คนไทยจนลง-ปตท.รวยขึ้น “ส.ว.คำนูณ” หนุนทำปฏิญญาดึง “แร่-น้ำมัน” จัดการเอง

 
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ส.ว.คำนูณ สิทธสมาน เปิดประเด็นปัญหาพลังงานที่ประชาชนไม่รู้ ทำให้น้ำมันซึ่งเป็นสาธารณะประโยชน์ของคนในชาติ ถูกนายทุนขูดรีดโดยมีรัฐเอื้อเฟื้อสัมปทานราคาถูกๆ ให้ หนุนร่วมทำปฏิญญาแก้ไขหลักการสำคัญในการใช้แร่และปิโตรเลียมว่า ให้องค์กรอิสระควบคุมดูแลเอง

วันนี้ (1 เม.ย.) มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์จัดเวทีเสวนา “ปัญหาพลังงาน...ทำไมจึงกลายเป็นปัญหาของท้องถิ่น” ในวาระครบรอบ 20 ปี ณ ห้องประชุม 1 อาคารวิจัย มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์

นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา เผยในหัวข้อเสวนามองโลก มองเรา มองทางออก : การเคลื่อนของ (องค์กร) พลังงานโลก กับผลกระทบต่อวิถีท้องถิ่น ว่า เมื่อแร่และปิโตรเลียมเป็นของรัฐ ก็ควรนำมาเป็นประโยชน์ของประชาชน แต่ที่มีประชาชนกำลังเดือดร้อนในเรื่องพลังงานนั้น เป็นเพราะว่ารัฐไทยไม่ได้ทำประโยชน์ในเรื่องของพลังงานให้ประชาชน

 
“เราก้าวข้ามความเป็นสีเป็นพรรค รัฐไทยไม่ว่าจะเปลี่ยนจากไทยรักไทยมาเป็นประชาธิปัตย์ ทิศทางการบริหารด้านพลังงานเหมือนกันหมด ไม่ว่ารัฐประหาร ไม่ว่าเลือกตั้ง การกำหนดนโยบายด้านพลังงานเหมือนกันหมด ตลอดระยะเวลา 30 -40 ปี ทิศทางการบริหารด้านทรัพยากรด้านปิโตรเลียมเหมือนกันหมด และเนื้อแท้ไม่ได้ต่างกัน ปัญหาเรื่องความไม่เป็นธรรมในเรื่องพลังงาน” นายคำนูน กล่าวต่อและว่า

ที่มีการสรุปด้านข้อเท็จจริงที่ประชาชนส่วนใหญ่อาจยังไม่รู้ในเรื่องพลังงานมีหลายประเด็น คือ

1.คนไทยซื้อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติต่อลิตรแพงกว่าอเมริกา

2. ไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันลำดับต้นๆ มา 10 ปี แล้ว มูลค่าการส่งออกน้ำมันมากกว่าการส่งออกข้าว

3. ค่าสัมปทานการขุดเจาะปิโตรเลียมขอไทยถูกมากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ

4. ต้นทุนการขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียมในประเทศไทยถูกมากกว่าประเทศอื่น แต่ประเทศไทยกลับได้รับผลตอบแทนน้อยกว่าประเทศอื่น

5.ผลประโยชน์ตกอยู่กับท้องถิ่นน้อยกว่าควรจะเป็น เช่น ค่าภาคหลวงซึ่งน้อยมาก

6.ประเทศไทยไม่เคยจัดทำข้อมูลสำรวจพลังงานด้วยตนเอง มีแต่รับข้อมูลที่ต่างชาติมาสำรวจ ทั้งที่แม้แต่กัมพูชายังมีการจ้างบริษัทมาเป็นที่ปรึกษาของรัฐในการสำรวจข้อมูล

7.ทิศทางทุกรัฐบาลคิดเหมือนกันหมดในการกำหนดทิศทางพลังงาน และเป็นคนกลุ่มเดียวกัน เช่น นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่กำหนดทิศทางพลังงานของเรา การแก้ไขกฎหมายพลังงานที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนมากขึ้น คือ สมัย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งกฎหมายให้อำนาจรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานมากขึ้น ซึ่งสมัยนั้นก็คือ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์

 
“คือไม่ว่าจะรัฐบาลไหน เขาคิดเหมือนกันหมด นี่คือข้อเท็จจริงที่รัฐไม่เคยเผยแพร่ให้ทราบ ปตท.มีผลกำไรมหาศาล แต่ผลประโยชน์ตกในกลุ่มการเมือง และรัฐไม่พูดเรื่องนี้ สื่อกระแสหลักพูดถึงเรื่องนี้น้อยมาก เพราะแม้สื่อเป็นอิสระจากรัฐ สื่อไม่เป็นอิสระจากนายทุน อย่าง ปตท.เป็นบริษัทที่มีงบด้านสื่อเยอะมาก” นายคำนูน กล่าวต่อและว่า

ปิโตรเลียมเป็นของรัฐ แร่เป็นของรัฐ และรัฐควรทำเพื่อประชาชน แต่ในข้อเท็จจริงเราไม่สามารถไว้วางใจรัฐได้เลย รัฐทำเพื่อกลุ่มทุน รัฐไทยเราเป็นรัฐทุนนิยมเสรี และก็บอกว่าคือความเจริญ แต่ในทางปฏิบัติแล้ว มันไม่ใช่สำหรับชุมชนท้องถิ่น เมื่อรัฐเป็นรัฐที่ไม่ได้ทำประโยชน์เพื่อประชาชนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน และเราไม่สามารถไว้วางใจได้ว่า รัฐเป็นตัวแทนของประชาชน แม้ปิโตรเลียม และแร่จะเป็นของรัฐ แต่ทุกอย่างไม่ได้เอื้อแก่ประชาชน ปิโตรเลียม และแร่จึงไม่ต่างกับการเป็นของกลุ่มทุนข้ามชาติ ประเทศเราเป็นประชาธิปไตยของนายทุน

“ผมขอเสนอว่า ในปฏิญญาที่เขียนกัน เราจะต้องเรียกร้องให้มีการแก้ไขหลักการสำคัญในการใช้แร่ และปิโตรเลียมว่า กำหนดให้เป็นทรัพยากรของชาติ และสาธารณะ โดยมีองค์กรอิสระในการควบคุมดูแลให้เกิดประโยชนสูงสุดแก่ประชาชนเป็นสำคัญ และผมขอให้ตัวแทนของท่านที่จะเข้าไปเป็น ส.ส.ร.ให้เขารับปากกับท่านว่าเขาจะสู้เพื่อท่าน เพราะมันเกี่ยวกับคุณ เกี่ยวกับทุกคน” นายคำนูนกล่าว