ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -“สิ่งสำคัญที่สุดของแกรมมี่ในวันนี้ คือ การลงทุนในธุรกิจใหม่กับการสร้างความแข็งแกร่งให้ จีเอ็มเอ็ม แซท ซึ่งจะเป็นอนาคตของแกรมมี่ในวันต่อไป ดังนั้นทิศทางการดำเนินงานของแกรมมี่หลังจากนี้ จึงมุ่งให้ความสำคัญกับจีเอ็มเอ็ม แซท มากที่สุด”
นี่คือทิศทางที่ชัดเจนที่สุดสำหรับกล่องจีเอ็มเอ็มแซท จากคำกล่าวของ “อากู๋” หรือ นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ที่ได้กล่าวถึงลูกรักคนล่าสุด นั่นคือ จีเอ็มเอ็ม แซท ว่าทำไมในวันนี้ ต้องจีเอ็มเอ็ม แซท เท่านั้น !!!!
“อากู๋” พร้อมบุกหนักเพื่อทำให้ จีเอ็มเอ็ม แซท แข็งแกร่งให้ได้ในตลาดกล่องรับสัญญาณดาวเทียมในฐานผู้ชมระดับกลางถึงล่างโดยเฉพาะกลุ่มเพย์ทีวีในอนาคต ไม่ว่าจะด้วยกลยุทธ์ใดก็ตาม
โดยได้วางแผนการดำเนินงานของ จีเอ็มเอ็ม แซท ในช่วง 3 ปีนี้ (2555-2558) ไว้ว่า พร้อมระดมเงินลงทุนรวมกว่า 12,000 ล้านบาท เฉลี่ยปีละ 4,000 ล้านบาท สำหรับการซื้อคอนเทนต์ต่างประเทศเป็นหลัก และสร้างคอนเทนต์โลคอล เพื่อให้จีเอ็มเอ็ม แซท แข็งแกร่งให้ได้ต่อไป
สิ่งที่สำคัญที่สุดของการผลักดันให้จีเอ็มเอ็ม แซท แข็งแกร่งได้นั้น ไม่ได้อยู่ที่การขายกล่องแต่อยู่ที่การสร้างคอนเทนต์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เต็มปากว่า การขายกล่อง แท้จริงแล้วก็คือ การสร้างพื้นฐานที่สำคัญของการสร้างแพลทฟอร์มของการเป็นคอนเทนต์โพไวเดอร์ให้แข็งแกร่งต่อไป เพราะยิ่งมีฐานสมาชิกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีต่อการซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ต่างๆ มาเผยแพร่ ซึ่งตัวเลขฐานสมาชิกยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งส่งผลต่อการตัดสินใจขายของเจ้าของลิขสิทธิ์คอนเทนต์ต่างๆด้วย แต่ทั้งนี้มันก็ต้องขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายของแต่ละคอนเทนต์ด้วยว่า ต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายระดับใด
นั่นยิ่งทำให้แกรมมี่พร้อมบุกหนักในการทำตลาดทุกรูปแบบ เพื่อขายกล่องจีเอ็มเอ็ม แซทให้ได้มากที่สุด หรือควรที่จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ที่ 2 ล้านกล่องภายในสิ้นปีนี้ให้ได้
ตลอดช่วงต้นปีที่ผ่านมา เราจะได้เห็นเกมการตลาดที่แกรมมี่นำมาใช้เพื่อดึงดูดให้เกิดฐานผู้ชมให้มีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยเฉพาะในช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโร ที่ทางแกรมมี่ได้สิทธิ์ในการถ่ายทอดสดไป ทำให้ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงขาขึ้นของจีเอ็มเอ็ม แซท อย่างสุดๆ เพราะสามารถจำหน่ายกล่องจีเอ็มเอ็ม แซท ได้กว่า 800,000 กล่อง ในราคากล่องละ 1,590 บาท ในช่วงเวลาไม่นานนัก ผ่านพันธมิตรในทุกช่องทางที่เป็นไปได้ จนทำให้หน้าโฆษณาและพื้นที่ข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ ในช่วงนั้นมีแต่เรื่องของ กล่องจีเอ็มเอ็ม แซท ตลอดเวลา แม้ว่ามันจะมีทั้งเรื่องดีและไม่ดีก็ตาม
