ภาคเอกชนประเมินผลงานรัฐบาล”ปู”ครบ 1 ปีให้คะแนนผ่านแบบฉิวเฉียด แต่ความสำเร็จจากมาตรการยังเห็นไม่ชัด ขณะที่นักวิชาการฟันธงศก.ไทยปีนี้หากปัญหายุโรปเลวร้ายโตแค่ 3%
นายสมมาต ขุนเศษฐ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลงานรัฐบาลที่ครบรอบ 1 ปีส่วนตัวเห็นว่าให้สอบผ่านแบบฉิวเฉียดเพราะมีความตั้งใจมากแต่ความตั้งใจที่จะดำเนินงานต่างๆยังไม่สำเร็จโดยเฉพาะไม่สามารถดูแลผลกระทบค่าครองชีพประชาชนให้ลดต่ำลงไปได้แต่ตรงกันข้ามกลับสูงขึ้นทั้งที่ราคาสินค้าภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ถูกควบคุมและภาวะดังกล่าวก็ยังคงดำรงอยู่ ดังนั้นเวลาบริหารที่เหลือจากนี้จะต้องเร่งแก้ไขปากท้องชาวบ้านโดยเร็ว
สำหรับการดูแลเศรษฐกิจในส่วนของภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะการส่งออกของประเทศรัฐบาลมีการตั้งทีมงานมาดูแลเฉพาะแต่ก็ยังไม่ได้เห็นอะไรที่เป็นรูปธรรมออกมาชัดเจน
“บางเรื่องเช่นการขึ้นค่าจ้าง 300 บาทต่อวันทั่วประเทศที่จะมีผล 1 ม.ค.56 รัฐหวังเพิ่มรายได้ประชาชนแต่ก็พบว่าส่วนหนึ่งกลับไปผลักดันให้สินค้าขึ้นราคาทำให้ค่าครองชีพประชาชนสูงกว่ารายได้จริงไปมาก ประชานิยมอะไรที่เห็นว่าเป็นภาระมากเกินไปก็ทบทวนได้”นายสมมาตกล่าว
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานส.อ.ท.กล่าวว่า คงให้รัฐบาลสอบผ่านจากคะแนนเต็ม 10 ก็คงให้ 6-7 คะแนนเนื่องจากรัฐบาลมีความตั้งใจโดยเฉพาะความขยันของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รวมถึงการมีกลยุทธ์ในการดำเนินงานแต่ยังขาดความชัดเจนยังใช้คนผิดฝาผิดตัวในการบริหารในหลายๆ เรื่อง
นายยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า รัฐบาลเข้ามาทำงานจริงเวลาอาจจะมีน้อยเพราะเจอน้ำท่วมจึงให้คะแนนรวมๆ 6-7 คะแนนจากเต็ม 10 แต่เรื่องที่สอบตกคือ การปล่อยให้เจ้าหน้าที่ยังคงเก็บส่วยรถบรรทุก
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า คะแนนเต็ม 10 ก็คงให้รัฐบาลประมาณ 6.5 คะแนนเนื่องจากนโยบายด้านเศรษฐกิจตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาระยะสั้นมากกว่า ดังนั้นการบริหารจากนี้ไปจะต้องตอบโจทย์ระยะยาวคือ การสร้างความเชื่อมั่นน้ำท่วม การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด กล่าวว่า ไม่ขอประเมินผลงานรัฐบาล แต่เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง 2555 ยังถือว่าดีพอสมควร คาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)จะขยายตัวไม่เกิน 5% เนื่องจากเพิ่งฟื้นตัวจากน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และตลาดโลกก็ยังไม่ดีมีเพียงเศรษฐกิจในฝั่งเอเซียเท่านั้นที่ยังพอไปได้ ส่งผลให้การส่งออกของไทยปีนี้ไม่น่าจะถึง 7% แน่นอน
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณะบดีคณะเศรษฐศาสตร์และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฎิรูป มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า คาดว่าจีดีพีของไทยปีนี้จะโตอยู่ที่ 5-5.5% โดยต้องจับตาดูปัญหาหนี้ยุโรปให้ดี เพราะหากกรีซและสเปนผิดชำระหนี้จนต้องออกจากยูโรโซนไปก็จะทำให้การยอดการส่งออกของไทยปีนี้โตแค่ 4-5% เท่านั้น ซึ่งมีโอกาสมากถึง 60-70%ที่จะเกิดขึ้น และจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยโตได้แค่ 3% เท่านั้นด้วย
