“อากู๋” ปิดปากสนิทไม่พูดเรื่องขายหุ้นโพสต์ อ้างตลาดหลักทรัพย์ห้ามให้ข้อมูล พร้อมเปิดโลก “จีเอ็มเอ็ม แซท” อนาคตก้าวต่อไปของแกรมมี่ 3ปีหลังจากนี้ พร้อมทุ่ม 12,000 ล้านบาท คัดสรรคอนเท้นท์ทั้งไทยและเทศลุยเต็มสูบ พร้อมก้าวขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจเคเบิลทีวีในระดับแมส มั่นใจใน 3 ปี รายได้จีเอ็มเอ็มแซททะลุ 10,000 ล้านบาท ด้วยกล่องจีเอ็มเอ็ม แซท ร่วม 5 ล้านกล่องครอบคลุมทั่วประเทศ
นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากกระแสข่าวเกี่ยวกับแกรมมี่ที่เตรียมจะขายหุ้นโพสต์ พับลิชชิง ในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา ในความเป็นจริงวันนี้ ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็นหรือให้คำสัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวอีกต่อไป เนื่องจากทางตลาดหลักทรัพย์ขอไว้ เพราะกลัวจะทำให้เกิดความเสียหายตามมา ส่วนความคิดเห็นส่วนตัวว่าจะขายหรือไม่นั้น ก็ไม่สามารถเปิดเผยได้เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดของแกรมมี่ในวันนี้คือ การลงทุนธุรกิจใหม่ กับ การสร้างความแข็งแกร่งให้กับ จีเอ็มเอ็ม แซท ซึ่งจะเป็นอนาคตของแกรมมี่ในก้าวต่อไปหลังจากนี้ ดังนั้นทิศทางการดำเนินงานของแกรมมี่หลังจากนี้ จึงมุ่งให้ความสำคัญกับจีเอ็มเอ็ม แซท เป็นสำคัญ ในขณะที่กลุ่มธุรกิจเดิมยังคงเดินหน้าต่อเนื่องและมีกำไรปีละไม่ต่ำกว่า 700-800 ล้านบาทอยู่แล้ว
สำหรับแผนการดำเนินงานของ จีเอ็มเอ็ม แซท ในช่วง 3 ปี ระหว่างปี 55-58 บริษัทพร้อมระดมเงินลงทุนรวมกว่า 12,000 ล้านบาท เฉลี่ยปีละ 4,000 ล้านบาท ซึ่งได้แจงต่อคณะกรรมการบริษัทแล้ว โดยทุกฝ่ายรับทราบและมองว่าสามารถแบกรับไหว และเม็ดเงิน1หมื่นกว่าล้านบาทครั้งนี้ จะถูกใช้ไปกับการซื้อคอนเท้นท์ต่างประเทศ และสร้างคอนเท้นท์โลคอลต่อไป เนื่องจากแกรมมี่กำลังจะก้าวสู่ความเป็นคอนเท้นท์โพไวเดอร์ ไม่ใช่การขายกล่อง แต่การขายกล่องคือการสร้างแพลทฟอร์ทให้แข็งแกร่งได้ที่ดีที่สุด โดยคอนเท้นท์ที่เตรียมซื้อหลังจากนี้ เบื้องต้นจะถูกนำไปออกอากาศทางกล่องจีเอ็มเอ็ม แซท ซึ่งจะมีทั้งแบบเพย์ทีวี และรับชมฟรี
“ปัจจุบันจีเอ็มเอ็ม แซท ถือเป็นอันดับ2 รองจากทรู วิชั่นส์ ในตลาดเคเบิลทีวี แน่นอนว่าทรูวิชั่นส์ เป็นผู้นำในตลาดพรีเมี่ยมทั้งในแง่ฐานผู้ชมและ คอนเท้นท์ ส่วนจีเอ็มเอ็มแซท เราถือเป็นผู้นำในตลาดแมส ด้วยจำนวนกล่องจีเอ็มเอ็ม แซทในสิ้นปีนี้ที่มั่นใจว่าจะทำได้ที่ 2 ล้านกล่อง ส่วนในแง่ของคอนเท้นท์แล้ว ก็ถือเป็นอันดับสอง รองจากทรูวิชั่นส์เช่นกัน เพราะเรามีคอนเท้นท์ดีๆจากต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคอนเท้นท์กีฬาดังๆอีกหลายรายการ ที่เตรียมจะซื้อเข้ามาอีก เช่น กลุ่ม กอล์ฟ หรือ เทนนิส เป็นต้น”
นอกจากซื้อคอนเท้นท์ต่างประเทศแล้ว ยังมุ่งพัฒนาคอนเท้นท์โลคอลด้วย โดยมองว่าอนาคตของจีเอ็มเอ็มแซท ขึ้นอยู่กับโลคอลคอนเท้นท์มากกว่า เพราะเราจับกลุ่มแมส โดยปัจจุบันแกรมมี่มีช่องรายการที่ผลิตออกมาแล้วกว่า 23 ช่อง แบ่งออกเป็น ช่องรายการที่ปล่อยให้ดูฟรีแบบฟรีทูแอร์ ราว 15 ช่อง ดูได้เฉพาะในกล่องจีเอ็มเอ็มแซทอีก 4 ช่อง และต้องจ่ายค่าบริการแบบเพล์ทีวีอีก 8 ช่อง และใน3ปีหลังจากนี้จากคอนเท้นท์ทั้งหมดน่าจะเพิ่มได้รวมไม่เกิน 50 ช่อง หรือในปีหน้าจะได้เห็นรวมทั้งสิ้นที่ 30 ช่องก่อน โดยรายได้ของจีเอ็มเอ็ม แซท จะมาจาก 3 ส่วนหลัก คือ 1. ขายกล่องจีเอ็มเอ็มแซท 2. โฆษณา และ3.เพย์ทีวี (เก็บค่าบริการสมาชิก)
“จีเอ็มเอ็ม แซท จะเป็นอนาคตของแกรมมี่ต่อไป ซึ่งจะถูกขับเคลื่อนด้วยคอนเท้นท์ทั้งหมดของแกรมมี่ที่สะสมประสบการณ์มากว่า 30 ปี จะถูกพัฒนาออกมาสู่สายตาคนไทยให้ได้รับชมกัน เชื่อว่าภายใน 3 ปีหลังจากนี้จีเอ็มเอ็มแซท จะมีรายได้รวมถึง 10,000 ล้านบาท และมีจำนวนกล่องจีเอ็มเอ็มแซทเข้าถึงประชากรได้ราว 5 ล้านกล่อง โดยในอนาคตจะเป็นธุรกิจหลักในการหารายได้ต่อไป ถึงแม้ในช่วงปีแรกนี้อาจจะต้องประสบกับภาวะขาดทุนบ้าง แต่ตนจะพยายามบริหารจัดการให้เกิดภาวะขาทุนน้อยที่สุดหรือไม่มีเลย เพื่อให้จีเอ็มเอ็ม แซท แข็งแกร่งได้เร็วที่สุด โดยในระยะเบื้องต้นอาจจะยังต้องพึ่งพาธุรกิจเดิมเป็นหลัก ในการหารายได้เพื่อนำมาลงทุนในจีเอ็มเอ็มแซทตามแผน 3 ปีที่วางไว้ แต่มั่นใจว่าหลังจากนั้นจีเอ็มเอ็มแซท คือ กลุ่มธุรกิจที่จะสร้างรายได้หลักให้แกรมมี่ต่อไป” นายไพบูลย์ กล่าว
