ASTVผู้จัดการรายวัน- อึดอัดต้นสังกัดโดนการเมืองแทรก นักข่าวภาคสนามร่วมเปิดแฟนเพจ "สายตรงภาคสนาม" รายงานข่าวเอง ประกาศ "ที่นี่ไม่เป็นกลาง มีแต่ความจริงให้ประชาชน" เรียกร้องเพื่อนร่วมวิชาชีพร่วมตีแผ่ความจริง เผย 3 วันชาวเน็ตเข้าชมเพจแล้วเกือบ 6 หมื่นคน ปชป.จวก "สรยุทธ-ช่อง9 " เปิดพื้นที่ให้นักวิชาการหางแดงบิดเบือนการทำหน้าที่ของศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่บ้านเมืองทวีความตึงเครียดมากขึ้น จากสถานการณ์การเมืองที่เกิดความขัดแย้ง จากการที่รัฐบาลหักดิบพยายามผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรองดองแห่งชาติ ประกอบกับรัฐบาลมีท่าทีที่จะขัดคำสั่ง ศาลรัฐธรรมนูญ ที่ให้ระงับการลงมติวาระ 3 ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ด้วยการใช้เสียงข้างมาก ลงมติวาระ 3 ในการประชุมรัฐสภา วันที่ 8 มิ.ย. นี้ ปรากฏว่า มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในโลกโซเชียลมีเดีย จากการรวมตัวของกลุ่มบุคคล ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้สื่อข่าวภาคสนาม จากหลากหลายสำนัก ได้ร่วมกันจัดทำแฟนเพจชื่อ "สายตรงภาคสนาม" โดยเริ่มก่อตั้ง เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา
เพจสายตรงภาคสนาม ซึ่งมีสโลแกนของเพจว่า "โกหกไม่ลง พูดตรงไปเลย" และใช้สัญลักษณ์รูปลิงเปิดหู เปิดตา เปิดปาก ได้ออกแถลงการณ์ ชี้เหตุผลในการจัดทำแฟนเพจไว้ว่า เพจ "สายตรงภาคสนาม" เปิดขึ้นจากการรวมตัวของกลุ่มนักข่าวภาคสนาม จากหลากหลายสังกัด ที่มีความเห็นตรงกันว่า ในสถานการณ์ที่ประเทศชาติเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่าน ซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของบ้านเมือง ถือเป็นภารกิจสำคัญยิ่งของผู้ที่ทำหน้าที่ สื่อสารมวลชน ในการนำเสนอข้อมูล ข่าวสาร ที่ถูกต้องให้กับประชาชน ได้รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของฝ่ายการเมือง เนื่องจากสื่อหลัก มิได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเข้มแข็งในการปกป้องบ้านเมือง โดยมีการอ้างคำว่า "เป็นกลาง" อย่างพร่ำเพรื่อ โดยกลุ่มเพจ"สายตรงภาคสนาม" มีความเห็นที่แตกต่างออกไป เนื่องจากตามหลักวิชาการของสื่อสารมวลชนเอง ก็ยังมีการระบุถึงหน้าที่ไว้ว่า สื่อต้องเป็น GATEKEEPER คือ ประตูแห่งการกลั่นกรองข่าวสาร
ดังนั้น สื่อมวลชนซึ่งเข้าถึงข้อมูลจากแหล่งข่าวได้มากกว่าประชาชนทั่วไป จึงอยู่ในวิสัยที่ต้องตัดสินข้อมูลที่มีในมือได้ว่า การเคลื่อนไหวของฝ่ายการเมือง ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล เป็นประโยชน์ต่อประชาชน หรือไม่ ด้วยการเปิดเผยแง่มุมต่างๆ ในเรื่องนั้นๆ เพื่อให้สังคมได้เรียนรู้ถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับบ้านเมืองได้อย่างรอบด้านมากขึ้น
ทั้งนี้ กลุ่ม"เพจสายตรงภาคสนาม" จะได้นำข้อมูลข่าวสารจากการทำข่าวในภาคสนามนำเสนอต่อประชาชน เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูล ในภาวะที่สื่อหลักถูก แทรกซื้อ แทรกซึม แทรกแซง หรือแม้แต่สมยอมกลายเป็นเครื่องมือให้ฝ่ายการเมืองใช้ในการชี้นำประชาชน เพื่อประโยชน์ในทางการเมือง
