บีโอไอเผยการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI ช่วง 5 เดือนแรกปีนี้มีทั้งสิ้น 547 โครงการ มูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท โดยขยายตัวทั้งมูลค่าและเงินลงทุน โดยญี่ปุ่นยังครองแชมป์ลงทุนสูงสุด 308 โครงการ
นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงภาพรวมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment : FDI) ช่วง 5 เดือน (มกราคม-พฤษภาคม 2555) ว่า นักลงทุนต่างชาติมีการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 547 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 205,646 ล้านบาท จำนวนโครงการขยายตัว 26% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 432 โครงการ ในขณะที่เงินลงทุนปรับเพิ่มขึ้น 45% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 141,396 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยังเป็นแหล่งลงทุนที่สำคัญในสายตานักลงทุน
“FDI ส่วนใหญ่ หรือ 57.4% เป็นการขยายการลงทุนจากกิจการเดิมที่ได้ลงทุนอยู่แล้ว โดยมีจำนวน 314 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 152,078 ล้านบาท 42.6% เป็นโครงการลงทุนใหม่ มีทั้งสิ้น 233 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 53,568 ล้านบาท” นางอรรชกากล่าว
อุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจสูงสุดอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง 176 โครงการ เงินลงทุน 62,479 ล้านบาท รองลงมาเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า 116 โครงการ เงินลงทุน 55,736 ล้านบาท ตามด้วยกิจการบริการและสาธารณูปโภค 106 โครงการ เงินลงทุน 24,409 ล้านบาท และกิจการเคมีภัณฑ์ กระดาษ และพลาสติก 73 โครงการ เงินลงทุน 24,306 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับประเทศที่มีมูลค่าเงินลงทุนในประเทศไทยสูงสุดในช่วง 5 เดือน อันดับ 1 ยังเป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น มีจำนวนทั้งสิ้น 308 โครงการ เงินลงทุน 130,462 ล้านบาท รองมาเป็นนักลงทุนจากประเทศเนเธอร์แลนด์ 16 โครงการ เงินลงทุน 11,570 ล้านบาท ตามด้วยนักลงทุนจากมาเลเซีย 16 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 11,344 ล้านบาท นักลงทุนจากสิงคโปร์ 53 โครงการ เงินลงทุน 11,285 ล้านบาท และนักลงทุนจากสหรัฐอเมริกา 18 โครงการ เงินลงทุนรวม 9,131 ล้านบาท
“สถิติในเดือนมกราคม และเมษายน ปีนี้น้อยกว่าเดือนอื่นๆ ทั้งจำนวนโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมและมูลค่าเงินลงทุนของโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริม ทั้งนี้ เนื่องจากเดือนมกราคมเป็นเดือนแรกของปี และเป็นช่วงเวลาต่อเนื่องจากการหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ ขณะที่เดือนเมษายนเป็นเดือนที่มีเทศกาลวันหยุดสงกรานต์ ปีใหม่ของไทย จึงเป็นเดือนที่มีจำนวนโครงการยื่นขอรับส่งเสริมไม่มาก” นางอรรชกากล่าว