xs
xsm
sm
md
lg

ไม่สู้เพื่อประชาธิปัตย์!?

เผยแพร่:   โดย: ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

มีคนจำนวนไม่น้อยเสนอแนวคิดว่าเหตุใดพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่รวมตัวกันกับหลายแนวร่วมผนึกกำลังกับพรรคประชาธิปัตย์เพื่อต่อสู้กับพรรคเพื่อไทย?

คำตอบที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่น่าจะเป็นในชั่วโมงนี้ ก็คือ ไม่เห็นว่าสู้กับประชาธิปัตย์แล้วประเทศชาติและประชาชนจะได้อะไร ถ้าการต่อสู้นั้นจบลงด้วยการเพียงแค่เปลี่ยนขั้วอำนาจ โดยที่ปัญหาของประเทศชาติยังคงดำรงอยู่เหมือนเดิม?

ไมตรีที่ทอดมาจากพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงหลังหลายสัญญาณ เช่น การส่งสัญญาณขอบคุณพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ดี การส่งสัญญาณว่าจะพร้อมต่อสู้ทั้งในสภาและนอกสภาก็ดี การส่งสัญญาณว่าพร้อมที่ออกแบบพิมพ์เขียวประเทศไทยใหม่ร่วมกับประชาชน ล้วนแล้วแต่เป็นสัญญาณที่ถูกหวาดระแวงจากคนจำนวนไม่น้อยว่า เป็นการส่งสัญญาณทอดไมตรีเพื่อหวังจะจับมือพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยให้ร่วมกันต่อสู้โค่นล้มพรรคเพื่อไทย เพียงเพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นรัฐบาลอีกเท่านั้น ใช่หรือไม่?

บางคนอาจจะมองว่าถ้ามองแบบนี้เหมือนเป็นการหวาดระแวงเกินไป และถือเป็นการทำลายแนวร่วมของตัวเองโดยใช่เหตุ แต่ก็คงลืมไปไม่ได้เลยว่าในยามที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เมื่อได้อำนาจรัฐมาแล้ว ทำอะไรมาแล้วบ้าง?

ทั้งการกลั่นแกล้งดำเนินคดีความข้อหาอันเป็นเท็จกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนับร้อยคนในข้อหาก่อการร้าย, ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศขึ้นมาก็ไม่มีการดำเนินการอะไรมัวแต่จะสนใจแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ของพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล, ด้านปัญหาพลังงานก็ไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น ทั้ง ปัญหา ปตท., พ.ร.บ.ปิโตรเลียม, พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม, ไม่ยกเลิกบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก MOU 2543 ยินยอมรับอำนาจศาลโลก ไม่ยอมออกมติคณะรัฐมนตรีลาออกจากคณะกรรมการมรดกโลก ไม่ทวงคืนแผ่นดินไทยคืนจากที่กัมพูชายึดครองอยู่, ไม่รักษาคำพูดว่าจะขอมติรัฐสภาเพื่อยกเลิกบันทึกความเข้าใจว่าด้วยพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล MOU 2544 แถมยังแอบไปเจรจากับกัมพูชาลับๆ ในเรื่องการแบ่งผลประโยชน์พลังงานในอ่าวไทย, ยังไม่นับปัญหาที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนการประกันตัวแกนนำคนเสื้อแดงและผู้ต้องสงสัยชายชุดดำ, ผิดคำพูดว่าจะดำเนินคดีผู้รุมยิงพยามฆ่านายสนธิ ลิ้มทองกุลให้ได้เสร็จก่อนสิ้นปี 2552, ปัญหาการทุจริตก็รุนแรงมากขึ้นจนถึงขั้นประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอกการค้าแห่งประเทศไทยในเวลานั้น ออกประกาศว่ามีการทุจริตด้วยยอดเงินเรียกผลประโยชน์สูงเป็นประวัติศาสตร์ถึง 50% ฯลฯ

ไม่ใช่อยากจะฟื้นฝอยหาตะเข็บ เพียงแต่บทเรียนที่เจ็บปวดเกิดขึ้นในอดีตมีไว้ให้จดจำและไม่ให้ย้ำรอยซ้ำไปที่เดิมอีก

ดังนั้น การประกาศว่าจะจัดทำพิมพ์เขียวประเทศไทยร่วมกับภาคประชาชน ดูจะเป็นเรื่องง่ายไป เพราะประชาชนที่ติดตามข้อมูลและมีบทเรียนก็คงจะตั้งคำถามว่า แล้วรายงานของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทยในยามที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลนั้นหายไปไหนหมด?

