xs
xsm
sm
md
lg

"แม้ว"โวสื่อญี่ปุ่นกลับไทย เป็นนายกฯ! "เทือก"แฉชวนร่วมรัฐบาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน-"ทักษิณ"ให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่น ยันกลับประเทศไทยแน่ ฝันหวานบอกหากได้กลับมาเป็นนายกฯอีกจะทำให้ทุกอย่างเหมือนเดิม "เทือก"แฉซ้ำ"แม้ว"ส่งผู้ใหญ่เชิญให้ไปพบ พร้อมชวนร่วมรัฐบาล ยกเก้าอี้กระทรวงใหญ่ แลกกับการเลิกต้าน แก้รธน. -นิรโทษกรรม ยันปฏิเสธ เหตุเคยถูกตระบัดสัตย์ ด้าน "ชวนนท์" แลกหมัด "โอ๊ค" เย้ยแค่ลูกหมายังไม่ฉีดวัคซีน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ www.yomiuri.co.jp หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ซึ่งเดินทางถึงญี่ปุ่น เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พร้อมให้สัมภาษณ์พิเศษระบุว่า ความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น และประเทศไทย ในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในประเทศพม่า มีความสำคัญ ซึ่งการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญของทั้งไทยและญี่ปุ่น ซึ่งหากมีการวางท่อก๊าซเชื่อมต่อกับทวาย บริเวณท่าเรืออุตสาหกรรมในภาคกลางของประเทศไทย จะทำให้ค่าใช้จ่ายในการขนส่งของก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันดิบตะวันออกกลาง อาจจะลดลงอย่างมาก

ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังหวังว่า ในระหว่างการเยือนญี่ปุ่น 9 วันนี้ จะเสริมสร้างความสัมพันธ์กับภาคการเมือง และธุรกิจของประเทศได้ นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มที่จะพัฒนาภาคการเกษตรในประเทศไทย และการส่งเสริมเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของไทย และผ่านการลงทุนของญี่ปุ่น

นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวว่า จะสามารถกลับประเทศไทยได้ แต่ต้องรอจนกว่าการตรวจสอบที่ชัดเจนเกิดขึ้น ซึ่งหมายถึง จะรอ และดูการพิจารณาของรัฐสภา ในกรณีร่างพระราชบัญญัติปรองดองแห่งชาติ ที่จะกำหนดให้นิรโทษกรรมแก่บุคคล หรือกิจกรรมทั้งหมดรวมทั้งตนเองที่มีส่วนร่วมในความรุนแรงทางการเมือง และการกระทำผิดกฎหมาย จากสิ้นปี ค.ศ. 2005 ถึงกลางปี ค.ศ. 2010

ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุด้วยว่า หากได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ก็ยังจะทำในสิ่งที่เคยทำเหมือนเดิม ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาว่า ไม่จงรักภักดีนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เป็นแค่กลุ่มคนที่หวาดระแวงความนิยมที่แข็งแกร่งในตัวตนเองเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยระบุว่าหากได้กลับประเทศไทย จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก

**"เทือก"ยัน"แม้ว"ปชป.เชิญร่วมรัฐบาล

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องที่ตนเปิดเผยบนเวทีปราศรัยโดยระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ส่งคนมาพยายามเจรจาเพื่อขอให้เลิกขัดขวางการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่ า เรื่องนี้ความจริงไม่ควรนำมาเปิดเผย แต่จากสถานการณ์ และการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล และคนในพรรคเพื่อไทย หนักข้อเข้าทุกวัน ทำให้ตนจำเป็นต้องเปิดเผยต่อประชาชนผ่านเวทีสาธารณะ

นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า การเจรจาไม่ได้เกิดขึ้นครั้งเดียว แต่เกิดขึ้นหลายครั้งโดยผ่านคนกลาง ซึ่งเป็นบุคคลที่ตนรู้จักคุ้นเคยดี และให้ความเคารพ โดยครั้งแรกมีการส่งคนที่ตนเคารพนับถือมาเกริ่นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยากพูดคุยด้วย ขอให้ตนเดินทางไปพบที่ ดูไบ ซึ่งตนคิดว่าไม่มีเหตุอะไรต้องไป จึงได้ปฏิเสธไปว่า ไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยกัน หลังจากนั้นก็มีการส่งคนกลางประสานขอนัดเจอในสถานที่แห่งหนึ่ง แล้วก็มาถามอีกว่า ในช่วงนี้ตนจะเดินทางไปต่างประเทศที่ไหนบ้าง หากไม่สะดวกไปพบที่ดูไบ จะไปที่ไหน พ.ต.ท.ทักษิณ ก็พร้อมจะไปคุยที่นั่น ซึ่งตนก็ได้ปฏิเสธไปอีก เพราะโดยส่วนตัวไม่ไว้ใจ พ.ต.ท.ทักษิณ อีกแล้ว หลังจากที่ผ่านมา เคยพูดคุยรับปากกันไว้หลายเรื่อง แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่เคยทำตามที่รับปากไว้เลย

