xs
xsm
sm
md
lg

พาณิชย์บุกAECรับมือยูโรโซน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์”เน้นบุกตลาด AEC รับมือผลกระทบยูโรโซน ตั้งศูนย์ วัน สต๊อป เซอร์วิส ให้ 9 ทูตพาณิชย์อาเซียนคอยให้ข้อมูลการค้า การลงทุน และโฟกัสสินค้าเป้าหมายเจาะรายตลาด พร้อมลุยจีน อินเดีย ลาตินอเมริกา และแอฟริกา หวังกระจายความเสี่ยงส่งออก ขณะที่บีโอไอไม่สั่ง 3 สำนักงานบีโอไอในยุโรปได้แก่ กรุงปารีส สต็อกโฮม แฟรงเฟิร์ต เน้นชักจูงการลงทุนพื้นที่ยุโรปเหนือเหตุเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง ไม่หวั่นวิกฤติยูโรโซนคงเป้าการลงทุน 6 แสนล้านบาทในปีนี้

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ปรับแผนในการบุกเจาะตลาดใหม่ตามนโยบายนายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อรองรับผลกระทบจากวิกฤตในยูโรโซน โดยจะมุ่งเน้นการบุกเจาะตลาดอาเซียนที่กำลังจะเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ตั้งเป้าที่จะขยายสัดส่วนการส่งออกให้เพิ่มขึ้นจาก 23.7% ในปี 2554 โดยในช่วง 4 เดือนของปี 2555 (ม.ค.-เม.ย.) สัดส่วนการส่งออกไปตลาดอาเซียนได้เพิ่มขึ้นเป็น 25.7% แล้ว

ทั้งนี้ แผนการบุกเจาะตลาด AEC กรมฯ จะมอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศในอาเซียนทั้ง 9 แห่ง จัดตั้งศูนย์บริการข้อมูลการค้าการลงทุน One Stop Service ที่สำนักงานฯ เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ส่งออกในการบุกเจาะตลาดอาเซียน และมีแผนที่จะผลักดันการส่งออกสินค้าที่มีศักยภาพและตรงกับความต้องการของตลาด

สำหรับสินค้าเป้าหมายที่จะผลักดันเจาะตลาดอาเซียน แยกเป็น อินโดนีเซีย เน้นสินค้าแฟชั่นแบรนด์ไทย ได้แก่ เครื่องประดับแบรนด์ สินค้าเสื้อผ้ามุสลิม เสื้อผ้าผู้ชายและผู้หญิงสมัยใหม่ เสื้อผ้าเด็ก และกระเป๋าแฟชั่น เข้าไปจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า สิงคโปร์ เน้นสินค้าเกษตร Organic โครงการหลวง แบรนด์ Royal Project และผักผลไม้ เข้าสู่ห้างสรรพสินค้า รวมถึงสินค้าเสื้อผ้าและเครื่องประดับ พม่า เน้นผลักดันให้เครือสหพัฒน์ ตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพม่า และผลักดันให้นักธุรกิจไทยเข้าไปลงทุน เช่น โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า ฟาร์มประมงทะเล ปูนซีเมนต์ โรงพยาบาล เป็นต้น และกัมพูชา เน้นการส่งออกสินค้าไทยไปยังเมืองเศรษฐกิจสำคัญ นอกจากพนมเปญ ได้แก่ เมืองพระตะบอง และเสียมเรียบ

นอกจากนี้ จะจัดการส่งเสริมการค้าสินค้าอุปโภคบริโภคของไทยทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียนทั้งในเมืองเศรษฐกิจหลักและเมืองเศรษฐกิจใหม่ โดยจัดงานแสดงสินค้าไทยรวม 13 โครงการ 8 ประเทศ และโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการไทยไปดำเนินธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ลาว พม่า กัมพูชา เวียดนาม เพื่อสร้างเครือข่าย เสาะหาวัตถุดิบ ฐานการผลิต ช่องทางการตลาดการเข้าถึงแหล่งทุน เป็นต้น

