xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

แก้รธน. GAME OVER “แม้ว” เคาะรายมาตรา “เป็ดเหลิม”ชง 5 ข้อเสนอ โละศาลปกครอง-ศาลรธน.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์- มือกฎหมายชั้นครูที่ขายชีวิตให้กับ นช.ทักษิณ ชินวัตร คงจะยอมรับกันแล้วว่า การดันทุรังแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับด้วยการทำประชามติโอกาสประสบความสำเร็จนั้นเลือนรางเต็มที เพราะต้องใช้เวลานานพอสมควร ซึ่งนั่นย่อมไม่ทันใจสัมภเวสีที่เร่ร่อนให้ทาสเงินคอยบินไปเลียขนหน้าแข้งถึงต่างประเทศ เช่นเดียวกับการเดินหน้าโหวตวาระ 3 อันล่อแหลมต่อการถูกยุบพรรคและตัดสิทธิทางการเมือง

ดังนั้น หวยล่าสุดน่าจะออกที่การแก้รายมาตราอันจะประหยัดเวลาและเข้าเป้าตรงประเด็น ที่สำคัญคือไม่สุ่มเสี่ยงที่จะกระทบต่อการดำรงอยู่ของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรที่จำเป็นต้องประคับประคองให้อยู่รอดต่อไป

ทั้งนี้ ในความเป็นจริงแล้ว การแก้รัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรามีความชัดเจนเป็นลำดับนับตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อวันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม 2555 ที่ผ่านมา ทั้งจากความเห็นของ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้สำเร็จราชการแทนนายกรัฐมนตรี และขุนค้อนปลอมตราดูไบ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เพียงแต่อาจไม่เป็นที่ถูกใจแกนนำเสื้อแดงที่กระเหี้ยนกระหือรือด้วยความเชื่อมั่นในระบบพวกมากลากไป

กระทั่งมีความชัดเจนมากเป็นลำดับเมื่อผู้เฒ่าวังน้ำเย็น-นายเสนาะ เทียนทอง ประธานพรรคเพื่อไทยหอบหิ้วป้าอุไรวรรณ เทียนทอง ภรรยาสุดที่รักบินไปอวยพรวันเกิดนายใหญ่ที่ฮ่องกงเมื่อวันที่ 19-20 ก.ค.ที่ผ่านมา ด้วยการเปิดเผยว่า นช.ทักษิณไม่ติดใจคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและปรารถนาที่จะแก้เป็นรายมาตราเสียมากกว่า

ทั้งนี้ นายเสนาะระบุว่า มีโอกาสร่วมรับประทานอาหารค่ำพร้อมพูดคุย เรื่องทั่วๆ ไปกันประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลว่าไม่ได้ติดใจอะไรเมื่อไม่แก้ก็ไม่แก้ ไม่เป็นไร ปล่อยให้รัฐบาลบริหารงานไปตามกรอบที่มีอยู่ ในเมื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านการพิจารณาของสภาฯ มาถึงวาระ 2 จะเข้าสู่วาระ 3 เมื่อเดินต่อไปไม่ได้ก็ปล่อยให้คาไว้ ไม่อายชาวโลกก็ไม่เป็นไร ในเมื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกมายังไงก็ว่าไปตามนั้น

“พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่า รัฐบาลต้องร่วมกันคิดว่าจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป ในเมื่อทางออกอยู่ที่การแก้ไขในแต่ละมาตรา หรือทีละมาตราก็ทำกันไปเรื่อยๆ เลือกตั้งกี่ครั้งพรรคเพื่อไทยก็กลับมาเป็นรัฐบาล เพราะฉะนั้นก็แก้กันไปเรื่อยๆ เพียงแต่เราอย่าไปฟื้นฝอยหาตะเข็บ ปล่อยให้เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย ซึ่งผมก็เห็นด้วย อะไรก็ได้ไม่ติดใจ ขอให้ประเทศชาติบ้านเมืองเดินไปข้างหน้า"

ชัดเจนยิ่งว่า เหตุที่ นช.ทักษิณถอยแล้วถอยอีกจนไม่เป็นที่พอใจของคนเสื้อแดงก็เพราะต้องการรักษารัฐบาลยิ่งลักษณ์ให้อยู่ครบเทอมให้ได้