" เมื่อเร็วๆนี้ คนเจรจาคนเดิม ก็มาพูดคุยกับผมอีกว่าพ.ต.ท.ทักษิณ อยากพบมาก ถ้าไม่สะดวกก็ให้ไปคิดว่า มาร่วมรัฐบาลกันหรือไม่ จะเลือกกระทรวงไหน ให้บอกมา ขออย่างเดียวอย่าค้านทั้ง 2 เรื่องดังกล่าวนี้ มาจับมือกันแก้ไขปัญหากันก่อน เพื่อให้บ้านเมืองสงบ พอรัฐบาลอยู่ครบ 4 ปี ค่อยเลือกตั้ง ต่อสู้กันใหม่ แต่ผมก็ได้ตอบปฏิเสธทันที เพราะไม่อยู่ในสถานะที่เป็นตัวแทนมาเจรจาแทนใครได้ แม้กระทั่งในพรรค เพราะไม่ได้เป็นเลขาธิการพรรค หรือ คณะกรรมการบริหารพรรคแล้ว จึงไม่สามารถรับปากใครได้ แต่บุคคลที่มาติดต่อกับผมที่เป็นคนกลาง ก็ยังพยายามบอกว่าให้ไปคิดก่อน โดยบอกอีกครั้งว่าพ.ต.ท.ทักษิณ อยากพูดกับผมจริงๆ อย่างไรก็ตามในที่สุดผมก็ปฏิเสธว่า ไม่ต้องคิดแบบนี้อีก ผมอยู่พรรคประชาธิปัตย์มาครึ่งชีวิต คนในพรรคไม่เอาแน่ เพราะแม้จะเลือกตั้งแพ้ แต่ก็จะทำหน้าที่ตรวจสอบต่อไป ทั้งนี้ผมได้เล่าให้ผู้ใหญ่ในพรรคหลายท่านฟัง แต่ผมจะไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นใคร เพราะไม่อยากให้คนที่มาทาบทามเกิดความเสียหาย เพราะถ้าเอ่ยชื่อทุกคนต้องร้องอ๋อ เพราะเป็นผู้ใหญ่ที่ผมเคารพเช่นเดียวกัน" นายสุเทพ กล่าว

นายสุเทพ ยังกล่าวด้วยว่า ตนจะไม่ตอบโต้อะไรกับพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดงโดยเฉพาะแกนนำคนเสื้อแดงที่ปราศรัยกล่าวหาตน เช่น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ เพราะคนที่ได้ยินได้ฟัง สามารถวินิจฉัยได้เองว่า สิ่งที่ตนพูดเชื่อถือได้หรือไม่ และที่นายณัฐวุฒิพูด เชื่อได้หรือไม่

ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นการเสี้ยมอะไร เพราะไม่ได้อยากเป็นรัฐบาล ตนพอใจที่จะเป็นฝ่ายค้าน ถึงจะมีคนมาเชิญเป็นรัฐบาล ก็ไม่เอา

** ท้า"เทือก"เปิดชื่อคนกลางที่มาทาบทาม

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนสามารถยืนยันได้ว่าไม่จริง พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยติดต่อไปยังนายสุเทพ แต่พรรคประชาธิปัตย์พยายามสร้างเครดิตให้ตัวเอง และกลบเกลื่อนความล้มเหลวการแพ้การเลือกตั้ง การแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมของ ส.ส.ประชาธิปัตย์ในการประชุมสภา ถ้านายสุเทพ มีหลักฐานจริงว่า มีคนกลางไปติดต่อ ขอท้าให้เปิดเผยชื่อออกมาเลย อย่ามาพูดมั่วเป็นผู้ใหญ่เลี้ยงแกะ ยืนยันว่า เป็นไปไม่ได้ ที่จะมีการเจรจายกตำแหน่งนายกฯ และรมว.กลาโหม ให้พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อแลกกับการไม่คัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มั่นใจว่าประชาชนไม่เชื่อถือคำพูดนายสุเทพ ขณะนี้พรรคเพื่อไทย กับพรรคร่วมรัฐบาลมี 300 เสียง ถ้ายังดึงพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมรัฐบาลด้วย จะถูกกล่าวหาเป็นเผด็จการรัฐสภา การมีรัฐบาลเข้มแข็งต้องมีฝ่ายค้านเข้มแข็งคอยตรวจสอบด้วย
" ถ้าเป็นเรื่องจริง พระอาทิตย์คงขึ้นทางตะวันตก ขอให้นายสุเทพ เอาเวลาไปลงพื้นที่แก้ปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ดีกว่ามาปล่อยข่าวอย่างนี้ " นายพร้อมพงศ์ กล่าว

