xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“อำมาตย์” จัดเต็ม “ผรท.”ชูธงหนุนตุลาการ เด็ดขั้วหัวใจคนเสื้อแดง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์- การที่ “ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย” หรือ “(ผรท.)” สายอีสานราว 2,000 คน จากอำเภอต่างๆ ในจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียงรวมตัวกันที่บริเวณสนามด้านหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่นเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2555 เพื่อให้กำลังใจศาลรัฐธรรมนูญที่รับตีความร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เป็นการกระทำเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่ พร้อมมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้สภาผู้แทนราษฎรชะลอการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ตามต่อด้วยการที่ ผรท.ร่วม 3,000 คน ชุมนุมกันที่ทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุดรธานี เมืองหลวงของคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2555 โดยประกาศเจตนารมณ์เดียวกันนั้น ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองอย่างมีนัยสำคัญไม่น้อย

เพราะย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายที่อยู่ดีๆ อดีตสหายซึ่งเคยหยิบจับอาวุธร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.) จะกลับมารวมตัวกันเป็นจำนวนมากในนาม “กองทัพปลดแอกประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” และประกาศเสียงดังฟังชัดว่า พร้อมชูธงแดงสนับสนุนศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งนั่นถือเป็นการประกาศความเป็นศัตรูต่อคนเสื้อแดง มวลชนจัดตั้งของ นช.ทักษิณ ชินวัตรเป็นการเฉพาะ

ดังนั้น จงอย่าแปลกใจที่ความเคลื่อนไหวของ ผรท.อีสานครั้งนี้ จะสร้างความปริวิตกให้เกิดขึ้นในหัวใจของนายใหญ่คนเสื้อแดง เพราะนั่นหมายความว่า รากฐานอันมั่นคงที่นช.ทักษิณทุ่มเทงบประมาณจำนวนมหาศาลในการล้างสมองคนเสื้อแดงในภาคอีสาน รวมทั้งการขยายแนวร่วมคนเสื้อแดงให้กลายเป็นชุมชนในนาม “หมู่บ้านเสื้อแดง” ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลม และลดทอนประสิทธิภาพของคนเสื้อแดงที่ นช.ทักษิณเคยใช้เป็นเครื่องมือในทางการเมืองลงไปด้วย

แน่นอน สิ่งที่สังคมอยากได้ใครรู้ก็คือ กลุ่มผรท.อีสานเหล่านี้เป็นใครมาจากไหน และมีใครอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวครั้งนี้หรือไม่

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า แกนนำในการจัดชุมนุม ผรท.อีสานทั้งที่ขอนแก่นและอุดรธานีนั้น ประกอบด้วย 4 สหายหลักคือ สหายพิชิตหรือทองดี นามแสงโคตร สหายชัยรบ หรือสานิต มิกราช สหายชลิตหรือชลิต จันทร์ทรูและสหายเกื้อหรือเลื่อน ชนะสงคราม โดยบุคคลเหล่านี้ ในอดีตเป็น “ผู้นำเขตงาน” หรือที่เรียกกันว่าในหมู่สหายเก่าว่า “จัดตั้ง” ซึ่งรับผิดชอบในพื้นที่อีสานเหนือเป็นส่วนใหญ่

ขณะที่เป้าหมายของการเคลื่อนไหวเป็นที่ชัดเจนว่า ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับมวลชนคนเสื้อแดงของนช.ทักษิณ เพราะในการรวมตัวทั้งสองครั้ง อดีตแกนนำ ผรท.ได้ปราศรัยโจมตีพรรคเพื่อไทยที่ออกมาต่อต้านศาลรัฐธรรมนูญ โดยพุ่งเป้าไปที่ “สหายสุภาพ” หรือนายจาตุรนต์ ฉายแสง ซึ่งในอดีตเคยเข้าป่าร่วมอุดมการณ์กับ ผรท.

“เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ได้มีบุคคลและกลุ่มบุคคลบางพวกที่ไม่ยอมรับ ไม่เคารพต่อคำสั่งจากสถาบันตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญที่มีหน้าที่ถ่วงดุลอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย โดยบิดเบือนข้อเท็จจริง กรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง ได้กล่าวให้ความเห็นและชักชวนผู้อื่นให้ร้ายต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าไม่มีอำนาจหน้าที่ในการออกคำสั่งศาลในการยับยั้งหรือชะลอการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ในฐานะของพี่น้องประชาชนผู้เป็นส่วนหนึ่งของอำนาจอธิปไตยภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญที่ใช้ปกครองประเทศไทย จึงขอเรียนถามทุกท่านว่าการกระทำดังกล่าวของนายจาตุรนต์ ฉายแสง นั้นถือเป็นการหมิ่นศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ และนายจาตุรนต์ทำเพื่อประโยชน์ของใคร

“พวกเราในนามนักรบประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงขอเรียกร้องให้นักการเมืองและผู้มีอำนาจจงเคารพต่อคำสั่งศาลและเคารพต่อการวินิจฉัยของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้พวกเราขอแสดงพลังเพื่อเป็นกำลังใจให้คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มีคำสั่งให้ชะลอการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ สุดท้ายขอถามว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง นั้นเป็นใคร เอาอำนาจอะไรมาชักชวนผู้อื่นให้ดูหมิ่น เกลียดชัง และไม่ให้ความเคารพต่อคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญอันเป็นเสาหลักของความเป็นธรรมรัฐแห่งชาติไทย ในโอกาสนี้ พวกเราขอเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าได้ร่วมกันแสดงพลัง เพื่อปกป้องสถาบันหลักที่สำคัญของชาติไทยให้คงอยู่ตลอดไป”นั่นคือแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ที่ทำในนามของกองทัพปลดแอกประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขณะชุมนุมกันที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น

ขณะที่นายบุญธรรม แสนเวียง หรืออดีตสหายสิงหา อดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยจากอำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า หลังจากออกมาแสดงพลังให้กำลังใจตุลาการศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้แล้ว ทางกลุ่มพี่น้องอดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยจะรอดูท่าทีของกลุ่มบุคคลที่ออกมาโจมตีคัดค้านและไม่ยอมรับการทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก่อน หากกลุ่มคนพวกนี้ไม่หยุดเคลื่อนไหวหรือยังกล่าวหาดูหมิ่นศาลรัฐธรรมนูญอีก ทางแกนนำ ผรท.ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นและอีกหลายจังหวัดภาคอีสานจะนัดหารือกันเพื่อกำหนดท่าทีเคลื่อนไหวต่อ

“ถ้ายังดื้อดึงไม่เคารพคำสั่งของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ดันทุรังจะพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญอีกต่อ พวกเราจะลุกขึ้นมาสู้แน่นอน พวกเราไม่ต้องการให้บิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อทำลายล้างสถาบันตุลาการเด็ดขาด” อดีตสหายสิงหากล่าวย้ำในการรวมตัวกันที่ขอนแก่น

ถัดจากนั้นมาอีก 1 สัปดาห์ อดีตผรท.อีสานก็ได้มาร่วมตัวอีกครั้งที่บริเวณสนามทุ่งศรีเมืองอุดรธานี โดยในครั้งนี้ สหายพิชิตหรือนายทองดี นามแสนโคตรได้อ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ซึ่งมีเนื้อหาในทำนองเดียวกันกับแถลงการณ์ฉบับแรก พร้อมโจมตี “สหายปูน”-นางธิดา ถาวรเศรษฐ ภรรยาของสหายเข้ม -นพ.เหวง โตจิราการ เพิ่มเติมอีก 1 คน

แต่จุดที่สำคัญของแถลงการณ์ฉบับนี้ก็คือ การประกาศจัดตั้ง “กองทัพปลดแอกประชาชน เพื่อประชาธิปไตย” และ “ขอเรียกร้องให้นักรบประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทุกคนที่ยังกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆได้กลับเข้ามารายงานตัวกลับสู่กรมกองของท่านโดยเร็ว”

เพราะนั่นหมายความว่า “กองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย” หรือ “ทปท.” ที่ล่มสลายไปพร้อมกับปรากฏการณ์ป่าแตกเมื่อปี 2525-2526 ได้ฟื้นคืนชีพกลับขึ้นมาอีกครั้ง ส่วนจะทรงประสิทธิภาพเหมือนเช่นที่ผ่านมาหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าสนใจยิ่ง

สำหรับเป้าหมายนั้นก็เป็นไปอย่างที่ “นายก่อแก้ว พิกุลทอง” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย วิเคราะห์เอาไว้อย่างตรงเผงว่ากิจกรรมที่ทำนั้น เป็นการแย่งมวลชนในพื้นที่อีสานของพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ภาคอีสาน

และนั่นจึงเป็นที่มาของคำสั่งจาก นช.ทักษิณมอบหมายให้นายสุชน ชาลีเครือ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายภูมิธรรม เวชยชัย นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ นพ.เหวง โตจิราการ รีบแก้ไขปัญหาและสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย(ผรท.)ในภาคอีสาน ซึ่งเป็นอดีตสมาชิกกองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทยของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในอดีตโดยด่วน เนื่องจากการเคลื่อนไหวของ ผรท.กลุ่มนี้ ทำให้เกิดกระแสความวิตกกังวลเกิดขึ้นในหมู่คนเสื้อแดงอย่างมาก โดยเฉพาะแกนนำเสื้อแดงระดับหมู่บ้าน ทั้งแกนนำที่จัดตั้งหมู่บ้านเสื้อแดงรักประชาธิปไตย ทั้งสมาพันธ์หมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย เกิดความสับสนในข้อมูลที่ได้รับเกิดข่าวลือต่างๆ นาๆ ที่ไม่เป็นคุณกับการเคลื่อนไหวด้านมวลชนของกลุ่มเสื้อแดง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผู้รับผิดชอบ ผรท.และฝ่าย(แดง)ซ้ายยืนยันกับทักษิณและแกนนำเสื้อแดงว่า ผรท.ทั้งหมดอยู่ฝ่ายเสื้อแดง แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าไม่เป็นเช่นนั้น