นายสมมาต ขุนเศษฐ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลงานรัฐบาลที่ครบรอบ 1 ปีส่วนตัวเห็นว่าให้สอบผ่านแบบฉิวเฉียดเพราะมีความตั้งใจมากแต่ความตั้งใจที่จะดำเนินงานต่างๆยังไม่สำเร็จโดยเฉพาะไม่สามารถดูแลผลกระทบค่าครองชีพประชาชนให้ลดต่ำลงไปได้แต่ตรงกันข้ามกลับสูงขึ้นทั้งที่ราคาสินค้าภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ถูกควบคุมและภาวะดังกล่าวก็ยังคงดำรงอยู่ ดังนั้นเวลาบริหารที่เหลือจากนี้จะต้องเร่งแก้ไขปากท้องชาวบ้านโดยเร็ว
สำหรับการดูแลเศรษฐกิจในส่วนของภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะการส่งออกของประเทศรัฐบาลมีการตั้งทีมงานมาดูแลเฉพาะแต่ก็ยังไม่ได้เห็นอะไรที่เป็นรูปธรรมออกมาชัดเจน
“บางเรื่องเช่นการขึ้นค่าจ้าง 300 บาทต่อวันทั่วประเทศที่จะมีผล 1 ม.ค.56 รัฐหวังเพิ่มรายได้ประชาชนแต่ก็พบว่าส่วนหนึ่งกลับไปผลักดันให้สินค้าขึ้นราคาทำให้ค่าครองชีพประชาชนสูงกว่ารายได้จริงไปมาก ประชานิยมอะไรที่เห็นว่าเป็นภาระมากเกินไปก็ทบทวนได้”นายสมมาตกล่าว
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานส.อ.ท.กล่าวว่า คงให้รัฐบาลสอบผ่านจากคะแนนเต็ม 10 ก็คงให้ 6-7 คะแนนเนื่องจากรัฐบาลมีความตั้งใจโดยเฉพาะความขยันของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รวมถึงการมีกลยุทธ์ในการดำเนินงานแต่ยังขาดความชัดเจนยังใช้คนผิดฝาผิดตัวในการบริหารในหลายๆ เรื่อง
นายยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า รัฐบาลเข้ามาทำงานจริงเวลาอาจจะมีน้อยเพราะเจอน้ำท่วมจึงให้คะแนนรวมๆ 6-7 คะแนนจากเต็ม 10 แต่เรื่องที่สอบตกคือ การปล่อยให้เจ้าหน้าที่ยังคงเก็บส่วยรถบรรทุก
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า คะแนนเต็ม 10 ก็คงให้รัฐบาลประมาณ 6.5 คะแนนเนื่องจากนโยบายด้านเศรษฐกิจตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาระยะสั้นมากกว่า ดังนั้นการบริหารจากนี้ไปจะต้องตอบโจทย์ระยะยาวคือ การสร้างความเชื่อมั่นน้ำท่วม การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด กล่าวว่า ไม่ขอประเมินผลงานรัฐบาล แต่เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง 2555 ยังถือว่าดีพอสมควร คาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)จะขยายตัวไม่เกิน 5% เนื่องจากเพิ่งฟื้นตัวจากน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และตลาดโลกก็ยังไม่ดีมีเพียงเศรษฐกิจในฝั่งเอเซียเท่านั้นที่ยังพอไปได้ ส่งผลให้การส่งออกของไทยปีนี้ไม่น่าจะถึง 7% แน่นอน
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณะบดีคณะเศรษฐศาสตร์และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฎิรูป มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า คาดว่าจีดีพีของไทยปีนี้จะโตอยู่ที่ 5-5.5% โดยต้องจับตาดูปัญหาหนี้ยุโรปให้ดี เพราะหากกรีซและสเปนผิดชำระหนี้จนต้องออกจากยูโรโซนไปก็จะทำให้การยอดการส่งออกของไทยปีนี้โตแค่ 4-5% เท่านั้น ซึ่งมีโอกาสมากถึง 60-70%ที่จะเกิดขึ้น และจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยโตได้แค่ 3% เท่านั้นด้วย