“ชวนนท์” เปิดศึกแลกหมัด “พานทองแท้” เย้ยลูกหมายังไม่ฉีดวัคซีน ย้อนเจ็บ ไม่โกรธถ้าคนถาม “พ่อมึงตาย” แต่โกรธถ้าถาม “พ่อมึงโกง” แนะ ทำบุญเพื่อพ่อ บอก “นช.แม้ว” เลิกทำร้ายประเทศเผื่อคนไทยให้อภัย จับโกหก ทุกเม็ด “ลูกโอ๊ค” พูดความจริงครึ่งเดียว ยิ่งทำร้ายพ่อตัวเอง ชี้ พฤติกรรมไม่ต่างกัน พร้อมท้า “โอ๊ค” ตอบคำถาม ภายในเวลาไม่กี่ปี ทำไมทรัพย์สินของ “ทักษิณ” ที่แจ้งไว้ประมาณ 2.3 หมื่นล้าน ในปี 40 จึงพุ่งขึ้นเป็น 7.6 หมื่นล้าน
วันนี้ (17 มิ.ย.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาตอบโต้ตนเองด้วยถ้อยคำรุนแรง ว่า นายพานทองแท้ ต้องไม่ใช้อารมณ์ แต่ขอให้ใช้เหตุผล เพราะตนไม่ได้แช่งพ่อนายพานทองแท้ แต่เปรียบเปรยว่า นายพานทองแท้ นำข้อเท็จจริงให้สังคมเห็นเกี่ยวกับการซุกหุ้น และดำเนินธุรกิจแบบไม่สุจริตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า มีอยู่จริง ซึ่งเป็นการตรวจสอบตามกระบวนการประชาธิปไตย ถ้า นายพานทองแท้ คิดจะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบต้องยอมรับและควบคุมสติอารมณ์ของตัวเองให้ได้
นายชวนนท์ กล่าวว่า ต้องขอบคุณ นายพานทองแท้ อีกครั้งที่ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม ทำให้ยิ่งชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ซุกหุ้นจริง เพราะข้อมูลที่นายพานทองแท้ ระบุว่า ในปี 2537 พ.ต.ท.ทักษิณ มีเงิน 6 หมื่นล้าน แต่ในปี 2540 ตกลง 7-80% ซึ่งเท่ากับว่า ทรัพย์สินหายไป 12,000-18,000 ล้านบาท เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับการแจ้งบัญชีทรัพย์สินในปีเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ แจ้งทรัพย์สินตนเอง และครอบครัวรวมลูกที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะทั้ง 3 คนรวม 23,878 ล้านบาท ยังมากกว่าที่ นายพานทองแท้ ให้ข้อมูลถึงเกือบ 6 พันล้านบาท จึงต้องถามเงินที่งอกออกมานั้นมาจากไหน นอกจากนี้ สิ่งที่ตนได้แถลงไปก่อนหน้านี้ก็พูดถึงการแสดงบัญชีทรัพย์สินในปี 2540 จนถึงปี 2548 แต่นายพานทองแท้กลับเลือกตัดตอนการแสดงบัญชีทรัย์สินในช่วงปี 40 โดยอ้างว่า ในปี 2542 ตนเองบรรลุนิติภาวะแล้วจึงไม่ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อปปช. โดยไม่บอกความจริงอีกครึ่งหนึ่งที่ว่า ในปี 2540 นั้น นายพานทองแท้ ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และ เหตุใด จึงไม่พูดถึงหุ้นชินคอร์ปที่อยู่ในชื่อของ นางสาวบุญชู เหรียญประดับ นางดวงตา วงศ์ภักดี นายวิชัย ช่างเหล็ก และ นายชัยรัตน์ เชียงพฤกษ์ ซึ่งล้วนแต่เป็นคนรับใช้และบริวารของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งสิ้น
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า ในปี 2537 นิตยสาร WHO’s WHO in BUSINESS and FINANCE ได้จัดอันดับผู้ถือหุ้นที่มีมูลค่ามากที่สุดในประเทศไทย ปรากฏว่า นางดวงตา วงศ์ภักดี ติดอันดับที่ 10 ส่วนนางสาวบุญชู เหรียญประดับ ติดอันดับที่ 13 รวยหุ้นที่สุดในประเทศไทย จึงอยากถามนายพานทองแท้ว่า มีการรวมทรัพย์สินเหล่านี้ไว้แล้วหรือยัง รวมถึงหุ้นที่ซุกไว้ที่ บ.แอมเพิลริชที่เกาะบริติชเวอร์จินด้วย