** เตือนเสื้อแดงจะเป็นเหยื่อ"แม้ว"อีก

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่คนของพรรคเพื่อทย ออกมากล่าวหาว่า นายสุเทพ พูดเท็จเรื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณ ส่งคนมาเชิญให้พรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมรัฐบาลว่า เป็นเพราะคนเหล่านี้ไม่รู้จริง ในเรื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณทำ เพราะนายสุเทพไม่มีเหตุผลต้องยกเมฆโกหก และคนพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าโดน พ.ต.ท.ทักษิณ หลอกใช้มากี่หนแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาพ.ต.ท.ทักษิณ มีความพยายามเจรจากับหลายฝ่ายมาโดยตลอด พวกนายณัฐวุฒิ เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งของพ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น วันหนึ่งอาจโดนเชือด เพื่อเปิดทางให้พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้านก็ได้ ตนคิดว่าเรื่องอย่างนี้ นี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ อนาคตแกนนำเสื้อแดงอาจเป็นเหยื่อเกมการเมืองของพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้

** "ชวนนท์"แลกหมัด"โอ๊ค"

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาตอบโต้ตนเองด้วยถ้อยคำรุนแรงว่า นายพานทองแท้ ต้องไม่ใช้อารมณ์ แต่ขอให้ใช้เหตุผล เพราะตนไม่ได้แช่งพ่อนายพานทองแท้ แต่เปรียบเปรยว่า นายพานทองแท้ นำข้อเท็จจริงให้สังคมเห็นเกี่ยวกับการซุกหุ้น และดำเนินธุรกิจแบบไม่สุจริตของพ.ต.ท.ทักษิณว่ามีอยู่จริง ซึ่งเป็นการตรวจสอบตามกระบวนการประชาธิปไตย ถ้านายพานทองแท้คิดจะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ ต้องยอมรับและควบคุมสติอารมณ์ของตัวเองให้ได้

นายชวนนท์กล่าวด้วยว่า ต้องขอขอบคุณนายพานทองแท้ อีกครั้งที่ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม ทำให้ยิ่งชัดเจนว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ซุกหุ้นจริง เพราะข้อมูลที่นายพานทองแท้ ระบุว่า ในปี 2537 พ.ต.ท.ทักษิณ มีเงิน 6 หมื่นล้าน แต่ในปี 2540 ตกลง 70-80 % ซึ่งเท่ากับว่าทรัพย์สินหายไป 12,000-18,000 ล้านบาท เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับการแจ้งบัญชีทรัพย์สินในปีเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ แจ้งทรัพย์สินตนเองและครอบครัวรวมลูกที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะทั้ง 3 คนรวม 23,878 ล้านบาท ยังมากกว่าที่ นายพานทองแท้ ให้ข้อมูลถึงเกือบ6 พันล้านบาท จึงต้องถามเงินที่งอกออกมานั้น มาจากไหน

นอกจากนี้สิ่งที่ตนได้แถลงไปก่อนหน้านี้ ก็พูดถึงการแสดงบัญชีทรัพย์สินในปี 2540 จนถึงปี 48 แต่นายพานทองแท้ กลับเลือกตัดตอนการแสดงบัญชีทรัย์สินในช่วงปี 40 โดยอ้างว่าในปี 2542 ตนเองบรรลุนิติภาวะแล้ว จึงไม่ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช. โดยไม่บอกความจริงอีกครึ่งหนึ่ง ที่ว่าในปี 40 นั้นนายพานทองแท้ ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และเหตุใด จึงไม่พูดถึงหุ้นชินคอร์ป ที่อยู่ในชื่อของนางสาวบุญชู เหรียญประดับ นางดวงตา วงศ์ภักดี นายวิชัย ช่างเหล็ก และนายชัยรัตน์ เชียงพฤกษ์ ซึ่งล้วนแต่เป็นคนรับใช้ และบริวารของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งสิ้น

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า ในปี 2537 นิตยสาร WHO’s WHO in BUSINESS and FINANCE ได้จัดอันดับผู้ถือหุ้นที่มีมูลค่ามากที่สุดในประเทศไทย ปรากฏว่า นางดวงตา วงศ์ภักดี ติดอันดับที่ 10 ส่วนนางสาวบุญชู เหรียญประดับ ติดอันดับที่ 13 รวยหุ้นที่สุดในประเทศไทย จึงอยากถามนายพานทองแท้ว่า มีการรวมทรัพย์สินเหล่านี้ไว้แล้วหรือยัง รวมถึงหุ้นที่ซุกไว้ที่ บ.แอมเพิลริช ที่เกาะบริติชเวอร์จิน ด้วย

