวก่าย ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็เป็นไปตามนั้น และนี่แหล่ะที่คนเสื้อแดงควรพอใจ ว่ากระบวนการมีความคืบหน้า ให้กระบวนการยุติธรรมเป็นตัวพิสูจน์ ตนไม่ก้าวก่ายเพราะไม่อยากติดคุกตอนแก่
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ท่านเคยพูดว่าหากผู้สั่งการสั่งเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ผู้สั่งการก็ต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนก็ยังมีความเห็นเหมือนเดิมอยู่ และหากท้ายที่สุดแล้วไม่เป็นไปตามนั้นก็ไม่ผิด ทั้งหมดจบที่ศาล และใครไปสั่งศาลไม่ได้ ตนจึงอยากฝากบอกไปถึงเสื้อแดงว่าให้ใจเย็น ๆ ถ้าไปทำอะไรในลักษณะที่ไม่น่ารักก็จะถูกตำหนิ
**เหวง ขอเทปผอ.ทีวี คลิปชายชุดดำ
ที่รัฐสภา นพ.เหวง โตจิราการ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แถลงว่า ตนได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ในประเทศไทย จำนวน 7 ช่อง ได้แก่ ช่อง 11,ช่อง 9,ช่อง 5,ช่อง 7, ช่องไทยพีบีเอส และช่องสปริงนิวส์ เพื่อขอวีดีโอคลิปเหตุการณ์ชายชุดดำใช้อาวุธสงคราม ในช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมือง ช่วงเดือน เมษายน - พฤษภาคม พ.ศ.2553 เพื่อตนจะนำมาตรวจสอบในฐานะที่เป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทย ทั้งนี้หากได้รับความร่วมมือตนจะนำไปตรวจสอบเบื้องต้นหากพบข้อพิรุธจะขอความร่วมมือจากนักวิชาการที่เชี่ยวชาญตรวจสอบในขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ต่อไป
“ที่ผมทำนี้เพื่อต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่าชายชุดดำตามที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อ้างเป็นความจริงหรือแค่โกหกลวงโลก ทั้งนี้ผมไม่ได้ทำเพื่อกลุ่มคนเสื้อแดง โดยเบื้องต้นผมจะเปิดกว้างให้สาธารณะร่วมตรวจสอบในข้อเท็จจริงด้วย ” นพ.เหวง กล่าว
นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แถลงร่วมว่าในฐานะที่ตนเป็นแพทย์ที่ร่วมชันสูตรพลิกศพ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม พบข้อเท็จจริงที่ว่า พล.อ.ร่มเกล้าไม่ได้ตายด้วยกระสุนปืน แต่ตายด้วยสะเก็ดระเบิด ดังนั้นตรงนี้เป็นสิ่งที่จะต้องทำความจริงให้ปรากฏ
**"เฉลิม"รับหนักใจ"แดง"ไล่มาร์ค
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีคนเสื้อแดงกีดขวางนายอภิสิทธิ์ไม่ให้ไปพบสมาชิกพรรคที่ จ.สมุทรปราการและล่าสุดนายอภิสิทธิ์ จะไปพบ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผบ.ตร.และกกต.เกี่ยวกับมาตรการดูแลความปลอดภัยของนักการเมืองในการลงพื้นที่ว่า ส่วนตัวเห็นด้วยหากเกิดเหตุแบบนี้มากๆประชาชนส่วนใหญ่จะไม่ยอมรับ เรื่องนี้พูดตรงๆใครจะไม่สบายใจต้องยอม ทุกคนต้องเดินทางไปได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ การแสดงออกหรือต่อต้านต้องมีขอบเขต ยอมรับว่าตนหนักใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในกรณีนี้เพราะตนคุยกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ กับนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำนปช.ว่าจะดูแลมวลชนให้และตนขอให้คนเสื้อแดงใจเย็น อดเปรี้ยวไว้กินหวาน รอดูคดีในวันนี้ที่กำลังคืบหน้า
ทั้งนี้ ตนไม่เคยมองนายอภิสิทธิ์หรือนายสุเทพ ว่าเป็นศัตรู แต่ในเรื่องคดีต้องว่ากันไป ส่วนตัวสั่งการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ไปว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ร้องทุกข์ในเรื่องข้างต้น และมีข้อเท็จจริงก็ต้องรับเรื่องไว้สอบสวน หากระบุกันว่าพรรคนี้จะจัดกิจกรรมล่วงหน้าในพื้นที่ใดตนพร้อมส่งกำลังเจ้าหน้าที่ไปดูแลให้ หรือส่งนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ประสานมายังตนเพราะคุ้นเคยกันดี เรื่องนี้ไม่มีปัญหาและจบลงด้วยดี เพราะตนมีประสบการณ์ตอนเป็นรมว.มหาดไทย โดนกักตัวไว้ในโรงแรม ที่จ.กระบี่ตั้งแต่สองทุ่มถึงตีห้า ตำรวจหนึ่งพันนายพร้อมฝ่าวงล้อมมวลชนห้าพันคนให้แต่ตนไม่อยากให้เกิดเรื่องขึ้น จึงยอมหนีออกมา
