ASTVผู้จัดการรายวัน - สื่อจีน ซัดนักวิทยาศาสตร์ไทย เมินความมั่นคงประเทศ-ภูมิภาค หวังแต่ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์จากนาซา จึงสนับสนุนโครงให้นาซาอู่ตะเภาสำรวจสภาพอากาศ ส่วนสื่อนอก! ชี้ รบ.ปูยืดยาด ทำนาซ่าทนรอไม่ไหว แถลงยุติงานวิจัยในไทย ด้าน “มาร์ค รับท้า “สุกำพล”ดีเบตปมโจรกรรม จี้รัฐบาลจับตาปฏิกิริยาจีนให้รอบคอบ
วานนี้ (28 มิ.ย.55) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ขององค์การนาซา ระบุหน้า SEAC4RS ว่า ในวันที่ 26 มิ.ย. 2012 นาซาได้ยกเลิกโครงการศึกษาความสัมพันธ์ขององค์ประกอบเมฆ และสภาพอากาศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่กำหนดจะเริ่มดำเนินการในเดือน ส.ค. เนื่องจากไม่ได้รับการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ของไทยในช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งเอื้อแก่การดำเนินโครงการ ทั้งการขนส่งอุปกรณ์ และการสำรวจทางวิทยาศาสตร์
**ทูตสหรัฐย้ำนาซ่าหยุดงานวิจัยแล้ว
จากนั้นนายชาญนริศ บุญพารอด ผู้ช่วยโฆษกสถานทูตสหรัฐอเมริกา ได้ส่งหนังสือชี้แจงว่า องค์การนาซาไม่สามารถดำเนินการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในปี 2555 นี้ได้ เนื่องจากไม่มีเวลามากพอที่จะเตรียมพร้อมสำหรับสำรวจสภาพอากาศ และบรรยากาศซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายนเท่านั้น
สำหรับโครงการ The Southeast Asia Composition, Cloud, Climate Coupling Regional Study (SEAC4RS) เน้นการวิจัยศึกษาปรากฏการณ์ในชั้นบรรยากาศ ที่เกิดขึ้นตามฤดูกาลในภูมิภาคนี้ ซึ่งจะเกิดขึ้นช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายนเท่านั้น ดังนั้น โครงการจะมีขึ้นได้ ก็ต้องเริ่มต้นช่วงกลางเดือนสิงหาคมของปี 2555 นาซาต้องการเวลาที่พอเพียง ในการตระเตรียมรายละเอียดของโครงการต่างๆ อาทิ การขนส่งเครื่องมือจากทวีปอเมริกาเหนือ การตระเตรียมโรงจอดเครื่องบิน การพัฒนาห้องแล็บวิจัย และการเตรียมการสำหรับบุคลากร
เป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่โอกาสที่สำคัญของนักวิทยาศาสตร์จากทั้งนาซาและฝ่ายไทยจะได้งานร่วมกัน ในการจัดเก็บข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ต้องสูญเสียไป เพราะสำคัญต่อทั้งไทย สหรัฐฯและประเทศอื่นในภูมิภาคนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม เรา ยังคงยึดมั่นต่อพันธกรณีในความร่วมมือระหว่างไทยกับสหรัฐฯในด้านวิทยาศาสตร์ สาธารณสุข สิ่งแวดล้อมและด้านอื่นๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประชาชนของสองประเทศร่วมทั้งของประเทศอื่นๆ ด้วย
ส่วนความเป็นไปได้ที่โครงการดังกล่าวของนาซาจะกลับมาประเทศไทยในปีหน้าหรือไม่นั้น ผู้ช่วยโฆษกสถานทูตสหรัฐฯ กล่าวว่า เร็วเกินไปที่จะตอบ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ไม่มีเครื่องมืออุปกรณ์ของนาซาอยู่ในประเทศไทย แม้เครื่องมือบางส่วนอยู่ระหว่างการลำเลียงมา แต่ถูกเรียกกลับฐานที่ตั้งของสหรัฐฯ ทั้งหมดแล้ว