ในฐานะที่พวกเราเป็นสื่อสารมวลชน ตระหนักถึงภาระหน้าที่ภายใต้จรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ โดยไม่มีกรอบจำกัดของต้นสังกัดเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงพร้อมใจรวมตัวกันสร้าง "เพจสายตรงภาคสนาม" โดยหวังว่า จะได้เป็นส่วนเล็กๆ ในการปกป้องบ้านเมืองด้วยการสร้างปัญญาผ่านข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อหยุดยั้งความสับสนในสังคมไทยที่ทำให้คนจำนวนมากตกอยู่ในภาวะแยกแยะถูกผิดไม่ได้ เพราะได้รับข้อมูลที่ไม่รอบด้าน เนื่องจากสื่อหลักคือ หนังสือพิมพ์บางฉบับ และ ฟรีทีวี มิได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ในภาวะที่บ้านเมืองต้องการสื่อที่มีความกล้าหาญ
เพจสายตรงภาคสนาม จึงขอทำหน้าที่ผ่านโลกออนไลน์ เพื่อให้ความจริงกับสังคม เพราะพวกเรา "โกหกไม่ลง พูดตรงไปเลย" และขอเชิญชวนเพื่อนพ้องน้องพี่ ผู้สื่อข่าวภาคสนาม ที่อึดอัดกับการเสนอข่าวของต้นสังกัดตัวเอง สามารถส่งข้อมูลเพื่อร่วมตีแผ่ความจริงได้ที่เพจนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจสายตรงภาคสนาม ได้เริ่มดำเนินการเผยแพร่ข่าวสาร ผ่านเพจของตัวเองอย่างเต็มรูปแบบมาเป็นเวลา 3 วันแล้ว นับตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. 55 โดยได้รับความสนใจจากชาวเน็ตจำนวนมาก มีคนเข้าไปกดไลค์ เพื่อร่วมเป็นสมาชิกเพจแล้วเกือบ 2 พันคน และมีผู้ที่เข้าชมและแชร์ข้อมูลถึง 6,690 คนต่อวัน ขณะที่ตลอด 3 วันที่ผ่านมา มีผู้เข้าถึงข้อมูลของเพจสายตรงภาคสนามแล้วถึง 57,525 คน ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนที่สูงมาก
สำหรับข้อมูลที่ถูกส่งต่อ และเป็นที่กล่าวขวัญมากที่สุดคือ การนำบัญชีทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช.ในปี 40 /44 /48 และ49 มาเปิดโปงจับโกหก พ.ต.ท.ทักษิณ ที่อ้างว่าตัวเองมีทรัพย์สินก่อนเข้าทำงานการเมือง 4.6 หมื่นล้านบาท โดยใช้ชื่อหัวข้อว่า "ปากแม้วพาจน มัดตัวเองซุกทรัพย์สินจริง" พร้อมกับนำการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 2 มิ.ย. 55 มีข้อความว่า "ต้องไปถามพล.ต.จำลอง ที่มายืนประท้วงผม วันที่เชิญผมไปเป็น รมว.ต่างประเทศ ปี 37 เมื่อ 18 ปีที่แล้ว ผมประกาศมีทรัพย์สิน 4.6 หมื่นล้านบาท ผมมีตังค์ ค้าขายร่ำรวยมาก่อน ไม่ใช่ต้มใครมาก่อน แล้วมาเป็นนักการเมืองที่มีตังค์ ผมเข้ามาการเมืองมีแต่เงินหายไป เงิน 4.6 หมื่นล้าน ไม่ได้ปล้นใครมา แต่เขาปล้นผมไป ต้องการให้เข้าใจว่า เป็นเงินของผม ของครอบครัวที่ถูกขโมยไป ถูกปล้นไป"
ทั้งนี้ทางแอดมินของเพจสายตรงภาคสนาม ยังประกาศด้วยว่า "ที่นี่ไม่เป็นกลาง มีแต่ความจริงให้ประชาชน"