นางนันทวัลย์กล่าวว่า สำหรับตลาดใหม่อื่นๆ ที่กรมฯ จะผลักดันการส่งออก เพื่อชดเชยผลกระทบจากวิกฤตยูโรโซน จะเน้นการส่งออกไปยังตลาดจีน อินเดีย ลาตินอเมริกา และแอฟริกา เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการขยายการส่งออกสินค้าไทยได้อีกมาก โดยแผนในการบุกเจาะตลาด จะเชิญผู้นำเข้าจากประเทศเป้าหมายเข้ามาร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศไปเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ จัดงานแสดงสินค้าแบบ Thailand Trade Show และ Solo Show จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับห้างสรรพสินค้าและผู้นำเข้าในต่างประเทศ เพื่อแนะนำสินค้าไทย รวมถึงการจัดคณะผู้แทนการค้าไปเจรจาการค้ากับประเทศเป้าหมาย

ขณะเดียวกัน จะเพิ่มเติมกิจกรรมตามข้อเสนอของภาคเอกชน เช่น จะเร่งเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการทำตลาดใหม่เพื่อกระจายการพึ่งพาตลาดหลัก การจัดกิจกรรมเสริมในตลาดเป้าหมาย เน้นจีน อินเดีย และลาตินอเมริกา ในกลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงการจัด Knok door mission ไปอินเดียและตะวันออกกลางเพิ่ม การส่งเสริมช่องทางสินค้าใหม่ๆ เช่น ไลฟ์สไตล์ และสินค้าฮาลาลการส่งเสริมการส่งออกสินค้านวัตกรรม และพัฒนาด้านโลจิสติกส์เพื่อรองรับการเป็น AEC เป็นต้น

บีโอไอเดินหน้าโรดโชว์ยุโรปเหนือ
นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ขณะนี้บีโอไอได้มอบหมายให้สำนักส่งเสริมการลงทุนต่างประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป 3 แห่ง ได้แก่ ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส สต็อกโฮม ประเทศสวีเดน และแฟรงเฟิร์ต ประเทศเยอรมัน มุ่งเน้นการการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ยุโรปที่เศรษฐกิจมีความเข้มแข็ง เช่นโซนยุโรปเหนือแถบสแกนดิเนเวีย ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจและเจาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่เน้นเทคโนโลยี พลังงานทดแทน เป็นรายบริษัทที่สนใจจะเข้ามาไทยแทนที่จะชักชวนภาพรวม

”วิกฤติยูโรโซนยังไม่มีผลต่อการลงทุนมากนักในขณะนี้ และเบื้องต้นก็ยังไม่ได้ส่งผลให้นักลงทุนชะลอการลงทุน เพราะยังขายของได้อยู่ ต่างจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในครั้งที่ผ่านมา ที่การบริโภคชะงักงันและเมื่อยุโรปเองมีปัญหาเชื่อว่าตลาดเอเชียจะเป็นสิ่งที่นักลงทุนสนใจมาเพิ่มขึ้น”นางอรรชกากล่าว

อย่างไรก็ตามบีไอไอยังไม่ได้ปรับแผนการโรดโชว์ หรือลดเป้าหมายการขอรับส่งเสริมการลงทุนลงทุนปี 2556 ที่ตั้งเป้าไว้ที่ 600,000 ล้านบาท โดยการโรดโชว์ในพื้นที่ประเทศยุโรป จะเริ่มต้นในหลังเดือนส.ค. เป็นต้นไป เพราะตั้งแต่เดือนก.ค.-ส.ค. เป็นฤดูร้อน ซึ่งทางสหรัฐอเมริกาก็เช่นเดียวกัน จึงอาจจะมีแผนไปชักจูงการลงทุนร่วมกับคณะของนายกรัฐมนตรีที่มีแผนจะเดินทางไปสหรัฐอเมริกา และยุโรป

นอกจากนี้ บีโอไอจะมี การทบทวนแผนการส่งเสริมการลงทุนในปี 2556 ทั้งเรื่องกิจการที่จะส่งเสริมการลงทุน และประเทศเป้าหมายที่จะชักจูงการลงทุน ซึ่งการจัดทำแผนจะต้องพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจโลก แนวโน้มของเศรษฐกิจในประเทศเป้าหมาย รวมถึงจะทบทวนวิธีการทำงานเดิมที่ผ่านมาว่าประสบความสำเร็จหรือต้องปรับปรุงในจุดไหนบ้าง
กำลังโหลดความคิดเห็น