**สื่อนอก! ชี้ รบ.ปูยืดยาด ทนรอไม่ไหว
รายงานข่าวของสื่อต่างประเทศหลายสำนักซึ่งอ้าง วอลเตอร์ บราวโนห์เลอร์ โฆษกสถานทูตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงเทพฯ ระบุว่า องค์การนาซาไม่สามารถรอคำตอบจากรัฐบาลไทยภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เกี่ยวกับการขออนุญาตใช้สนามบินอู่ตะเภาได้อีกต่อไป เนื่องจากการศึกษารูปแบบของสภาพอากาศในภูมิภาคที่ทางนาซาให้ความสนใจนั้นจำเป็นต้องรีบดำเนินการเฉพาะในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายนเท่านั้น เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ปัจจัยแวดล้อมด้านสภาพอากาศเอื้ออำนวยที่สุด
บราวโนห์เลอร์ ยังระบุว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าองค์การนาซาจะกลับมาขอทำโครงการศึกษาวิจัยดังกล่าวในประเทศไทยในปีหน้าอีกหรือไม่ หลังจากต้องเผชิญกระแสต่อต้านอย่างหนักจากหลายภาคส่วนในไทยที่เกรงว่าการเข้ามาของนาซาอาจมีวัตถุประสงค์ทางทหารแอบแฝง
ท่าทีล่าสุดของสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีของไทยเมื่อวันอังคาร (26) ที่ผ่านมา มีมติให้นำประเด็นดังกล่าวเข้าสู่การหารือในรัฐสภา ในทันทีที่รัฐสภาของไทยกลับมาเปิดสมัยประชุมอีกครั้งในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ซึ่งล่าช้ากว่าเส้นตายที่ทางนาซากำหนดไว้ถึง 1 เดือน
**สื่อจีน ซัดนักวิทย์ไทยเมินความมั่นคง
รายงานข่าวแจ้งว่าสถานีโทรทัศน์ ซีซีทีวี ของ จีน เผยแพร่บทวิเคราะห์ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไทยตัดสินใจนำเรื่องเข้าสู่สภา ซึ่งทำให้ข้อเสนอของสหรัฐฯ อาจจะไม่ได้รับการอนุมัติภายในสิ้นปีนี้
ผู้เชี่ยวชาญได้อธิบายถึงความจำเป็นที่จะให้นาซาสำรวจชั้นบรรยากาศต่าง ๆ นานาแต่ไม่เป็นที่ชัดเจนเรื่องข้อสงสัยของบุคคลภายนอกที่สหรัฐฯ อาจจะใช้เรื่องนี้บังหน้าสำหรับปฏิบัติการทางทหาร ไม่ใช่ทางด้านวิทยาศาสตร์ตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด
“ของบางอย่างที่เราจะเอาไปใช้ทำอะไรมันได้ทั้งทางบวก ทางลบ ทางทหาร ทางพลเรือน เครื่องบินไม่มีชีวิตจิตใจ มันอยู่ที่คนว่าจะนำไปใช้ทำอะไร”
จากคำให้สัมภาษณ์ของผอ.สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศนั้น ดูเหมือนว่า ประเทศไทยจะไม่ให้ความสำคัญกับกรณีที่อาจมีเครื่องบินสอดแนมบินอยู่เหนือน่านฟ้าไทย
การสำรวจนี้จะครอบคลุมถึงพื้นที่ของกัมพูชาและสิงค์โปร์สหรัฐฯ จะส่งเครื่องบิน ER-2 เพื่อสำรวจลักษณะชั้นบรรยากาศ ที่เป็นต้นแบบมาจากเครื่องบินสอดแนม U2 สำหรับทางทหาร เครื่องบินรุ่นนี้สามารถหลบเลี่ยงเรดาร์ และแน่นอนว่า การใช้เครื่องบินรุ่นนี้นั้นไม่ได้มีวัตถุประสงค์แค่ด้านวิทยาศาสตร์อย่างแน่นอน
**โอ๊คได้ทีโพสต์จิกปชป. ถูกอกถูกใจ
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะที่เฟซบุ๊คส่วนตัวของนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตรโพตส์ข้อความระบุว่า จุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ต่อคัดค้านการอนุมัติให้นาซาเข้ามาใช้อู่ตะเภาในการสำรวจครั้งนี้ ถ้าใครตอบว่าได้แปลว่าพรรคประชาธิปัตย์ชนะแล้วครับ ในเวปของนาซาได้ระบุว่า นาซาเขายกเลิกภารกิจแล้วครับ ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นที่ถูกอกถูกใจพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ผมขออย่างเดียวอย่าบอกว่าไม่ใช่ความผิดของประชาธิปัตย์ แต่เป็นความผิดของรัฐบาลนะครับ ผมว่ามันดูไม่สง่างามทางการเมืองเลยครับใครจะเชื่อใครแล้วแต่วิจารณญานของแต่ละท่าน ผมไม่ก้าวล่วง ผมทราบแต่เพียงว่า"พรรคประชาธิปัตย์ กับ องค์การนาซ่า มีฝ่ายนึงโกหกครับ"