นายชวนนท์ กล่าวว่าในปี 2553 พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้าน โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้ยึดทั้งหมด 7.6 หมื่นล้าน ยึดไว้เพียง 4.6 หมื่นล้าน คืนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ 32,047 ล้านบาท ในขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณ แจ้งต่อ ป.ป.ช.ไว้ในปี 2548 จำนวน 21,488 ล้านบาท เท่ากับศาลคืนทรัพย์สินให้มากกว่าที่แจ้งต่อ ป.ป.ช.ถึง 10,559 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าพฤติกรรมของนายพานทองแท้ ไม่แตกต่างไปจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้เป็นบิดาที่พูดความจริงต่อสังคมเพียงครึ่งเดียว โดยเลือกพูดเฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง โดยได้นำข้อความจากทวิตเตอร์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนการยึดทรัพย์ในปี 2553 มีข้อความยืนยันว่า มีเงิน 6 หมื่นล้านบาท ก่อนเป็นนายกฯ มาแสดงต่อสื่อมวลชน เพื่อยืนยันว่าทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และนายพานทองแท้ โกหกจนตัวเองก็งงกับข้อมูลที่มี และขอให้นายพานทองแท้ ตอบคำถามว่า ภายในเวลาไม่กี่ปี ทำไมทรัพย์สินของพ.ต.ท.ทักษิณที่แจ้งไว้ประมาณ 2.3 หมื่นล้านในปี 2540 จึงพุ่งขึ้นเป็น 7.6 หมื่นล้านบาท เกิดจากการใช้อำนาจแสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบ ตามที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสิน ไม่ว่าจะเป็นการแปลงสัญญาสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิตร ชาติเสียหายกว่า 6 หมื่นล้าน การแก้ไขสัญญาโทรศัพท์มือถือ กรณีบัตรเติมเงินและโรมมิ่ง ทำให้บริษัท เอไอเอสได้ประโยชน์ 18,970 ล้านบาท การแก้ไขสัญญาสัมปทานดาวเทียมโดยมิชอบ ให้ดาวเทียมไอพีสตาร์ เป็นดาวเทียมหลักแทนไทยคม ทำให้รัฐเสียหาย 1.6 หมื่นล้านบาท และอีกหลายคดีใช่หรือไม่

" ผมขอแนะนำนายพานทองแท้ว่า ถ้ารักพ่อ ไม่ควรใช้วิธีอย่างนี้ ตอบโต้ทางเฟซบุ๊กพูดข้างเดียว แต่ให้เอาหลักฐาน เหตุผลมายืนยัน ถ้ารักพ่อให้บอกพ่อมาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม บอกพ่อให้สำนึกผิด กลับเข้าประเทศเพื่อชดใช้กรรม อย่าใช้วิธีเดียวกับพ่อ เพราะไม่เป็นประโยชน์กับพ่อ ให้บอกพ่อหยุดทำร้ายประเทศไทย ให้บอกพ่อไปบอกสมุนว่า หยุดปั่นป่วนสร้างความขัดแย้ง ถ้าทำได้เชื่อว่าสังคมไทยให้อภัย แต่ถ้ายังทำแบบนี้ เท่ากับทำบาปให้พ่อและตัวเอง และที่พยายามบอกว่าผมสอบตกไม่ได้เป็นส.ส. ผมไม่โกรธ แต่มีความภูมิใจ เพราะเป็นกระบวนการตามระบอบประชาธิปไตย ผมไม่เคยโกงข้อสอบ และที่ถามว่า “พ่อมึงตายเหรอชวนนท์” ผมจะโกรธหรือไม่นั้น ผมคิดว่า เกิดแก่เจ็บตายหลีกไม่ได้ ผมไม่โกรธ แต่จะโกรธมากกว่าถ้ามีคนพูดว่า “พ่อมึงโกงหรือ?” เพราะความตายบังคับไม่ได้ แต่ความซื่อสัตย์สุจริต คิดดีต่อบ้านเมืองทำได้ จึงอยากฝากถึงนายพานทองแท้ ถ้าอยากช่วยพ่อ ให้ตั้งหลักใหม่ เอาความจริงมาพูด อย่าถลำลึกมากไปกว่านี้ ส่วนที่นายพานทองแท้ บอกว่า พ่อสอนว่าหมากัดอย่ากัดตอบนั้น พ่อผมก็สอนว่า อย่าเล่นกับหมา เพราะหมาจะเลียปาก โดยเฉพาะลูกหมาที่ยังไม่รู้ดีรู้ชั่ว และอาจยังไม่ได้ฉีดวัคซีนด้วย" นายชวนนท์ กล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น