ASTVผู้จัดการรายวัน-เงินเฟ้อครึ่งปี 55 สูงขึ้น 2.95% คาดจากนี้ไปไม่น่าห่วง หลังสินค้าราคาทรงตัวและลดลง มั่นใจทั้งปีอยู่ในเป้า 3.3-3.8% อาจทำได้ 3.5% ด้วยซ้ำ ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขยับขึ้นเล็กน้อย
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือนมิ.ย. เท่ากับ 115.42 สูงขึ้น 0.16% เมื่อเทียบกับเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา สูงขึ้น 2.56% เทียบกับเดือนมิ.ย.ปีก่อน โดยมีสินค้าที่ใช้คำนวณเงินเฟ้อ สูงขึ้น 165 รายการ ไม่เปลี่ยนแปลง 159 รายการ และลดลง 93 รายการ ส่วนเงินเฟ้อเฉลี่ย 6 เดือนของปี 2555 (ม.ค.-มิ.ย.) สูงขึ้น 2.95% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน
สาเหตุที่เงินเฟ้อเดือนมิ.ย. สูงขึ้น 2.56% มาจากการสูงขึ้นของดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่ม 4.72% โดยดัชนีราคาหมวดข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้งสูงขึ้น 2.49% ปลาและสัตว์น้ำ สูงขึ้น 3.94% ไข่และผลิตภัณฑ์นม สูงขึ้น 1.59% ผักและผลไม้สูงขึ้น 14.45% เครื่องประกอบอาหาร สูงขึ้น 4.48% เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 2.85% และอาหารสำเร็จรูป สูงขึ้น 4.95%
ส่วนดัชนีราคาหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 1.17% จากการสูงขึ้นของหมวดเคหสถาน 3.42% หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล สูงขึ้น 1.09% หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า สูงขึ้น 0.96% หมวดยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 0.59% และหมวดบันเทิงการอ่านการศึกษาและการศาสนา สูงขึ้น 0.58% ส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง 3.15%
สำหรับสาเหตุที่เงินเฟ้อ 6 เดือน เฉลี่ยสูงขึ้น 2.95% มาจากดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 6.03% สินค้าสำคัญที่สูงขึ้น ได้แก่ ข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง สูงขึ้น 2.56% เป็ดไก่ สัตว์น้ำ สูงขึ้น 3.58% ไข่และผลิตภัณฑ์นม สูงขึ้น 1.21% ผักและผลไม้ สูงขึ้น 9.84% เครื่องประกอบอาหาร สูงขึ้น 7.95% อาหารสำเร็จรูป สูงขึ้น 7.45% ส่วนดัชนีราคาหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น
1.03% จากสินค้าน้ำมันเชื้อเพลิง ที่สูงขึ้น 0.24%
“แนวโน้มเงินเฟ้อจากนี้ไป น่าจะอยู่ในระดับเดียวกันกับเดือนนี้ และคิดว่าไม่น่าเป็นห่วงเหมือนที่ผู้เชี่ยวชาญหลายๆ คนห่วง เพราะขณะนี้สินค้ากลุ่มอาหารสดเริ่มปรับตัวลดลงตามฤดูกาล สินค้าอื่นๆ ไม่ปรับเพิ่มขึ้นตามมาตรการขอความร่วมมือของกระทรวงพาณิชย์ และแนวโน้มราคาน้ำมันก็ลดลง ทำให้เงินเฟ้อทั้งปีจะอยู่ในกรอบ 3.3-3.8% แน่นอน และที่น่าเป็นไปได้มากที่สุด คือ 3.5%”นายยรรยงกล่าว
นายยรรยงกล่าวถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเดือนมิ.ย.2555 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวม เท่ากับ 27.6 สูงขึ้นจากเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 27.4 ดัชนีความเชื่อมั่นในปัจจุบัน เท่ากับ 20.9 เพิ่มขึ้นจาก 18.5 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคต เท่ากับ 32.1 ลดลงจาก 33.4 และดัชนีความเชื่อมั่นรายได้ในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) เท่ากับ 46.3 ลดลงจาก 51.2
ปัจจัยบวกที่ทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสูงขึ้น ได้แก่ ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง คณะรัฐมนตรี (ครม.) ขยายมาตรการลดค่าครองชีพ ขยายเวลาลดอัตราภาษีสรรพสามิตดีเซลออกไปอีก 1 เดือน และขยายเวลาคุ้มครองเงินฝาก 50 ล้านบาท รวมทั้งยังได้รับผลดีจากโครงการโชห่วยช่วยชาติ ที่ช่วยลดค่าครองชีพ และการแข่งขันฟุตบอลยูโร ที่ทำให้มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เป็นต้น ส่วนปัจจัยลบ ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวน การผ่อนปรนมาตรการช่วยเหลือด้านพลังงาน และความวิตกกังวลเกี่ยวกับภัยธรรมชาติ
