วานนี้(11 มิ.ย.55) นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 10.00 น.ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งที่ 130/2555 ชี้ขาดคำร้องอุทธรณ์ คำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา หลังจากที่บริษัท เทคนิทีม (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของโกดังกักเก็บถ่านหินท่าทราย ที่ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น ที่มีคำสั่งเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2554 ให้ผู้ประกอบการระงับการประกอบกิจการถ่านหินทุกกรณีไว้ ไม่ว่าจะเป็นการลำเลียง การเก็บกอง การขนถ่าย การขนส่งหรือการดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร โดยศาลสั่งให้นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าทราบ อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร และสำนักงานขนส่งทางน้ำที่ 3 จังหวัดสมุทรสาคร ควบคุม ตรวจสอบ หรือกำกับให้มีการปฏิบัติตามคำสั่งศาลและคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครอย่างเคร่งครัด จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ทั้งนี้คำสั่งของศาลปกครองสูงสุด ระบุไว้ชัดเจนว่า การประกอบกิจการถ่านหินมิได้ดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไขท้ายใบอนุญาต ในการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ อีกทั้งมีคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครที่ออกมาเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2554 ให้ผู้ประกอบการถ่านหินทั้งหมดในจังหวัดสมุทรสาครระงับการประกอบกิจการถ่านหินทุกกรณีไว้แล้ว แต่ผู้ประกอบการยังฝ่าฝืนอีก การกระทำของผู้ประกอบการจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงเป็นการตั้งใจกระทำซ้ำหรือกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย เป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีและประชาชนได้รับความเดือดร้อนและเสียหาย ซึ่งถือว่าเป็นเหตุที่เพียงพอที่ศาลจะมีคำสั่งให้การคุ้มครองชั่วคราวแก่ชาวบ้านผู้ฟ้องคดีดังกล่าว
ทั้งนี้หากประชาชนคนใดพบเห็นการฝ่าฝืนของผู้ประกอบการถ่านหินในพื้นที่ต่าง ๆ ของตำบลท่าทราย และในจังหวัดสมุทรสาคร ให้รีบแจ้งให้ นายก อบต.ในพื้นที่รับทราบเพื่อจับกุม ส่งเจ้าพนักงานตำรวจลงโทษต่อไป และหาก นายก อบต.ดังกล่าวไม่ดำเนินการใด ๆ ประชาชนผู้พบเห็นสามารถเข้าแจ้งความกล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้ต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด
อนึ่ง คำสั่งของศาลปกครองสูงสุดครั้งนี้ถือได้ว่า น่าที่จะเป็นคำสั่งที่ช่วยส่งดวงวิญญาณของคุณทองนาค เสวกจินดา ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ในคดีนี้ที่เป็นแกนนำในการต่อต้านโรงงานถ่านหินในพื้นที่ท่าทราย ให้ไปสู่สวรรค์ตามที่ได้มีการจัดพิธีฌาปนกิจไปแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน 2555 ที่ผ่านมา.
ทั้งนี้คำสั่งของศาลปกครองสูงสุด ระบุไว้ชัดเจนว่า การประกอบกิจการถ่านหินมิได้ดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไขท้ายใบอนุญาต ในการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ อีกทั้งมีคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครที่ออกมาเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2554 ให้ผู้ประกอบการถ่านหินทั้งหมดในจังหวัดสมุทรสาครระงับการประกอบกิจการถ่านหินทุกกรณีไว้แล้ว แต่ผู้ประกอบการยังฝ่าฝืนอีก การกระทำของผู้ประกอบการจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงเป็นการตั้งใจกระทำซ้ำหรือกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย เป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีและประชาชนได้รับความเดือดร้อนและเสียหาย ซึ่งถือว่าเป็นเหตุที่เพียงพอที่ศาลจะมีคำสั่งให้การคุ้มครองชั่วคราวแก่ชาวบ้านผู้ฟ้องคดีดังกล่าว
ทั้งนี้หากประชาชนคนใดพบเห็นการฝ่าฝืนของผู้ประกอบการถ่านหินในพื้นที่ต่าง ๆ ของตำบลท่าทราย และในจังหวัดสมุทรสาคร ให้รีบแจ้งให้ นายก อบต.ในพื้นที่รับทราบเพื่อจับกุม ส่งเจ้าพนักงานตำรวจลงโทษต่อไป และหาก นายก อบต.ดังกล่าวไม่ดำเนินการใด ๆ ประชาชนผู้พบเห็นสามารถเข้าแจ้งความกล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้ต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด
อนึ่ง คำสั่งของศาลปกครองสูงสุดครั้งนี้ถือได้ว่า น่าที่จะเป็นคำสั่งที่ช่วยส่งดวงวิญญาณของคุณทองนาค เสวกจินดา ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ในคดีนี้ที่เป็นแกนนำในการต่อต้านโรงงานถ่านหินในพื้นที่ท่าทราย ให้ไปสู่สวรรค์ตามที่ได้มีการจัดพิธีฌาปนกิจไปแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน 2555 ที่ผ่านมา.