โฆษก ปชป.ซัดลูกชายทักษิณถนัดแต่กล่าวหา เผยคดีทุจริต ธอส.บิดาชนะไปนานแล้ว ถามกลับทรัพย์สินตระกูลชินวัตรที่เพิ่มขึ้นแต่ตอบไม่ได้ ถามอีกบัญชีทรัพย์สินก่อนขายหุ้นชินคอร์ปให้เทมาเส็กไม่มีชื่อทักษิณเป็นผู้ถือหุ้น แต่บอกว่าทรัพย์สินเป็นของตัวเองแต่ให้ลูกถือแทน โกหกต่อศาลหรือไม่ หนำซ้ำสมคบกับ “หญิงอ้อ” ซื้อหุ้น TMB 4.5 พัน ล. แต่พบโอ๊คถือหุ้นแค่ 1.5 พัน ล. กังขาสร้างหนี้ลวงหวังโอนปันผลคืนให้แม่หรือไม่
วันนี้ (18 มิ.ย.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดิน กล่าวหาว่า นายมานะศักดิ์ อินทรโกมาลย์สุต บิดาของตน ถูกปลดจากการเป็นผู้บริหารธนาคารอาคารสงเคราะห์เพราะทุจริตเงิน 2 พันล้านบาทว่า เป็นการพูดที่ทำให้เห็นระดับสติปัญญาของนายพานทองแท้ เมื่อโต้แย้งโดยเหตุผลไม่ได้ก็ใช้การกล่าวหาแทนและยังใช้ข้อมูลผิดมากล่าวหาบิดาของตนด้วย โดยได้นำหลักฐานการนำเสนอข่าวจากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันในปี 2533 ที่ระบุว่า นายมานะศักดิ์ บิดาของตนพ้นทุกข้อกล่าวหาจากคำตัดสินของศาล พร้อมกับระบุว่า พ่อของตนต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมทุกอย่าง สู้ทุกศาล ไม่หนีออกนอกประเทศ และสิ่งที่เกิดขึ้นคือ พ่อตนชนะทุกคดี แสดงให้เห็นว่านายพานทองแท้ใช้ข้อมูลที่ผิดพลาด
“ผมอยากบอกว่าพ่อของทุกคนไม่มีใครนิสัยเหมือนพ่อนายพานทองแท้ หลังจากนั้นพ่อผมลงสู่การเมืองได้รับเลือกเป็น ส.ส. ไม่มีอะไรด่างพร้อย ศาลตัดสินแล้วให้ชนะคดี การที่นายพานทองแท้เอาเรื่องอย่างนี้มาพูดทำให้เห็นว่าได้พ่อมาเต็มร้อย คือไม่ถนัดชี้แจง ถนัดแต่กล่าวหาคนอื่น ผมถามหลายคำถามเกี่ยวกับทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น แต่ตอบไม่ได้ ไปค้นข้อมูลผิดๆ มาโจมตีพ่อผม ถ้ายังทำอย่างนี้ต่อพ่อนายพานทองแทัไม่มีทางได้กลับเมืองไทย มีลูกฝีมืออย่างนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เหนื่อยแน่ และผมเชื่อมีกี่แสนล้านก็โดนนายพานทองแท้ผลาญหรือโดนต้มหมดแน่ จึงเป็นห่วงแทนอาณาจักรชินคอร์ปจะล่มสลายในรุ่นลูกไม่ถึงรุ่นหลานแน่นอน” นายชวนนท์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังตั้งคำถามไปถึงนายพานทองแท้ ให้ตอบเกี่ยวกับการแสดงบัญชีทรัพย์สินในวันที่ 26 ส.ค. 2548 ก่อนที่จะมีการขายหุ้นให้กองทุนเทมาเส็ก ซึ่งในช่วงดังกล่าวไม่มีชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือชินคอร์ปแล้วถ้า พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของตัวเอง ก็หมายความว่าลูกๆ ให้การเท็จต่อศาล เพราะไม่มีทรัพย์สินและหุ้นในชินคอร์ปแล้ว เป็นการมัดคอตัวเองว่าซุกหุ้นไว้ที่ลูก นอกจากนี้ ขอให้นายพานทองแท้ตอบคำถามว่า ในวันที่ 31 ส.