** อดุลย์"พร้อมให้“มาร์ค”เข้าพบ
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ว่าที่ ผบ.ตร. กล่าวภายหลังการเข้าพบและรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับ ร.ต.อ.เฉลิม ว่า เป็นการหารือในเรื่องทั่วไป
เมื่อถามถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ จะประสานขอเข้าพบ เพื่อขอทราบนโยบายการดูแลความปลอดภัย หลังจากที่ถูกกลุ่มเสื้อแดงขัดขวางการทำกิจกรรมทางการเมืองหลายครั้ง ซึ่งรวมถึงการปราศรัยที่จ.สมุทรปราการ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า ยังไม่มีการประสานมา เมื่อถามต่อว่าพร้อมจะให้นายอภิสิทธิ์เข้าพบหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า พร้อม
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าให้ปากคำพร้อมทนายความ เพียงสั้น ๆ ว่า ได้เตรียมเอกสารลำดับเหตุการณ์เพื่อเข้าชี้แจงกับพนักงานสอบสวนซึ่งในชั้นนี้ไม่มีสิ่งใดน่าหนักใจเพราะคดีเป็นส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับคดีก่อการร้าย ตนจึงเตรียมคำให้การเพื่อชี้แจงและอธิบายเหตุจนนำไปสู่การสั่งสลายการชุมนุม ส่วนจะต้องนำเอกสารใดยื่นประกอบคำให้การบ้างนั้นคงต้องขอฟังทางพนักงานสอบสวนว่ามีประเด็นใดต้องการซักถามบ้าง อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ตนเคยเข้าให้ข้อมูลกับกรรมการสิทธิ์(กสม.) และคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.) ไปแล้ว
**หอบ 200 หน้า ตอกหน้าธาริต
เวลา 13.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง อดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)ได้เดินทางมาให้การกับพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ในคดีโดยมีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ มาให้การต้อนรับถึงหน้าประตูรถยนต์ ทั้งนี้เมื่อนายสุเทพก้าวลงจากรถยนต์ได้เป็นฝ่ายกล่าวสวัสดีทักทายนายธาริต จากนั้นได้นำนายสุเทพขึ้นไปส่งที่ห้องสอบสวนชั้น 7 เพื่อรอการสอบปากคำต่อจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายสุเทพ กล่าวให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนว่า ตนได้ทำบันทึกการให้ถ้อยคำเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเม.ย.- พ.ค. 53 เพื่อยื่นให้พนักงานสอบสวนตามที่พนักงานสอบสวนได้แจ้ง โดยเอกสารเป็นการรวบรวมคำสั่งทุกฉบับที่มีการส่งการจนไปถึงการคลี่คลายสถานการณ์ เชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์และเป็นข้อมูลต่อการสอบสวนของดีเอสไอ โดยเอกสารที่เตรียมมาไม่มีอะไรใหม่ แต่เหตุการณ์ผ่านมานานกว่า 2 ปีแล้ว คนอาจจะลืมเลือนหรือมองข้ามข้อเท็จจริงบางประการ จึงได้รวบรวมเอกสารประมาณ 200 หน้ากระดาษ พร้อมภาพถ่ายชายชุดดำมาประกอบการชี้แจง ส่วนจะสามารถหักล้างข้อกล่าวหาได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับดีเอสไอว่าจะทำอย่างไรต่อไป ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ตนมีหน้าที่ทำความจริงให้ปรากฎทั้งต่อสาธารณชนและพนักงานสอบสวน
ผู้สื่อข่าวถามว่ายังมั่นใจการทำงานของดีเอสไอหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ขอไม่ตอบ ความจริงเป็นอย่างไรก็จะชี้แจงไปอย่างนั้น ส่วนกรณีที่นายธาริต อ้างว่าไม่เคยเข้าร่วมการประชุมกับฝ่ายยุทธการจึงไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการวางแผนนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นความจริงบางส่วน แต่ในการประชุมหลายครั้งอธิบดีดีเอสไออยู่ร่วมกับตนตลอด และเคยแสดงความเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการแก้สถาการณ์ ซึ่งตนโชคดีและได้เปรียบนิดหน่อยตรงที่เวลานั่งประชุมจะมีสมุดจดบันทึกส่วนตัวว่าใครเสนอความเห็นอย่างไร และมีข้อโต้แย้งอย่างไร ดังนั้นการทำบันทึกการให้การครั้งนี้จึงทำได้ง่าย เพราะเป็นการเรียบเรียงจากสมุดบันทึกส่วนตัว