วันนี้จึงขอตอบแทนแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ว่า ไม่ได้สู้เพื่อโค่นล้มพรรคเพื่อไทยเพื่อที่จะให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลแล้วกลับมาทำแบบเดิมอีก และไม่ได้สู้เพื่อโค่นล้มพรรคเพื่อไทยเพื่อให้รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารทำแบบเดิมอีกเช่นกัน...

แต่วันนี้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะขอสู้เพื่อชาติและราชบัลลังก์ โดยมีผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นเป้าหมายสูงสุดเท่านั้น!!!

ไม่ว่าพรรคการเมืองไหน หรือคณะประชาชนหรือข้าราชการกลุ่มใด เห็นด้วยกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่าจะต้องมีการรื้อ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม, พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม เพื่อให้ผลประโยชน์ตอบแทนรัฐสูงสุด 80- 90% เหมือนกับในต่างประเทศ รวมถึงการทวงคืน ปตท.กลับมาเป็นของรัฐ 100% ดังเดิม ถือได้ว่าคนเหล่านั้นมีเป้าหมายและเป็นแนวร่วมกันอย่างแน่นอน

ไม่ว่าพรรคการเมืองไหน หรือคณะประชาชนหรือข้าราชการกลุ่มใด เห็นด้วยว่าการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงเป็นปัญหาร้ายแรงของประเทศ ต้องประกาศเป้าหมายปฏิรูปประเทศแก้ไขกฎหมายให้คดีทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงไม่มีอายุความ หรือหากเห็นด้วยว่าการทุจริตการเลือกตั้งถือเป็นเรื่องร้ายแรงมากที่สุดในระบอบประชาธิปไตยต้องเพิ่มโทษสูงสุดให้จำคุกตลอดชีวิตและเพิกถอนสิทธิ์การเลือกตั้งตลอดชีวิต ถ้าประกาศเช่นนี้จึงจะถือได้ว่าเป็นแนวร่วมที่มีเป้าหมายเดียวกันกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ไม่ว่าพรรคการเมืองไหน หรือคณะประชาชนหรือข้าราชการกลุ่มใด เห็นด้วยว่าไม่ควรปล่อยให้ทุนใหญ่ครอบงำพรรคการเมืองเหมือนที่ผ่านมา ก็ควรสนับสนุนแนวทางการปฏิรูประบบการเมืองใหม่ เช่น ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมือง กระจายงบประมาณ ราชการ และการตัดสินใจลงสู่การเมืองท้องถิ่นอย่างสมบูรณ์มากขึ้นควบคู่ไปกับการเพิ่มกลไกลการตรวจสอบจากประชาชนให้มากขึ้น และผลักดันให้ ส.ส.มาจากความหลากหลายที่แท้จริงในสังคม ทั้งมิติทั้งตัวแทนพื้นที่ ตัวแทนวิชาชีพ สังคม ภาคประชาสังคม ฯลฯ ถ้าประกาศข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมได้ ก็ถือได้ว่าเป็นแนวร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเช่นกัน