** อัด"สรยุทธ-ช่อง9 "สื่อเทียม
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคจะตั้งกรรมการตรวจสอบการเสนอข่าวสารของสื่อมวลชนทุกแขนง โดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ ส.ส.ของพรรคไปยื่นหนังสือถึงสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 และนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ให้เสนอข่าวอย่างรอบด้านมาแล้ว พร้อมกับตั้งข้อสังเกตการจัดรายการพิเศษ ของช่อง 9 ที่เปิดโอกาสให้นักวิชาการ วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญข้างเดียว ถือเป็นการเลือกข้างชัดเจน จึงเรียกร้องว่า ควรจะจัดรายการเพื่อสร้างความสมดุลของข้อมูล ด้วยการให้โอกาสศาลรัฐธรรมนูญได้อธิบาย รวมถึงนักวิชาการที่เห็นต่างจากรัฐบาล ได้มีพื้นที่ในการให้ข้อมูลกับประชาชนด้วย โดยจะเริ่มติดตามการนำเสนอข่าว และรายการต่างๆ อย่างใกล้ชิดในวันนี้ ซึ่งจะมี นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานคณะทำงาน หากพบว่า มีการนำเสนอข้อมูลที่เป็นเท็จ ก็จะทำข้อมูลโต้แย้งทันที
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปกดดัน นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการเล่าข่าวนั้น พรรคเพื่อไทย เห็นว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการก้าวล่วงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน จึงอยากเรียกร้องไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำพรรค ออกมารับผิดชอบทางการเมือง ด้วยการออกมาขอโทษประชาชน และเรียกร้องให้มีการตั้งกรรมการสอบจริยธรรม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ก่อเหตุความวุ่นวายในสภา รวมทั้งพิจารณาบทลงโทษในการกระทำดังกล่าวด้วย เพราะเป็นการกระทำที่ไม่รับผิดชอบ และไม่เคารพประชาชน มิเช่นนั้นจะถือว่าอยู่เบื้องหลังในการสนับสนุน และหลังจากนี้ ส.ส.จะได้ใจ และจะเกิดขึ้นอีกต่อไป และหากทำไม่ได้ ก็เรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์ ลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นการกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ เพียงอย่างเดียว.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่บ้านเมืองทวีความตึงเครียดมากขึ้น จากสถานการณ์การเมืองที่เกิดความขัดแย้ง จากการที่รัฐบาลหักดิบพยายามผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรองดองแห่งชาติ ประกอบกับรัฐบาลมีท่าทีที่จะขัดคำสั่ง ศาลรัฐธรรมนูญ ที่ให้ระงับการลงมติวาระ 3 ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ด้วยการใช้เสียงข้างมาก ลงมติวาระ 3 ในการประชุมรัฐสภา วันที่ 8 มิ.ย. นี้ ปรากฏว่า มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในโลกโซเชียลมีเดีย จากการรวมตัวของกลุ่มบุคคล ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้สื่อข่าวภาคสนาม จากหลากหลายสำนัก ได้ร่วมกันจัดทำแฟนเพจชื่อ "สายตรงภาคสนาม" โดยเริ่มก่อตั้ง เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา
เพจสายตรงภาคสนาม ซึ่งมีสโลแกนของเพจว่า "โกหกไม่ลง พูดตรงไปเลย" และใช้สัญลักษณ์รูปลิงเปิดหู เปิดตา เปิดปาก ได้ออกแถลงการณ์ ชี้เหตุผลในการจัดทำแฟนเพจไว้ว่า เพจ "สายตรงภาคสนาม" เปิดขึ้นจากการรวมตัวของกลุ่มนักข่าวภาคสนาม จากหลากหลายสังกัด ที่มีความเห็นตรงกันว่า ในสถานการณ์ที่ประเทศชาติเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่าน ซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของบ้านเมือง ถือเป็นภารกิจสำคัญยิ่งของผู้ที่ทำหน้าที่ สื่อสารมวลชน ในการนำเสนอข้อมูล ข่าวสาร ที่ถูกต้องให้กับประชาชน ได้รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของฝ่ายการเมือง เนื่องจากสื่อหลัก มิได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเข้มแข็งในการปกป้องบ้านเมือง โดยมีการอ้างคำว่า "เป็นกลาง" อย่างพร่ำเพรื่อ โดยกลุ่มเพจ"สายตรงภาคสนาม" มีความเห็นที่แตกต่างออกไป เนื่องจากตามหลักวิชาการของสื่อสารมวลชนเอง ก็ยังมีการระบุถึงหน้าที่ไว้ว่า สื่อต้องเป็น GATEKEEPER คือ ประตูแห่งการกลั่นกรองข่าวสาร
ดังนั้น สื่อมวลชนซึ่งเข้าถึงข้อมูลจากแหล่งข่าวได้มากกว่าประชาชนทั่วไป จึงอยู่ในวิสัยที่ต้องตัดสินข้อมูลที่มีในมือได้ว่า การเคลื่อนไหวของฝ่ายการเมือง ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล เป็นประโยชน์ต่อประชาชน หรือไม่ ด้วยการเปิดเผยแง่มุมต่างๆ ในเรื่องนั้นๆ เพื่อให้สังคมได้เรียนรู้ถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับบ้านเมืองได้อย่างรอบด้านมากขึ้น
ทั้งนี้ กลุ่ม"เพจสายตรงภาคสนาม" จะได้นำข้อมูลข่าวสารจากการทำข่าวในภาคสนามนำเสนอต่อประชาชน เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูล ในภาวะที่สื่อหลักถูก แทรกซื้อ แทรกซึม แทรกแซง หรือแม้แต่สมยอมกลายเป็นเครื่องมือให้ฝ่ายการเมืองใช้ในการชี้นำประชาชน เพื่อประโยชน์ในทางการเมือง
ในฐานะที่พวกเราเป็นสื่อสารมวลชน ตระหนักถึงภาระหน้าที่ภายใต้จรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ โดยไม่มีกรอบจำกัดของต้นสังกัดเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงพร้อมใจรวมตัวกันสร้าง "เพจสายตรงภาคสนาม" โดยหวังว่า จะได้เป็นส่วนเล็กๆ ในการปกป้องบ้านเมืองด้วยการสร้างปัญญาผ่านข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อหยุดยั้งความสับสนในสังคมไทยที่ทำให้คนจำนวนมากตกอยู่ในภาวะแยกแยะถูกผิดไม่ได้ เพราะได้รับข้อมูลที่ไม่รอบด้าน เนื่องจากสื่อหลักคือ หนังสือพิมพ์บางฉบับ และ ฟรีทีวี มิได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ในภาวะที่บ้านเมืองต้องการสื่อที่มีความกล้าหาญ
เพจสายตรงภาคสนาม จึงขอทำหน้าที่ผ่านโลกออนไลน์ เพื่อให้ความจริงกับสังคม เพราะพวกเรา "โกหกไม่ลง พูดตรงไปเลย" และขอเชิญชวนเพื่อนพ้องน้องพี่ ผู้สื่อข่าวภาคสนาม ที่อึดอัดกับการเสนอข่าวของต้นสังกัดตัวเอง สามารถส่งข้อมูลเพื่อร่วมตีแผ่ความจริงได้ที่เพจนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจสายตรงภาคสนาม ได้เริ่มดำเนินการเผยแพร่ข่าวสาร ผ่านเพจของตัวเองอย่างเต็มรูปแบบมาเป็นเวลา 3 วันแล้ว นับตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. 55 โดยได้รับความสนใจจากชาวเน็ตจำนวนมาก มีคนเข้าไปกดไลค์ เพื่อร่วมเป็นสมาชิกเพจแล้วเกือบ 2 พันคน และมีผู้ที่เข้าชมและแชร์ข้อมูลถึง 6,690 คนต่อวัน ขณะที่ตลอด 3 วันที่ผ่านมา มีผู้เข้าถึงข้อมูลของเพจสายตรงภาคสนามแล้วถึง 57,525 คน ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนที่สูงมาก
