ครม.เศรษฐกิจ รับทราบ ปชช.แบกภาระแพงทั้งแผ่นดินจริง โบ้ยปรับตามราคาพลังงาน-ปัญหามหาอุทกภัย แต่ยังไร้มาตรการช่วยเหลือ อ้างค่าครองชีพสูงถือเป็นเรื่องปกติ ยันรัฐบาลไม่มีแผนปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มอีกร้อยละ 1 ไม่ปรับเพิ่มราคาก๊าซหุงต้มครัวเรือน แต่เดินหน้าลอยตัวแอลพีจีต่อไป
วันนี้ (1 พ.ค.) ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี นัดพิเศษ นานประมาณ 2 ชั่วโมง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบให้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงผลการประชุม โดย นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญในการหารือในครั้งนี้ คือ เรื่องความเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้า และเรื่องเงินเฟ้อ ซึ่งส่วนราชการต่างๆ ได้นำข้อมูลทั้งในช่วงปลายปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันมาวิเคราะห์และมีความเห็นตรงกัน โดยยอมรับว่า ราคาสินค้าที่แพงขึ้นนั้นเป็นความจริง เพราะการที่ราคาสินค้าสูงขึ้นแสดงได้โดยตัวเลขของอัตราเงินเฟ้อ เวลาที่แสดงตัวเลขเป็นบวก เช่น เงินเฟ้อ 1% หรือ 2% หมายถึงราคาสินค้าเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นจากการเปรียบเทียบของราคาเดิม ดังนั้น การที่ราคาสินค้าแพงขึ้น ถือเป็นปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจที่ปกติ หากราคาสินค้าโดยเฉลี่ยติดลบ หรือถดถอยลงก็เป็นสัญญาไม่ดี ผู้เชี่ยวชาญที่ร่วมหารือครั้งนี้ เห็นตรงกันหากการเปลี่ยนแปลงของราคาอยู่น้อยกว่าระดับร้อยละ 2 ถ้าเทียบกับปีที่ผ่านมาถือว่าน่าเป็นห่วง แต่ถ้าราคาสินค้าสูงขึ้นจนแสดงเงินเฟ้อร้อยละ 4 ร้อยละ 5 ถือเป็นเรื่องต้องกังวลเหมือนกัน
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ช่วงน้ำท่วมปลายปี ส่งผลกระทบราคาสินค้าขยับตัวสูงขึ้นหลายหมวด เหตุเพราะติดขัดเรื่องการขนส่งต่างๆ รวมทั้งไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ราคาพลังงานในตลาดโลกขยับตัวสูงขึ้น ราคาน้ำมันที่เคยยืนระดับ 80 เหรียญ ขยายเกินร้อยละ 20 อยู่ช่วงหนึ่ง ดังนั้นการที่ราคาสินค้าจะเหวี่ยงตัวขึ้นตามภาวะต่างๆ เหล่านี้ เกิดขึ้นได้ แต่รัฐบาลได้ดำเนินการมาตรการในช่วงดังกล่าวประคองไม่ให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงของภาวะเหล่านั้น ซึ่งถือว่ารัฐบาลทำได้ผลในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม จากการติดตามข้อมูลของภาวะราคาสินค้าสำคัญหลายรายการ รวมทั้งส่วนที่เป็นความกดดัน ที่ทำให้ราคาสินค้าหรือเงินเฟ้อขยับตัวสูงขึ้นเริ่มแสดงสัญญาณคลี่คลาย ราคาสินค้าสำคัญหลายรายการอ่อนตัวลง ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ไม่ได้แพงขึ้น แต่ยอมรับเคยแพงขึ้นและมาตรการต่างๆ ของรัฐที่เข้าไปช่วยประคับประคอง ถือว่าได้ผลในระดับที่ดี พร้อมกันนี้ ขอเรียนว่า เรื่องเงินเฟ้อบางครั้งอาจไม่สามารถขจัดได้ทั้งหมด แต่จะดูแลให้ทุเลา
ด้าน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากการติดตามราคาสินค้าขณะนี้ ถ้าวัดจากดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป ณ เดือนเมษายน มีแนวโน้มที่จะลดลง แต่ยังขยายตัวปกติ หากเทียบปีชนปีอยู่ในช่วง 2.47 โดยเมื่อเดือนมีนาคมอยู่ที่ 3.45 คือ ถ้าเทียบกับคนธรรมดา คนต้องโตตามอายุ แต่ถ้าหดเมื่อไร หมายถึงเราไม่เจริญเติบโต สะท้อนเรื่องการบริโภคการจับจ่ายใช้สอบ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนเมษายน อยู่ในช่วง 2.47 ค่าเฉลี่ย 4 เดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ 3.16 ถือว่ายังอยู่ในช่วงที่กระทรวงพาณิชย์ และรัฐบาลต้องการให้เงินเฟ้อไม่เกิน 3.3-3.8 และที่น่าดีใจคือหมวดที่เป็นภาระของภาคประชาชน คือ หมวดอาหารทั้งสด และสำเร็จรูปทุกตัวมีแนวโน้มลดลง ทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ รวมทั้งราคาผักลดลง ส่วนราคาผลไม้มีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากคนไทยนิยมบริโภคสูงขึ้น ฉะนั้น หมวดอาหารรวมมีแนวโน้มขยายตัวลดลง ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ดูแลประชาชนในหมวดที่เป็นอาหาร ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เป็นพลังงาน โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นสิ่งอุปโภคบริโภค อย่าให้มีราคาที่เกินเลย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์รับไปดูแลตรงนี้ ให้เพิ่มราคาที่เป็นธรรม ประชาชนไม่เดือดร้อน พร้อมกันนี้ ได้มีศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนในสินค้าสำคัญๆ ที่มีผลต่อประชาชนโดยตรง