ดังนั้นหากปล่อยให้ ผรท.กลุ่มกองทัพปลดแอกประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคลื่อนไหวต่อไปจะมีผลกระทบอย่างมากต่อแกนนำเสื้อแดงในพื้นที่ภาคอีสาน เพราะชาวบ้านทั่วไปจะสูญเสียความเชื่อมั่นที่มีต่อแกนนำเสื้อแดงในพื้นที่ และจะส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อการเคลื่อนไหวมวลชนเสื้อแดงแบบม็อบ เพื่อมาสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และสนับสนุนการออก พ.ร.บ.ปรองดองฯ ในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้

ทั้งนี้ ผลงานชิ้นแรกที่อดีต ผรท.สายรัฐไทยใหม่ดำเนินการก็คือ ภาพผรท.ที่เป็นกลุ่มก๊วนของตนเอง ซึ่งอ้างว่าเป็นตัวแทน ผรท.จาก 20 จังหวัดภาคอีสาน ประมาณ 500 คน ได้เดินทางมารวมตัวกันที่ศาลากลางหมู่บ้าน บ้านโคกไม้แดงหัวกระสัง ต.หูทำนบ อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ เพื่อแสดงพลังออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด จะขอวางตัวเป็นกลางไม่เข้าข้างกลุ่มการเมืองใดกลุ่มการเมืองหนึ่งและจะไม่เคลื่อนไหวทางการเมืองร่วมกับกลุ่มการเมืองใดพร้อมจะสนับสนุนทุกรัฐบาลที่ปกครองบ้านเมืองตามระบอบประชาธิปไตย

นายละเอียด รัตนศรี หรือ “สหายอ๊อด” ประธานกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยภาคอีสาน กล่าวว่า การที่แกนนำและสมาชิกกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยภาคอีสาน ได้รวมพลังออกมาแสดงจุดยืนในครั้งนี้ ก็เพราะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของบุคคลบางกลุ่ม ที่แอบอ้างชื่อของ ผรท.ภาคอีสาน เคลื่อนไหวคัดค้านการลงชื่อถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมทั้งยืนยันว่า ผรท.จะไม่ร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มการเมืองใดทั้งสิ้น โดยความขัดแย้งทางการเมืองก็ควรจะแก้ไขด้วยการเมือง พร้อมทั้งทิ้งทายซึ่งแสดงให้เห็นตัวตนที่แท้จริงว่า เลือกยืนอยู่ฝ่ายไหนด้วยการประกาศว่า “เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.ปรองดอง เพราะเชื่อว่าจะทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข ลดความขัดแย้งซึ่งกันและกันได้”

นี่คือสงครามการช่วงชิงมวลชนที่เร้าใจยิ่ง โดยมี ผรท.อีสานเป็นตัวละครเอก ซึ่งเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า บีบคั้นหัวใจ นช.ทักษิณยิ่งนัก เพราะต้องไม่ลืมแกนนำและผรท.อีสานเหล่านี้ได้รับความช่วยเหลืออย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยในช่วงรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ต่อด้วยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ที่มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีให้ช่วยเหลือ ผรท.ทั้งประเทศ โดยมอบให้สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงในขณะนั้น เป็นประธานในการแก้ปัญหาดังกล่าว ร่วมกับ กอ.รมน.

ว่ากันว่า รัชฎาภรณ์ แก้วสนิท ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ หรือ "สหายศรัทธา" อดีตคณะกรรมการบริหาร "อำนาจรัฐแดงเขตงานเพชรบุรี" (อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร-อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์) ฐานที่มั่นภูพาน (ปี 2522-2524) เป็นคนหนึ่งที่ให้คำปรึกษานายกฯ อภิสิทธิ์ ในเรื่องดังกล่าว และ "สหายศรัทธา" แนะนำให้นายกฯ อภิสิทธิ์ ช่วยเหลือ ผรท.ทั้งประเทศ มิใช่เฉพาะที่ภาคอีสาน
เท่านั้นเพื่อหวังจะแยก "แดงเก่า" (อดีตทหารปลดแอก) ออกจาก "แดงใหม่" (นปช.)

และไม่ว่าสุดท้ายแล้วผลจะออกมาเช่นไร แต่เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า การเคลื่อนไหวเที่ยวนี้น่าจะทำให้ภาคอีสานกลายเป็น “ตำบลกระสุนตก” ที่ นช.ทักษิณจะต้องควักทุนทรัพย์ก้อนใหญ่เพื่อแก้สถานการณ์ให้คลี่คลายโดยเร็ว

กำลังโหลดความคิดเห็น