ธอส.ยื่นขอซอฟท์โลนแบงก์ชาติเพิ่มอีก 1.4 หมื่นล้าน หลังโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม 3% 5 ปี ล็อตแรก 9 พันล้านบาทหมดเกลี้ยงภายใน 3 วัน พร้อมควักกระเป๋าเพิ่มอีก 6 พันล้าน หนุนปล่อยกู้รอบ 2 มีวงเงินสูงถึง 2 หมื่นล้านบาทรองรับความต้องการของประชาชนได้อย่างทั่วถึง
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่า หลังจากธนาคารได้เปิดตัวโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยดอกเบี้ยคงที่ 3% เป็นเวลา 5 ปี วงเงิน 9 พันล้านบาท โดยใช้เงินซอฟท์โลนของธนาคารแห่งประเทศไทยในสัดส่วน 70% และเงินของธนาคาร 30% ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก และหมดลงในเวลาเพียง 3 วัน และมีผู้เข้าคิวสำรองขอกู้เงินอีก 5 พันล้านบาท
ดังนั้น ธนาคารจึงได้ส่งเรื่องไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อขอเงินซอฟท์โลนเพิ่มเติม อีก 14,000 ล้านบาท เพื่อนำมารวมกับเงินของธนาคารอีก 6 พันล้านบาท เพื่อจะสามารถนำมาปล่อยกู้ให้กับประชาชนเพิ่มเติมได้อีก 2 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการที่มีอยู่จำนวนมาก เพราะลูกค้าธนาคารที่ได้รับความเดือนร้อนจากอุทกภัยมีจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอคำตอบจากธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่
"ตอนนี้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ส่งเรื่องไปที่แบงก์ชาติเพื่อขอเงินซอฟท์โลนที่ตามติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้ให้วงเงินเพื่อแก้ปัญหาและเยียวยาอุทกภัยไว้ถึง 3 แสนล้านบาท แต่ไม่ค่อยมีธนาคารพาณิชย์รายใดเข้ามาขอซอฟท์โลนเพื่อปล่อยสินเชื่อในส่วนนี้มากนัก เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาและเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภัยน้ำท่วมในปีที่ผ่านมาธนาคารอาคารสงเคราะห์จึงเข้ามาดำเนินการในส่วนนี้เพื่อขยายความช่วยเหลือไปยังประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนมากขึ้น" นายวรวิทย์กล่าว
นายวรวิทย์กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป กรมธนารักษ์จะมีการประกาศใช้ราคาที่ดินประเมินใหม่ ซึ่งราคาจะปรับขึ้นเฉลี่ยประมาณ 20% และคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยในภาพรวมพอสมควร เพราะราคาบ้านที่ปรับสูงขึ้นจะมีผลต่ออัตราการผ่อนชำระในแต่ละงวด ซึ่งอาจทำให้ลูกค้าบางส่วนได้สินเชื่อยากขึ้น หรือ อาจต้องปรับลดราคาบ้านที่จะซื้อลงมาให้สอดคล้องกับเงินเดือน แต่ในส่วนของธอส.นั้นได้มีการปล่อยกู้ 100% ของราคาประเมิน และปล่อยกู้ยาวถึงอายุ 70 ปี ซึ่งก็น่าจะมีส่วนช่วยให้ประชาชนสามารถขอสินเชื่อได้ไม่ยากนัก
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่า หลังจากธนาคารได้เปิดตัวโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยดอกเบี้ยคงที่ 3% เป็นเวลา 5 ปี วงเงิน 9 พันล้านบาท โดยใช้เงินซอฟท์โลนของธนาคารแห่งประเทศไทยในสัดส่วน 70% และเงินของธนาคาร 30% ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก และหมดลงในเวลาเพียง 3 วัน และมีผู้เข้าคิวสำรองขอกู้เงินอีก 5 พันล้านบาท
ดังนั้น ธนาคารจึงได้ส่งเรื่องไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อขอเงินซอฟท์โลนเพิ่มเติม อีก 14,000 ล้านบาท เพื่อนำมารวมกับเงินของธนาคารอีก 6 พันล้านบาท เพื่อจะสามารถนำมาปล่อยกู้ให้กับประชาชนเพิ่มเติมได้อีก 2 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการที่มีอยู่จำนวนมาก เพราะลูกค้าธนาคารที่ได้รับความเดือนร้อนจากอุทกภัยมีจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอคำตอบจากธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่
"ตอนนี้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ส่งเรื่องไปที่แบงก์ชาติเพื่อขอเงินซอฟท์โลนที่ตามติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้ให้วงเงินเพื่อแก้ปัญหาและเยียวยาอุทกภัยไว้ถึง 3 แสนล้านบาท แต่ไม่ค่อยมีธนาคารพาณิชย์รายใดเข้ามาขอซอฟท์โลนเพื่อปล่อยสินเชื่อในส่วนนี้มากนัก เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาและเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภัยน้ำท่วมในปีที่ผ่านมาธนาคารอาคารสงเคราะห์จึงเข้ามาดำเนินการในส่วนนี้เพื่อขยายความช่วยเหลือไปยังประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนมากขึ้น" นายวรวิทย์กล่าว
นายวรวิทย์กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป กรมธนารักษ์จะมีการประกาศใช้ราคาที่ดินประเมินใหม่ ซึ่งราคาจะปรับขึ้นเฉลี่ยประมาณ 20% และคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยในภาพรวมพอสมควร เพราะราคาบ้านที่ปรับสูงขึ้นจะมีผลต่ออัตราการผ่อนชำระในแต่ละงวด ซึ่งอาจทำให้ลูกค้าบางส่วนได้สินเชื่อยากขึ้น หรือ อาจต้องปรับลดราคาบ้านที่จะซื้อลงมาให้สอดคล้องกับเงินเดือน แต่ในส่วนของธอส.นั้นได้มีการปล่อยกู้ 100% ของราคาประเมิน และปล่อยกู้ยาวถึงอายุ 70 ปี ซึ่งก็น่าจะมีส่วนช่วยให้ประชาชนสามารถขอสินเชื่อได้ไม่ยากนัก