ไม่ว่าพรรคการเมืองไหน หรือคณะประชาชนหรือข้าราชการกลุ่มใด เห็นด้วยว่าไม่ควรปล่อยให้ทุนใหญ่ครอบงำพรรคการเมืองเหมือนที่ผ่านมา ก็ควรสนับสนุนแนวทางการปฏิรูประบบการเมืองใหม่ เช่น ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมือง กระจายงบประมาณ ราชการ และการตัดสินใจลงสู่การเมืองท้องถิ่นอย่างสมบูรณ์ควบคู่ไปกับการเพิ่มกลไกการตรวจสอบจากประชาชนและองค์กรต่างๆ ให้มากขึ้น ผลักดันให้ ส.ส.มาจากความหลากหลายที่แท้จริงในสังคม ทั้งมิติทั้งตัวแทนพื้นที่ ตัวแทนวิชาชีพ สังคม ภาคประชาสังคม ฯลฯ ถ้าประกาศข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมได้ ก็ถือได้ว่าเป็นแนวร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ไม่ว่าพรรคการเมืองไหน หรือคณะประชาชนหรือข้าราชการกลุ่มใด เห็นด้วยว่าประเทศไทยมีเอกราชและอธิปไตยที่ไม่เป็นเมืองขึ้นหรืออยู่ภายใต้อาณัติประเทศใดแล้ว และตระหนักว่าประเทศไทยไม่ได้ต่ออายุปฏิญญาการยอมรับอำนาจศาลโลกโดยบังคับมา 50 ปีแล้ว หากประกาศว่าจะไม่ยอมเสียดินแดนและไม่รับอำนาจศาลโลก เมื่อนั้นก็ถือได้ว่าเป็นแนวร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

หากเห็นด้วยว่า ไม่ควรปล่อยให้ทุนใหญ่ครอบงำพรรคการเมืองเหมือนที่ผ่านมา ก็ควรสนับสนุนแนวทางการปฏิรูประบบการเมืองใหม่ เช่น ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมือง กระจายงบประมาณ ราชการ และการตัดสินใจลงสู่การเมืองท้องถิ่นอย่างสมบูรณ์มากขึ้นควบคู่ไปกับการเพิ่มกลไกการตรวจสอบจากประชาชนให้มากขึ้น และผลักดันให้ ส.ส.มาจากความหลากหลายที่แท้จริงในสังคม ทั้งมิติทั้งตัวแทนพื้นที่ ตัวแทนวิชาชีพ สังคม ภาคประชาสังคม ฯลฯ ถ้าประกาศข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมได้ ก็ถือได้ว่าเป็นแนวร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเช่นกัน

ตัวอย่างข้างต้นคือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ได้เกี่ยวข้องว่าจะเป็นกลุ่มทุนเก่าหรือกลุ่มทุนใหม่ และไม่ได้เกี่ยงว่าจะเป็นประชาธิปัตย์ หรือ เพื่อไทย ไม่ได้สนใจว่าเป็นอำนาจรัฐในปัจจุบันหรืออนาคตจะเป็นเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้งหรือเป็นเผด็จการทหารมาจากรัฐประหาร ไม่เกี่ยวกับเสื้อสีเหลือง สีแดงหรือสีอื่นใด ดังนั้นหากคนกลุ่มใดมีความคิดเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมดังที่กล่าวข้างต้นแล้ว ถือว่าเป็นแนวร่วมเดียวกันกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างแน่นอน

เพียงแต่ที่กล่าวมาข้างต้นไม่เห็นแม้แต่น้อยว่านักการเมืองที่มีอยู่ในปัจจุบันสนใจ มีแต่จะสนใจว่าฝ่ายไหนจะได้ครองอำนาจรัฐได้มากและนานกว่ากันเท่านั้น

ฝ่ายหนึ่งแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายเพื่อล้างความผิดให้กับนักการเมือง ตลอดจนกระชับอำนาจให้นักการเมืองมีอำนาจมากขึ้นและตรวจสอบยากยิ่งขึ้น

ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งสนใจแต่ที่จะโค่นอำนาจรัฐอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อให้ตัวเองขึ้นสู่อำนาจแทนเท่านั้น และก็คงสนใจแต่ที่จะไปแสวงหาผลประโยชน์แทนอำนาจรัฐที่ถูกโค่นทิ้งไปเหมือนเดิม

ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น จึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะไปจับมือกับพรรคการเมืองไหนที่จะนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริง ด้วยความจริงใจ

ดังนั้นการต่อสู้เพื่อประชาชน จะมัวหวังไปจับมือกับคนที่กำลังจะสูญเสียอำนาจถ้ามีการปฏิรูปการเมืองนั้น จึงย่อมเป็นไปได้ เพราะนักการเมืองที่มีอยู่ในเวลานี้ไม่มีคำว่า “เสียสละ” อยู่ในจิตใจ

ถ้าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะจับมือกับใครที่จะนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองที่แท้จริงได้ เห็นจะไม่มีใครอื่นใดได้นอกจาก “จับมือกับประชาชน” เท่านั้น!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น