"โดยส่วนตัวผมกับอธิบดีดีเอสไอชอบพอกันดี แต่เรื่องงานก็ว่ากันไปตามหน้าที่" นายสุเทพ กล่าว
**“ธาริต”ปัดไม่พลิกแพลงคดี
ด้านนายธาริต กล่าวว่า การสอบสวนวันนี้จะมีประเด็นใดบ้างเป็นหน้าที่พนักงานสอบสวน ตนไม่มีเกี่ยวข้อง โดยคดีดังกล่าวจะมีพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ตำรวจ และพนักงานอัยการร่วมสอบปากคำ โดยในส่วนดีเอสไอ มี พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้รับผิดชอบคดี ซึ่งการเรียกนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เข้าให้ปากคำเชื่อว่าจะทำให้ข้อมูลมีความรอบด้านมากขึ้น อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ได้สอบถามถึงระยะเวลาในการสอบสวนคดี ซึ่งตนได้ชี้แจงว่าอาจต้องใช้เวลา ยังตอบไม่ได้จะเสร็จเมื่อไร แต่การเรียกเข้าสอบครั้งนี้เป็นการเรียกสอบในฐานะพยาน ไม่มีสิ่งใดน่ากังวล โดยตนได้ชี้แจงถึงคณะทำงานที่เกี่ยวข้องในคดีให้ทราบด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเรียกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ด้วยหรือไม่นายธาริตกล่าวว่า ตนคงตอบไม่ได้ เพราะเป็นหน้าที่พนักงานสอบสวน
เมื่อถามว่าต่อว่า อธิบดีดีเอสไอจะต้องเข้าให้ปากคำในฐานะเคยเป็นกรรมการ ศอฉ. หรือไม่ นายธาริต กล่าวว่า คงไม่ เพราะตนเป็นข้าราชการพลเรือนที่เข้าไปทำหน้าที่ในศอฉ. แต่ไม่เคยร่วมประชุมกับฝ่ายยุทธการ ในประเด็นนี้ตนคงไม่ขอชี้แจงอีกแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าสังคมมองว่าอธิบดีดีเอสไอพยายามพลิกแพลงคดี นายธาริต กล่าวว่า ตนจะพลิกแพลงได้อย่างไร ตนไม่ใช่พนักงานสอบสวนทุกอย่างต้องว่าตามกระบวนการ
**มาร์คให้การ 7 ชม.กลับทันที
ต่อมาเวลา 18 .00 น.นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์เพียงสั้น ๆ หลังเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอคดีการเสียชีวิต 91 ศพนานกว่า 7 ชั่วโมงว่า ตนได้ชี้แจงข้อมูลตามข้อเท็จจริง เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าจะต้องเข้าให้ข้อมูลอีกหรือไม่ เพราะไม่ทราบว่าพนักงานสอบสวนยังติดใจประเด็นใดอีกโดยตนจะกลับไปดูเอกสารว่าจำเป็นต้องส่งข้อมูลใดเข้าให้การเพิ่มเติมหรือไม่ ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการสอบปากคำนายอภิสิทธิ์รีบร้อนออกจากดีเอสไอทันทีโดยระบุว่ามีภารกิจต่อ อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ได้ให้ปากคำเสร็จสิ้นตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. แล้วแต่เนื่องจากพนักงานสอบสวนได้ให้นายอภิสิทธิ์ตรวจทานการให้ถ้อยคำ ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการอ่านเอกสารนาน
**เหลิมอ้างไม่ก้าวก่ายดีเอสไอ
ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ตนไม่อยากแสดงความเห็น เดี๋ยวจะหาว่าตนไปก้าวก่าย ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็เป็นไปตามนั้น และนี่แหล่ะที่คนเสื้อแดงควรพอใจ ว่ากระบวนการมีความคืบหน้า ให้กระบวนการยุติธรรมเป็นตัวพิสูจน์ ตนไม่ก้าวก่ายเพราะไม่อยากติดคุกตอนแก่
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ท่านเคยพูดว่าหากผู้สั่งการสั่งเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ผู้สั่งการก็ต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนก็ยังมีความเห็นเหมือนเดิมอยู่ และหากท้ายที่สุดแล้วไม่เป็นไปตามนั้นก็ไม่ผิด ทั้งหมดจบที่ศาล และใครไปสั่งศาลไม่ได้ ตนจึงอยากฝากบอกไปถึงเสื้อแดงว่าให้ใจเย็น ๆ ถ้าไปทำอะไรในลักษณะที่ไม่น่ารักก็จะถูกตำหนิ