**สุกำพล'ท้าปชป.ดีเบตปมโจรกรรม
ด้านพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ ระแวงมากเกินไป โดยเฉพาะเรื่องโจรกรรมข้อมูล ในขณะที่ประเทศอินโดนีเซีย กัมพูชา สิงคโปร์ ก็ยังไม่กังวลเรื่องนี้ ทั้งที่เครื่องบินนาซาบินผ่านน่านฟ้า ตนเองยินดีจะดีเบตกับพรรคประชาธิปัตย์
ส่วนประเด็นข้อกล่าวหาว่า อาจจะมีการนำเครื่องมือของนาซาเข้าไปติดตั้งภายใน นั้น ขอยืนไม่มีการหมกเม็ดแน่นอน และต้องการให้ดูว่า ที่ผ่านมาใครพูดอะไร หรือทำอะไรบ้าง อย่างไรก็ตามในฐานะที่ตนเป็นรมว.กลาโหม ก็พร้อมสั่งการให้ทางกองทัพเรือเปิดสนามบินอู่ตะเภาให้ฝ่ายที่สงสัย สามารถเข้าไปตรวจสอบได้
"ส่วนจะกระทบต่อการก่อตั้งศูนย์ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ หรือ HADR ในภูมิภาคหรือไม่ ค่อยมาคุยกันตอนหลัง ไม่ต้องรีบร้อน ให้ตรวจสอบ"พล.อ.อ.สุกำพลกล่าว
**ฉะ "ปชป." เอาสมองส่วนไหนคิด
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าหากมีการนำเข้าสภารับรองปรอทแตก ไม่รู้ไปเอาสมองส่วนไหนมาคิดว่ามีอะไรซ่อนในอู่ตะเภา ที่ฝ่ายค้านบอกว่าอู่ตะเภาทีผลประโยชน์เรื่องเชฟรอนกับรัฐบาลนั้น ตนว่าเขาก็พูดกันไป เพราะเชฟรอนมาตั้งแต่สมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี สมัยก่อนไม่ได้ใช้ชื่อเชฟรอนด้วยซ้ำ
ส่วนกรณีมีนักธุรกิจคนใกล้ชิดพ.ต.ท.ทักษิณ ถือหุ้นในเชฟรอน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ท่านเป็นนักธุรกิจไม่รู้จักนักธุรกิจจะรู้จักใคร พูดกันไปคนละเรื่อง แล้วตอนพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลทำไมไม่จัดการ ส่วนที่บอกว่ารัฐบาลตอบไม่ชัดเจน ตนว่ารัฐบาลตอบชัดเจนแต่ไม่มีตัวช่วย แบบพรรคประชาธิปัตย์ที่ขนาดแพ้เลือกตั้งยังได้เป็นรัฐบาล เราไม่มีตัวช่วยถ้าเราทำอะไรผลีผลามก็อาจจะโดนอีก จึงต้องรัดกุมหน่อย
**จี้มาร์คผิด 157ลงนามไม่ผ่านครม.
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ตนอยากจะย้อนถามนายอภิสิทธิ์ ในสมัยเป็นผู้นำรัฐบาลที่ผ่านมาว่า เอกสารการลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างสถาบันพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือจิสด้า ภายใต้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับนาซา มีขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายน 2553 โดยมีคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช เป็นรัฐมนตรี โครงการนี้ไม่นำเข้าหารือครม. อยากถามว่าสิ่งที่ทำรมต.วิทยาศาสตร์รู้เห็นด้วยหรือไม่ ถ้าไม่รู้เห็น ทำไมไม่ออกมาคัดค้าน และนายอภิสิทธิ์ ทำไมไม่ดำเนินการ หรือคัดค้านเหมือนตอนนี้ ตนและทีมกฎหมายกำลังรวบรวมหลักฐานเอาผิด รมต.วิทยาศาตร์ฯ และครม.ชุดนายอภิสิทธิ์ ที่ไม่ดำเนินการทักท้วง ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ม.157 โดยในสัปดาห์หน้าตนจะยื่นฟ้องเอาผิดและตรวจสอบ
**"มาร์ค"เตือนกลั่นแกล้งฟ้องกลับ
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย กล่าวว่า ถ้าบอกว่าไม่มีการนำเสนอครม. นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.การต่างประเทศ ก็ต้องไปเล่นงานหน่วยงานของรัฐเองว่าทำไมไม่เสนอขึ้นมา จะอ้างว่าเกี่ยวโยงกับการลงนามระหว่างนาซากับจิสดาเป็นการลงนามเมื่อปี 2553 ก็ยังไม่เห็นมีอะไรบ่งบอกว่าเกี่ยวเนื่องกัน เพราะการทำเรื่องนี้ก็เริ่มตอนปี 2554 ข้อเสนอก็เพิ่งมามอบหมาย ไม่ได้อยู่ภายใต้กรอบจากแถลงการณ์ตอนนั้นเลย