จากนั้น ความชัดเจนก็แจ่มชัดขึ้นเป็นคำรบที่สอง เมื่อผู้สำเร็จราชการแทนนายกรัฐมนตรี นกรู้ทางการเมืองไทย “ดร.เป็ดเยสโนโอเค” เฉลิม อยู่บำรุง กางตำรากฎหมายที่ได้ร่ำเรียนมาจนเป็นดอกเตอร์กระโดดรับลูกนายเสนาะด้วยการแลบลิ้นยกย่องเชิดนายใหญ่ว่า “นช.ทักษิณอยู่กับการเมืองมานาน วิเคราะห์สถานการณ์รอบคอบ จึงมีความเห็นเช่นนั้น ซึ่งการแก้ไขรายมาตรา แก้ได้ง่าย อะไรที่ยาก และจะเกิดความขัดแย้ง ก็อย่าไปทำ” พร้อมทั้งสาธยายถึงข้อกฎหมายที่จะแก้ ทีละข้อทีละข้อ รวมแล้วทั้งหมด 5 ข้อด้วยกัน ประกอบด้วย

หนึ่ง-สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)ต้องมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด

สอง- ยกเลิกผู้ตรวจการแผ่นดิน

สาม-ควบรวมศาลไปเป็นแผนกในศาลฎีกา โดยเมื่อมีคดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรัฐธรรมนูญ คดีปกครอง ศาลฎีกา ให้คัดเลือกตุลาการ 9 คน เพื่อมาทำหน้าที่องค์คณะ

สี่-คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง ไม่ควรมีอำนาจให้ใบเหลือง ใบแดง

และ ห้า-คณะกรรมการป้องกันและปราบกรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกกต. ต้องมาจากการคัดเลือกของรัฐสภา มีอายุดำรงตำแหน่ง 4 ปี เนื่องจากเป็นตำแหน่งสำคัญ ดังนั้น จึงต้องคัดเลือกโดยตัวแทนของประชาชน

นี่คือธงที่ชัดเจนของพรรคเพื่อไทยและนช.ทักษิณ เพราะประเด็นเหล่านี้ถูกหยิบยกขึ้นมาบอกกล่าวกับสังคมเป็นระยะๆ เพียงแต่ที่ผิดคาดก็คือ เป็ดเหลิมฉลาดพอที่จะไม่พูดถึงเรื่องมาตรา 309 เพราะรู้อยู่เต็มอกว่า เป็นประเด็นที่หยิบขึ้นมาเมื่อไหร่ย่อมเกิดผลสั่นสะเทือนถึงการดำรงอยู่ของรัฐบาลเมื่อนั้น

ส่วนนายกฯ นกแก้ว คงไม่ต้องไม่สอบถามความเห็นอะไรให้วุ่นวาย ปล่อยให้เดินสายไปต่างประเทศเพื่อไปชอปปิงให้สบายใจเฉิบเสียยังจะมีประโยชน์มากกว่า เพราะทุกคำถามจะได้รับคำตอบเหมือนเดิม ครั้งนี้ก็เช่นกัน เพราะนางสาวยิ่งลักษณ์ท่องคำตอบเอาไว้เรียบร้อยแล้วว่า “ต้องมีการพูดคุยกันในสภา เพราะมติต้องมาจากการโหวตของสภาผู้แทนราษฎร ว่ามติแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญที่ค้างอยู่ในวาระ 3 จะเป็นอย่างไร”

อย่างไรก็ตาม หากนำข้อเสนอของ ร.ต.อ.เฉลิมมาวิเคราะห์ทีละข้อก็จะเห็นถึงเป้าหมายที่สำคัญยิ่งว่า นช.ทักษิณ รัฐบาลยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยมีเป้าประสงค์ในการลดทอนอำนาจบรรดาองค์กรตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ โดยแก้กฎหมายให้มาอยู่ภายใต้การชี้นิ้วสั่งการของฝ่ายนิติบัญญัติ เนื่องเพราะไม่สามารถควบคุมองค์กรเหล่านี้ได้

กรณีของศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครองคือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด เพราะเป็นองค์กรที่ระบอบทักษิณแสดงความอาฆาตมาดร้ายมานานปี เนื่องเพราะกระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐไทยใหม่ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วองค์กรเหล่านี้ก่อให้เกิดประโยชน์และคุณูปการกับสังคมไทยอย่างมาก

เช่นเดียวกับ ป.ป.ช.ซึ่งเป็นองค์กรที่ถือเป็นศัตรูกับผู้ที่กระทำผิดคิดร้ายต่อชาติบ้านเมือง และ ก.ก.ต.ที่ ร.ต.อ.เฉลิมต้องการให้การคัดเลือกผู้มาดำรงตำแหน่งดังกล่าวอยู่ภายใต้การชี้นิ้วสั่งการของรัฐสภา โดยอ้างว่าได้รับฉันทามติจากประชาชน

แต่คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ ถ้า ป.ป.ช.หรือ กกต.แต่งตั้งโดยรัฐสภาตามที่ ร.ต.อ.เฉลิมต้องการแล้วองค์กรเหล่านี้จะมีความกล้าหาญพอที่จะจัดการกับนักการเมืองและข้าราชการที่คิดคดทรยศต่อชาติบ้านเมืองหรือ

ยิ่งเมื่อย้อนกลับไปดูคุณสมบัติและความสำนึกรับผิดชอบชั่วดีของ ส.ส.จำนวนไม่น้อยแล้ว ก็ยิ่งไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

บ้านเมืองจะมิยิ่งพินาศฉิบหายหนักไปกว่าเก่าหรือ

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า ระบบการคานอำนาจที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน องค์กรอย่างศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ป.ป.ช.หรือแม้กระทั่ง กกต.ที่ดูเหมือนจะมีข้อครหาอยู่บ้าง ก่อให้เกิดประโยชน์กับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างอเนกอนันต์ ขณะที่รัฐสภา โดยเฉพาะ ส.ส.ที่ ร.ต.อ.เฉลิมต้องการให้เป็นผู้กำกับดูแลองค์กรเหล่านี้ เคยทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติบ้าง

อย่าว่า แต่ ส.ส.ธรรมดาเลย ขนาดนายกรัฐมนตรียังมิได้ให้ความสำคัญกับการประชุมสภาเลยแม้แต่น้อย แล้วอย่างนี้จะเอาองค์กรเหล่านี้ไปให้รัฐสภาคัดเลือกหรือ

หรือ ร.ต.อ.เฉลิมต้องการใช้ระบบพวกมากลากไปปกครองบ้านนี้เมืองนี้

ขณะที่การขับเคลื่อนร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง พ.ศ.....ที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน นำเสนอและขณะนี้ยังค้างคาอยู่ในสภานั้น ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พรรคเพื่อไทยและนช.ทักษิณจะสั่งให้เดินหน้าอย่างไม่ฟังอีร้าค่าอีรม เพราะนั่นเป็นอีกหนึ่งที่จะทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์อยู่ได้ไม่นาน เนื่องจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศชัดเจนแล้วว่า ถ้าหากมีการนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาอีกครั้งหลังเปิดประชุมในวันที่ 1 สิงหาคม 2555 นี้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะจัดให้มีการชุมนุมใหญ่โดยทันทีและพร้อมเคลื่อนมวลชนไปในสถานที่ต่างๆ จนกว่าจะมีการถอนร่างพระราชบัญญัติปรองดองแห่งชาติออกจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร

แน่นอน ถ้าหากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ต้องการถอดสลักระเบิดเพื่อมิให้รัฐบาลพินาศ ก็จำเป็นที่จะต้องเร่งจัดการถอน ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองออกโดยด่วน มิใช่มาอ้างให้เหม็นขี้ฟันว่า เป็นเรื่องของสภา มิใช่เรื่องของรัฐบาล ทั้งๆ ที่คนทั้งประเทศรู้อยู่เต็มอกว่า รัฐบาลกับสภาที่มีพรรคเพื่อไทยครองเสียข้างมากอยู่นั้น เป็นพวกเดียวกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น