แต่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการขายกล่องจีเอ็มเอ็ม แซท กำลังหมดลง(หรือเปล่า???) เพราะแน่นอนว่าหลายคนกำลังจับตาดูว่า แผนสอง แผนสาม แผนสี่ ที่แกรมมี่จะงัดมาใช้ว่าจะออกมาหลังจากจบยูโรจะเป็นเช่นไร
ในสถานการณ์ที่ต้องบอกว่า ทางฝั่งคู่แข่ง อย่าง ค่ายอาร์เอสของ “เฮียฮ้อ” ที่ตั้งใจท้าชนด้วยการ ส่งกล่องซันบ็อกซ์ (SUNBOX) มาตีตลาดนี้ด้วยเช่นเดียวกันนั้น ซึ่งขณะนี้กำลังได้เปรียบอย่างมาก เพราะได้คอนเท้นต์กีฬาดัง กับการได้ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลลาลีก้าช่วงเดือนส.ค.นี้ เป็นต้นไป มาเป็นพระเอกที่จะช่วยผลักดันยอดขายกล่องซันบ็อกซ์ให้เป็นไปแผนที่วางไว้ โดยตั้งเป้ายอดขายภายใน ต.ค.นี้ที่ 500,000 กล่อง
กล่าวได้ว่า วินาทีนี้ เฮียฮ้อ แย่งซีน อากู๋ ก็ไม่ผิดนัก
ต้องยอมรับว่า ถึงแม้ซันบ็อกซ์จะเปิดตัวช้ากว่า แต่มาพร้อมกับพันธมิตรคู่ค้า “ดีแทค” ที่งัดเอากลยุทธ์ทางการตลาดที่ชนะใจลูกค้าได้ไม่ยาก กับ โปรโมชันที่ทำร่วมกัน คือ ลูกค้าที่ซื้อกล่องซันบอกซ์ภายใน 31 ต.ค.นี้ ดีแทคจะมอบสิทธิ์ ดูฟรี! โทร.ฟรี! เน็ตฟรี! ให้เท่ามูลค่าราคากล่องที่มีราคาอยู่ที่ 1,590 บาท เช่นเดียวกับกล่องจีเอ็มเอ็ม แซท
อีกทั้งยังถูกขนาบจากทรูวิชั่นส์ที่ชูกลยุทธ์กล่องทรูไลฟ์พลัสแบบขายขาด ไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน ราคากล่องละ 1,990 บาท นำเสนอคอนเท้นต์ที่ไม่มีในกล่องอื่น นอกจากช่องรายการฟรีทูแอร์ จากดาวเทียมซีแบนด์ และเคยูแบนด์ ยังชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ที่ช่องทรูสปอร์ต2และช่องสเปเชียลสปอร์ต ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก และลีกอื่นๆอีกที่ทางทรูวิชั่นส์เป็นเจ้าของสิทธิ์อีกรวมมากกว่า 500 แมตทช์
สไตล์อากู๋ คงไม่ยอมอะไรง่ายๆ เกมดั๊มป์ราคาจึงเกิดขึ้น
นายฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม ผู้อำนวยการสายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดกล่องทีวีดาวเทียมคึกคัก เนื่องจากมีกลุ่มผู้รับชมผ่านกล่องทีวีดาวเทียมรุ่นเก่าที่ซื้อไว้ตั้งแต่ก่อนปี 2553 หรือก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ไม่สามารถเข้ารหัส (Biss Key) รับชมคอนเทนต์กีฬาสำคัญระดับโลกอย่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2012 ครั้งที่ 30 ถ่ายทอดสดจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษได้จำนวนหลายล้านกล่องทั่วประเทศ