"อยากให้รัฐบาล ดูปฏิกิริยาจากมิตรประเทศอย่างจีน ต้องดูประโยชน์ของส่วนรวม ให้รอบคอบ รอบด้าน เพราะมีข้อกังวลจริงๆ ซึ่งรัฐบาลก็ต้องใส่ใจ ไม่ได้หมายความว่าจะขัดขวาง แต่ต้องชี้แจง ซึ่งคนที่ออกมาแสดงความเห็นก็ไม่ได้ต่อต้านงานวิจัย แค่อยากให้เกิดความโปร่งใส"
**รับท้า ดีเบต แต่ต้องพูดแต่สาระ
ส่วนที่พล.อ.สุกำพล ออกมาท้าดีเบต นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มาได้เลย แต่ขอให้พูดถึงเนื้อหาสาระ อย่าพูดเรื่องไร้สาระ เพราะตั้งแต่ตั้งคำถามไป ไม่เคยได้สาระกลับมาสักเรื่องหนึ่งเลย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ที่มีข่าวว่าจีนอาจจะไม่พอใจไทยกับเรื่องดังกล่าวนั้น เราก็ต้องไปชี้แจงทำความเข้าใจกับทุกประเทศทั้งสหรัฐฯ และมิตรประเทศในภูมิภาคทั้งหลาย ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือเป็นบทเรียนว่าหากเป็นเรื่องสำคัญที่มีความละเอียดอ่อน จะต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย
**"ชวนนท์" ขู่ฟ้องกลับ 3 รมต.
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าที่นายสุรพงษ์ ขู่ว่าจะฟ้อง ตนขอถามว่าจะฟ้องใคร เพราะควรกลับไปดูตัวเองจะดีกว่า ทั้ง นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ นายสุรพงษ์ และ พล.อ.อ.สุกำพล อยู่ในสถานะที่เข้าข่ายการทำผิดตามมาตรา 157 มากกว่า เพราะตนมีหลักฐานว่าคนเหล่านี้ทราบขั้นตอนทั้งหมดว่านาซามีกรอบเวลาอย่างไร แต่ปล่อยปละละเลย ไม่ชี้แจงต่อประชาชนและไม่มีการนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา หากมีการฟ้องรัฐบาลอภิสิทธิ์ ก็จะฟ้องกลับรัฐมนตรีสามคนนี้ในมาตราเดียวกัน
**สื่อจีนแฉนาซาใช้เครื่องสอดแนม
นายชวนนท์ ยังได้นำคลิปข่าวของซีซีทีวีวันที่ 27 มิ.ย.55 ที่มีการรายงานเกี่ยวกับการขอใช้สนามบินอู่ตะเภาของนาซา มีเนื้อหาเกี่ยวกับ มติครม. 26 มิ.ย. 55 ที่ให้นำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ทำให้โครงการเดินต่อไม่ได้ภายในปีนี้ และระบุถึงศักยภาพของเครื่องบิน ER-2 ว่าบินสูงมากจนการตรวจสอบเรดาร์ในทวีปเอเชียไม่สามารถตรวจสอบการบินได้ และนอกจากจะใช้งานด้านการสำรวจภูมิอากาศได้แล้วยังทำงานด้านการสอดแนมได้ด้วย โดยข้อกังวลของสื่อมวลชนที่เป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลจีน ยืนยันชัดเจนว่า ข้อท้วงติงของพรรคประชาธิปัตย์ที่ให้คำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการทำความเข้าใจกับประเทศเพื่อนบ้านนั้นอยู่บนพื้นฐานความจริง แต่สิ่งเหล่านี้ พล.อ.อ.สุกำพล กลับไม่เคยพูดถึง และไม่เคยปรากฏว่ามีการความเข้าใจกับรัฐบาลจีนและประเทศเพื่อนบ้าน
**ค้อนปลอมชี้ไม่จำเป็นเปิดถกม.179
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนน์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า หากยกเลิกโครงการดังกล่าวในประเทศไทยแล้ว ก่อนท่าทีตกใจว่า “จริงหรือครับ ถอนไปแล้วหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าเสียดายครับ หากเขายกเลิกไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดประชุมอีก แต่เขายกเลิกไปแล้วจริงหรือ? น่าเสียดาย"