นายชวนนท์ กล่าวว่า ในปี 2553 พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้าน โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้ยึดทั้งหมด 7.6 หมื่นล้่าน ยึดไว้เพียง 4.6 หมื่นล้าน คืนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ 32,047 ล้านบาท ในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ แจ้งต่อ ป.ป.ช.ไว้ในปี 2548 จำนวน 21,488 ล้านบาท เท่ากับศาลคืนทรัพย์สินให้มากกว่าที่แจ้งต่อ ป.ป.ช.ถึง 10,559 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เห็นว่า พฤติกรรมของนายพานทองแท้ ไม่แตกต่างไปจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้เป็นบิดา ที่พูดความจริงต่อสังคมครึ่งเดียวโดยเลือกเฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง โดยได้นำข้อความจากทวิตเตอร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนการยึดทรัพย์ในปี 2553 มีข้อความยืนยันว่า มีเงิน 6 หมื่นล้าน ก่อนเป็นนายกฯ มาแสดงต่อสื่อมวลชน เพื่อยืนยันว่า ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และ นายพานทองแท้ โกหกจนตัวเองก็งงกับข้อมูลทีี่มี และขอให้นายพานทองแท้ตอบคำถามว่า ภายในเวลาไม่กี่ปี ทำไมทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่แจ้งไว้ประมาณ 2.3 หมื่นล้าน ในปี 2540 จึงพุ่งขึ้นเป็น 7.6 หมื่นล้านบาท เกิดจากการใช้อำนาจแสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบ ตามที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสิน ไม่ว่าจะเป็นการแปลงสัญญาสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิตรชาติเสียหายกว่า 6 หมื่นล้าน การแก้ไขสัญญาโทรศัพท์มือถือ กรณีบัตรเติมเงินและโรมมิ่ง ทำให้บริษัทเอไอเอสได้ประโยชน์ 18,970 ล้านบาท การแก้ไขสัญญาสัมปทานดาวเทียมโดยมิชอบ ให้ดาวเทียมไอพีสตาร์เป็นดาวเทียมหลักแทนไทยคม ทำให้รัฐเสียหาย 1.6 หมื่นล้านบาท และอีกหลายคดีใช่หรือไม่
“ผมแนะนำ นายพานทองแท้ ว่า ถ้ารักพ่อไม่ควรใช้วิธีอย่างนี้ ตอบโต้ทางเฟซบุ๊คพูดข้างเดียว แต่ให้เอาหลักฐาน เหตุผลมายืนยัน ถ้ารักพ่อให้บอกพ่อมาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม บอกพ่อให้สำนึกผิดกลับเข้าประเทศเพื่อชดใช้กรรม อย่าใช้วิธีเดียวกับพ่อเพราะไม่เป็นประโยชน์กับพ่อ ให้บอกพ่อหยุดทำร้ายประเทศไทย ให้บอกพ่อไปบอกสมุนว่าหยุดปั่นป่วนสร้างความขัดแย้ง ถ้าทำได้เชื่อสังคมไทยให้อภัย แต่ถ้ายังทำแบบนี้เท่ากับทำบาปให้พ่อและตัวเอง และที่พยายามบอกว่าผมสอบตกไม่ได้เป็น ส.ส.ผมไม่โกรธแต่มีความภูมิใจ เพราะเป็นกระบวนการตามระบอบประชาธิปไตย ผมไม่เคยโกงข้อสอบ และที่ถามว่า “พ่อมึงตายเหรอชวนนท์” ผมจะโกรธหรือไม่นั้น ผมคิดว่า เกิดแก่เจ็บตายหลีกไม่ได้ ผมไม่โกรธ แต่จะโกรธมากกว่าถ้ามีคนพูดว่า “พ่อมึงโกงหรือ?” เพราะความตายบังคับไม่ได้ แต่ความซื่อสัตย์สุจริตคิดดีต่อบ้านเมืองทำได้ จึงอยากฝากถึงนายพานทองแท้ถ้าอยากช่วยพ่อ ให้ตั้งหลักใหม่ เอาความจริงมาพูด อย่าถลำลึกมากไปกว่านี้ ส่วนที่นายพานทองแท้ บอกว่า พ่อสอนว่าหมากัดอย่ากัดตอบนั้น พ่อผมก็สอนว่าอย่าเล่นกับหมา เพราะหมาจะเลียปาก โดยเฉพาะลูกหมาที่ยังไม่่รู้ดีรู้ชั่ว และอาจยังไม่ได้ฉีดวัคซีนด้วย” นายชวนนท์ กล่าว