ด้านเลขาธิการสภาพัฒน์ กล่าวว่า จากการติดตามภาวะเศรษฐกิจเรื่องเงินเฟ้อชัดเจนในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2555 เรื่องราคาสินค้าที่ขยับตัวสูงเริ่มคลี่คลายลง หลังจากเกิดภาวะน้ำท่วมปลายปี โดยดัชนีราคาผู้บริโภคอยู่ที่ 3.4 หากรวมเดือนเมษายนนี้ด้วยอยู่ที่ 3.2 ซึ่งเป้าหมายของเราอยู่ที่ประมาณ 3.4 ถือว่าอยู่ในภาวะที่ปกติ ส่วนการติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ ถือว่าฟื้นตัวโดยลำดับหลังจากภาวะน้ำท่วม ซึ่งดูจากตัวเลขการส่งออกแม้ 3 เดือนแรก ดอลลาร์จะติดลบ 4 % แต่ช่วงเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมจะกลับมา 80-90% ดังนั้น แง่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไม่น่าจะมีปัญหา
ส่วนสถานการณ์ท่องเที่ยวถือว่าฟื้นตัวเร็วกว่าปกติ ซึ่งปีที่แล้ว 3 เดือนแรก มีนักท่องเที่ยวประมาณ 5.3 ปีนี้เพิ่มขึ้น 5.7 เช่นเดียวกับผลผลิตภาคการเกษตร คาดว่า จะดีขึ้น ไม่น่ามีปัญหา เรียกว่า แง่วัตถุดิบไม่มีปัญหา ดังนั้น เราจะสามารถสร้างมูลค่าวัตถุดิบ แปรรูปสินค้าเกษตรใช้บริโภคในประเทศและการส่งออกอย่างไร
ส่วนเรื่องการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือภาษีนิติบุคคลเป็นไปตามเป้าหมาย และการเบิกจ่ายมีการเร่งตัวมาโดยลำดับ ดังนั้น ช่วง 3 เดือนแรกภาวการณ์ผลิตไม่น่ามีปัญหา ซึ่งคงต้องรอทางสภาพัฒน์ฯแถลงตัวเลขในวันที่ 20 พ.ค.นี้ด้วย
นายกิตติรัตน์ กล่าวชี้แจงกรณีที่บุคคลสำคัญๆ ออกมาเกริ่นไม่เห็นด้วยกับการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มอีกร้อยละ 1 ว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้อยู่ในแผนงานใดๆ ของรัฐบาลที่จะไปปรับอัตราภาษี ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องไม่เห็นด้วยกับการปรับภาษีมูลค่าเพิ่ม เพราะไม่อยู่ในแผน รวมถึงกรณีที่บางท่านไม่เห็นด้วยกับการขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม ตรงนี้ขอเรียนว่า ทางกระทรวงพลังงาน ไม่มีแผนปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน และจะดูแลระดับราคานี้ต่อไป พร้อมกันนี้ ขอเรียนว่า ราคาก๊าซหุงต้มที่จำหน่ายในบ้านเรามีราคาที่ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีกำลังซื้อมากกว่าเรา ทั้งนี้ เราให้ความสำคัญในการดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องไม่เห็นด้วย เพราะไม่มีแผนปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน ส่วนการลอยตัวแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมนั้น เป็นนโยบายซึ่งดำเนินการมาแล้ว และจะดำเนินต่อไป มั่นใจว่า ภาคอุตสาหกรรมสามารถรับได้ เพราะการที่จะซื้อวัตถุดิบในราคาที่เป็นไปตามกลไกตลาดนั้นเป็นเรื่องของนักธุรกิจอยู่แล้ว
ด้าน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ จากการชี้แจงข้อมูล พบว่า ตัวเลขเงินเฟ้ออยู่ในอัตราที่สามารถดูแลได้ในขณะนี้ไม่มีอะไรที่ส่อไปในทางที่ไม่ปกติ และการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าอยู่ในช่วงที่สามารถดูแลได้อยู่พร้อมยืนยันกระทรวงพาณิชย์จะดูแลเรื่องราคาสินค้าผู้บริโภคให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด และไม่ให้มีเหตุการณ์ใดที่จะทำให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายไว้ และยืนยันเหตุการณ์การปรับราคาสินค้าอยู่ในสภาวะที่ไม่มีอะไรผิดปกติ ยังถือว่าปกติอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น ผู้สื่อข่าวพยายามจะซักถามว่า เหมือนกับการประชุมด่วนครั้งนี้ รัฐบาลไม่ได้มีมาตรการเฉพาะหน้าช่วยเหลือประชาชน ที่ต้องแบกรับภาระสินค้าราคาแพง เป็นเพียงการวิเคราะห์สถานการณ์ให้นายกฯฟังเท่านั้น ปรากฏว่า นายกิตติรัตน์ ได้พยายามลุกออกจากโต๊ะแถลงข่าว โดยอ้างว่า มีภารกิจต่อ ขณะที่ผู้สื่อข่าวพยายามถามว่า ไม่เปิดโอกาสให้ถามต่อหรือ ซึ่ง นายกิตติรัตน์ ยังคงยืนยันมีภารกิจ ขณะที่นายบุญทรง พยายามกวักมือเรียกให้ นายกิตติรัตน์ มาตอบคำถามสื่อ แต่ นายกิตติรัตน์ ก็เดินออกจากห้องไปทันที พร้อมกับบอกให้ นายบุญทรง ตอบ