ค. 2543 จำได้หรือไม่ว่าทำธุรกรรมอะไรกับคุณหญิงพจมาน มีการซื้อหุ้นธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงิน 4.5 พันล้านบาท และทำตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวนเดียวกันให้คุณหญิงพจมาน แต่เมื่อตรวจสอบพบว่านายพานทองแท้ถือหุ้นเพียง 150 ล้านหุ้น มูลค่า 1,500 ล้านบาท แล้วทำไมจึงจ่ายเงินให้มารดาถึง 4,500 ล้านบาท
นายชวนนท์กล่าวว่า สาเหตุที่จ่ายแพงเพราะเป็นการสร้างหนี้อำพรางเพื่อจะได้โอนเงินปันผลคืนให้คุณหญิงพจมานใช่หรือไม่ การซื้อหุ้นสามัญใหม่ในการเพิ่มทุนของธนาคารทหารไทย จะได้ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ที่จะซื้อหุ้นบุริมสิทธิ นายพานทองแท้ซื้อหุ้นต่อจากแม่มา 150 ล้านหุ้น มูลค่า 1,500 ล้านบาท ได้สิทธิอนุพันธ์ฟรี 3,000 ล้านใบ แต่แม่กลับเอามาขายให้ลูกเพราะยังมีตั๋วสัญญาอีกกว่า 500 ล้านบาทให้แม่ เป็นการทำธุรกรรมอำพรางให้มีหนี้ลมกับแม่ตัวเอง เมื่อได้เงินปันผลจากหุ้นที่ซุกไว้จะได้ให้ลูกโอนมาคืนเพื่ออ้างว่าใช้หนี้ค่าหุ้น ซึ่งจากการสั่งจ่ายเช็คที่นายพานทองแท้สั่งจ่ายให้คุณหญิงพจมานในช่วงปี 2544 ถึง 2549 ตัวเลขลงตัวเท่ากับเงินปันผล 5,056 ล้านบาท จึงจำเป็นต้องมีหนี้เพราะต้องโอนเงินปันผล สร้างหนี้ลวง หนี้อำพรางขึ้นมา
“ถามนายพานทองแท้ว่า ที่ผมพูดทั้งหมดจริงหรือไม่ เป็นเพราะแบบนี้ใช่หรือไม่จึงตอบ คตส.ในช่วงที่สอบสวนไม่ได้ จะตอบโต้ต้องอธิบายความจริง พูดในเนื้อหาครับ ผมไม่อยากว่านายพานทองแท้ว่ามีนิสัยตุ๊ด เพราะกลัวกะเทยจะโกรธ แต่นิสัยอย่างนี้ผู้ชายไม่ทำ ซึ่งผมจะไม่โต้ตอบนายพานทองแท้แล้ว เพราะได้รับคำเตือนว่าอย่าลดตัวลงไป ยิ่งนายพานทองแท้ทำแบบนี้ พ่อของนายพานทองแท้ก็จะยิ่งห่างไกลชายแดนประเทศไทยไปเรื่อยๆ ที่สำคัญคือขอบคุณนายพานทองแท้ที่ทำให้เรื่องซุกหุ้นอยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาอยู่ในความสนใจของสังคมอีกครั้ง ขณะนี้ข้อมูลหลั่งไหลมาที่ผมอย่างเต็มที่ นายพานทองแท้ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้เป็นพ่อซวยอีกครั้งหนึ่งแล้ว” นายชวนนท์กล่าว
ระหว่างการแถลงข่าว นายชวนนท์ได้นำหลักฐานการถือหุ้นธนาคารทหารไทยของนายพานทองแท้ สำเนาตั๋วสัญญาใช้เงินที่นายพานทองแท้ทำกับคุณหญิงพจมานหลายฉบับ รวมถึงหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีคุณหญิงพจมานตั้งแต่ปี 2544 ถึง 2549 รวม 5,056 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับเงินปันผลจากการถือหุ้นบริษัทชินคอร์ปแทนคุณหญิงพจมาน