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือนมิ.ย. เท่ากับ 115.42 สูงขึ้น 0.16% เมื่อเทียบกับเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา สูงขึ้น 2.56% เทียบกับเดือนมิ.ย.ปีก่อน โดยมีสินค้าที่ใช้คำนวณเงินเฟ้อ สูงขึ้น 165 รายการ ไม่เปลี่ยนแปลง 159 รายการ และลดลง 93 รายการ ส่วนเงินเฟ้อเฉลี่ย 6 เดือนของปี 2555 (ม.ค.-มิ.ย.) สูงขึ้น 2.95% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน
สาเหตุที่เงินเฟ้อเดือนมิ.ย. สูงขึ้น 2.56% มาจากการสูงขึ้นของดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่ม 4.72% โดยดัชนีราคาหมวดข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้งสูงขึ้น 2.49% ปลาและสัตว์น้ำ สูงขึ้น 3.94% ไข่และผลิตภัณฑ์นม สูงขึ้น 1.59% ผักและผลไม้สูงขึ้น 14.45% เครื่องประกอบอาหาร สูงขึ้น 4.48% เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 2.85% และอาหารสำเร็จรูป สูงขึ้น 4.95%
ส่วนดัชนีราคาหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 1.17% จากการสูงขึ้นของหมวดเคหสถาน 3.42% หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล สูงขึ้น 1.09% หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า สูงขึ้น 0.96% หมวดยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 0.59% และหมวดบันเทิงการอ่านการศึกษาและการศาสนา สูงขึ้น 0.58% ส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง 3.15%
สำหรับสาเหตุที่เงินเฟ้อ 6 เดือน เฉลี่ยสูงขึ้น 2.95% มาจากดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 6.03% สินค้าสำคัญที่สูงขึ้น ได้แก่ ข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง สูงขึ้น 2.56% เป็ดไก่ สัตว์น้ำ สูงขึ้น 3.58% ไข่และผลิตภัณฑ์นม สูงขึ้น 1.21% ผักและผลไม้ สูงขึ้น 9.84% เครื่องประกอบอาหาร สูงขึ้น 7.95% อาหารสำเร็จรูป สูงขึ้น 7.45% ส่วนดัชนีราคาหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น
1.03% จากสินค้าน้ำมันเชื้อเพลิง ที่สูงขึ้น 0.24%
“แนวโน้มเงินเฟ้อจากนี้ไป น่าจะอยู่ในระดับเดียวกันกับเดือนนี้ และคิดว่าไม่น่าเป็นห่วงเหมือนที่ผู้เชี่ยวชาญหลายๆ คนห่วง เพราะขณะนี้สินค้ากลุ่มอาหารสดเริ่มปรับตัวลดลงตามฤดูกาล สินค้าอื่นๆ ไม่ปรับเพิ่มขึ้นตามมาตรการขอความร่วมมือของกระทรวงพาณิชย์ และแนวโน้มราคาน้ำมันก็ลดลง ทำให้เงินเฟ้อทั้งปีจะอยู่ในกรอบ 3.3-3.8% แน่นอน และที่น่าเป็นไปได้มากที่สุด คือ 3.5%”นายยรรยงกล่าว
นายยรรยงกล่าวถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเดือนมิ.ย.2555 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวม เท่ากับ 27.6 สูงขึ้นจากเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 27.4 ดัชนีความเชื่อมั่นในปัจจุบัน เท่ากับ 20.9 เพิ่มขึ้นจาก 18.5 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคต เท่ากับ 32.1 ลดลงจาก 33.4 และดัชนีความเชื่อมั่นรายได้ในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) เท่ากับ 46.3 ลดลงจาก 51.2
ปัจจัยบวกที่ทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสูงขึ้น ได้แก่ ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง คณะรัฐมนตรี (ครม.) ขยายมาตรการลดค่าครองชีพ ขยายเวลาลดอัตราภาษีสรรพสามิตดีเซลออกไปอีก 1 เดือน และขยายเวลาคุ้มครองเงินฝาก 50 ล้านบาท รวมทั้งยังได้รับผลดีจากโครงการโชห่วยช่วยชาติ ที่ช่วยลดค่าครองชีพ และการแข่งขันฟุตบอลยูโร ที่ทำให้มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เป็นต้น ส่วนปัจจัยลบ ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวน การผ่อนปรนมาตรการช่วยเหลือด้านพลังงาน และความวิตกกังวลเกี่ยวกับภัยธรรมชาติ