**เหวง ขอเทปผอ.ทีวี คลิปชายชุดดำ
ที่รัฐสภา นพ.เหวง โตจิราการ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แถลงว่า ตนได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ในประเทศไทย จำนวน 7 ช่อง ได้แก่ ช่อง 11,ช่อง 9,ช่อง 5,ช่อง 7, ช่องไทยพีบีเอส และช่องสปริงนิวส์ เพื่อขอวีดีโอคลิปเหตุการณ์ชายชุดดำใช้อาวุธสงคราม ในช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมือง ช่วงเดือน เมษายน - พฤษภาคม พ.ศ.2553 เพื่อตนจะนำมาตรวจสอบในฐานะที่เป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทย ทั้งนี้หากได้รับความร่วมมือตนจะนำไปตรวจสอบเบื้องต้นหากพบข้อพิรุธจะขอความร่วมมือจากนักวิชาการที่เชี่ยวชาญตรวจสอบในขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ต่อไป
“ที่ผมทำนี้เพื่อต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่าชายชุดดำตามที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อ้างเป็นความจริงหรือแค่โกหกลวงโลก ทั้งนี้ผมไม่ได้ทำเพื่อกลุ่มคนเสื้อแดง โดยเบื้องต้นผมจะเปิดกว้างให้สาธารณะร่วมตรวจสอบในข้อเท็จจริงด้วย ” นพ.เหวง กล่าว
นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แถลงร่วมว่าในฐานะที่ตนเป็นแพทย์ที่ร่วมชันสูตรพลิกศพ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม พบข้อเท็จจริงที่ว่า พล.อ.ร่มเกล้าไม่ได้ตายด้วยกระสุนปืน แต่ตายด้วยสะเก็ดระเบิด ดังนั้นตรงนี้เป็นสิ่งที่จะต้องทำความจริงให้ปรากฏ
**"เฉลิม"รับหนักใจ"แดง"ไล่มาร์ค
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีคนเสื้อแดงกีดขวางนายอภิสิทธิ์ไม่ให้ไปพบสมาชิกพรรคที่ จ.สมุทรปราการและล่าสุดนายอภิสิทธิ์ จะไปพบ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผบ.ตร.และกกต.เกี่ยวกับมาตรการดูแลความปลอดภัยของนักการเมืองในการลงพื้นที่ว่า ส่วนตัวเห็นด้วยหากเกิดเหตุแบบนี้มากๆประชาชนส่วนใหญ่จะไม่ยอมรับ เรื่องนี้พูดตรงๆใครจะไม่สบายใจต้องยอม ทุกคนต้องเดินทางไปได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ การแสดงออกหรือต่อต้านต้องมีขอบเขต ยอมรับว่าตนหนักใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในกรณีนี้เพราะตนคุยกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ กับนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำนปช.ว่าจะดูแลมวลชนให้และตนขอให้คนเสื้อแดงใจเย็น อดเปรี้ยวไว้กินหวาน รอดูคดีในวันนี้ที่กำลังคืบหน้า
ทั้งนี้ ตนไม่เคยมองนายอภิสิทธิ์หรือนายสุเทพ ว่าเป็นศัตรู แต่ในเรื่องคดีต้องว่ากันไป ส่วนตัวสั่งการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ไปว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ร้องทุกข์ในเรื่องข้างต้น และมีข้อเท็จจริงก็ต้องรับเรื่องไว้สอบสวน หากระบุกันว่าพรรคนี้จะจัดกิจกรรมล่วงหน้าในพื้นที่ใดตนพร้อมส่งกำลังเจ้าหน้าที่ไปดูแลให้ หรือส่งนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ประสานมายังตนเพราะคุ้นเคยกันดี เรื่องนี้ไม่มีปัญหาและจบลงด้วยดี เพราะตนมีประสบการณ์ตอนเป็นรมว.มหาดไทย โดนกักตัวไว้ในโรงแรม ที่จ.กระบี่ตั้งแต่สองทุ่มถึงตีห้า ตำรวจหนึ่งพันนายพร้อมฝ่าวงล้อมมวลชนห้าพันคนให้แต่ตนไม่อยากให้เกิดเรื่องขึ้น จึงยอมหนีออกมา
** อดุลย์"พร้อมให้“มาร์ค”เข้าพบ
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ว่าที่ ผบ.ตร. กล่าวภายหลังการเข้าพบและรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับ ร.ต.อ.เฉลิม ว่า เป็นการหารือในเรื่องทั่วไป
เมื่อถามถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ จะประสานขอเข้าพบ เพื่อขอทราบนโยบายการดูแลความปลอดภัย หลังจากที่ถูกกลุ่มเสื้อแดงขัดขวางการทำกิจกรรมทางการเมืองหลายครั้ง ซึ่งรวมถึงการปราศรัยที่จ.สมุทรปราการ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า ยังไม่มีการประสานมา เมื่อถามต่อว่าพร้อมจะให้นายอภิสิทธิ์เข้าพบหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า พร้อม