ล่าสุด ทางบริษัทฯ จึงใช้งบทำตลาดประมาณ 100 ล้านบาท จัดแคมเปญสุดพิเศษ ‘ฉลองโอลิมปิก’ กล่องจีเอ็มเอ็ม แซท ราคากล่องละ 999 บาท จากราคาปกติกล่องละ1,590 เริ่มแล้ววันนี้ถึงวันที่ 31 สิงหาคม2555 ที่ร้านค้าจานดาวเทียมทั่วประเทศ หรือที่บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ /เจมาร์ท /แม็คโคร /พาวเวอร์บาย /ท๊อป เดลี่ /พาวเวอร์ มอลล์ /เดอะ พาวเวอร์ /อิมเมจิ้น /แมงป่อง /ซีเอ็ด ตั้งเป้ายอดขายเดือนเดียวที่จัดแคมเปญฯนี้ประมาณ 200,000 กล่อง
ถ้าทำสำเร็จถึงสิ้นเดือนนี้ จีเอ็มเอ็ม แซท น่าจะมียอดขายได้กว่า 1 ล้านกล่อง หรือทำได้กว่าครึ่งทางที่วางเป้าหมายไว้ ส่วนอีกครึ่งทางนั้น ยังมีแผน3 แผน4 ที่คาดว่าจะต้องออกมาเซอร์ไพรส์ผู้ชมได้อีกแน่นอน เพราะแค่เล่นหั่นราคามาที่ 999 บาท ก็ทำเอาลูกค้าที่ซื้อไปแล้วปวดใจกันเป็นแถวๆ
เกมนี้อากู๋อาจจะได้ยอดขาย พร้อมเสียงก่นด่าจากผู้ที่ซื้อกล่องไปในช่วงบอลยูโรแน่นอน
ฟากอาร์เอสเอง ล่าสุดส่งสัญญาณออกมาแล้วว่า ถึงแม้แกรมมี่จะเล่มเกมลดราคา แต่สำหรับกล่องซันบ็อกซ์ยังไปได้ฉลุย เพราะโปรโมชั่นเขาดี เหมือนได้ฟรีอยู่แล้ว ซึ่งหลังจากที่เปิดตัวมาจนถึงวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา หรือราว 1 เดือนเท่านั้น อาร์เอสก็มียอดขายกล่องซันบ็อกซ์ไปแล้วในทุกช่องทางกว่า 1.5 แสนกล่อง และเมื่อเข้าสู่ช่วงการแข่งขันฟุตบอลลาลีก้า น่าจะทำให้ยอดขายกล่องเป็นไปตามแผนที่วางไว้ได้
แล้วเมื่อจบลาลีก้าลง ศึกตลาดชิงดำของกล่องรับสัญญาณดาวเทียมทั้งจาก 2 ยักษ์ใหญ่อย่างไรล่ะทีนี้????
จีเอ็มเอ็มแซท และ ซันบ็อกซ์ จะเป็นอย่างไรต่อไป คงต้องดูที่แผนการทำตลาดเป็นสำคัญ แต่ที่น่าจับตามองมากที่สุด ก็คือ ในเรื่องของคอนเทนต์กีฬาดัง เพราะมีผลให้ยอดขายของทั้ง2กล่องไหลลื่นได้มากที่สุดอย่างที่ผ่านมา
ดังนั้นในช่วงหลังส.ค.นี้เป็นต้นไป ศึกชิงพื้นที่กล่องรับสัญญาณดาวเทียมคงจะยิ่งมันหยดเข้าไปอีก เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า ทั้งอาร์เอส และแกรมมี่ ต่างก็มีเป้าหมายที่ต้องการจะสอยพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลถัดไปมาไว้กับตัวทั้งคู่ แต่จะฝ่าด่านผู้เคยได้สิทธิ์เดิมอย่างทรูวิชั่นส์ไปได้หรือไม่นั้น ไม่มีใครสามารถตอบได้
ที่สำคัญใครก็ตามที่คว้าพรีเมียร์ลีกได้ต่อไป คนนั้นคือ ผู้ชี้ชะตาตลาดว่าจะออกหัวออกก้อย พรีเมียมมาร์เก็ตอย่างทรูวิชั่นส์ยังจะรุ่งเรืองต่อไป หรือ ระดับกลางอย่างแกรมมี่ หรืออาร์เอสจะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าตลาดแทน...ต้องรอชม แต่ขออย่าให้จอดำเท่านั้น