สำหรับข้อมูลที่ถูกส่งต่อ และเป็นที่กล่าวขวัญมากที่สุดคือ การนำบัญชีทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช.ในปี 40 /44 /48 และ49 มาเปิดโปงจับโกหก พ.ต.ท.ทักษิณ ที่อ้างว่าตัวเองมีทรัพย์สินก่อนเข้าทำงานการเมือง 4.6 หมื่นล้านบาท โดยใช้ชื่อหัวข้อว่า "ปากแม้วพาจน มัดตัวเองซุกทรัพย์สินจริง" พร้อมกับนำการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 2 มิ.ย. 55 มีข้อความว่า "ต้องไปถามพล.ต.จำลอง ที่มายืนประท้วงผม วันที่เชิญผมไปเป็น รมว.ต่างประเทศ ปี 37 เมื่อ 18 ปีที่แล้ว ผมประกาศมีทรัพย์สิน 4.6 หมื่นล้านบาท ผมมีตังค์ ค้าขายร่ำรวยมาก่อน ไม่ใช่ต้มใครมาก่อน แล้วมาเป็นนักการเมืองที่มีตังค์ ผมเข้ามาการเมืองมีแต่เงินหายไป เงิน 4.6 หมื่นล้าน ไม่ได้ปล้นใครมา แต่เขาปล้นผมไป ต้องการให้เข้าใจว่า เป็นเงินของผม ของครอบครัวที่ถูกขโมยไป ถูกปล้นไป"
ทั้งนี้ทางแอดมินของเพจสายตรงภาคสนาม ยังประกาศด้วยว่า "ที่นี่ไม่เป็นกลาง มีแต่ความจริงให้ประชาชน"
** อัด"สรยุทธ-ช่อง9 "สื่อเทียม
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคจะตั้งกรรมการตรวจสอบการเสนอข่าวสารของสื่อมวลชนทุกแขนง โดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ ส.ส.ของพรรคไปยื่นหนังสือถึงสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 และนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ให้เสนอข่าวอย่างรอบด้านมาแล้ว พร้อมกับตั้งข้อสังเกตการจัดรายการพิเศษ ของช่อง 9 ที่เปิดโอกาสให้นักวิชาการ วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญข้างเดียว ถือเป็นการเลือกข้างชัดเจน จึงเรียกร้องว่า ควรจะจัดรายการเพื่อสร้างความสมดุลของข้อมูล ด้วยการให้โอกาสศาลรัฐธรรมนูญได้อธิบาย รวมถึงนักวิชาการที่เห็นต่างจากรัฐบาล ได้มีพื้นที่ในการให้ข้อมูลกับประชาชนด้วย โดยจะเริ่มติดตามการนำเสนอข่าว และรายการต่างๆ อย่างใกล้ชิดในวันนี้ ซึ่งจะมี นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานคณะทำงาน หากพบว่า มีการนำเสนอข้อมูลที่เป็นเท็จ ก็จะทำข้อมูลโต้แย้งทันที
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปกดดัน นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการเล่าข่าวนั้น พรรคเพื่อไทย เห็นว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการก้าวล่วงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน จึงอยากเรียกร้องไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำพรรค ออกมารับผิดชอบทางการเมือง ด้วยการออกมาขอโทษประชาชน และเรียกร้องให้มีการตั้งกรรมการสอบจริยธรรม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ก่อเหตุความวุ่นวายในสภา รวมทั้งพิจารณาบทลงโทษในการกระทำดังกล่าวด้วย เพราะเป็นการกระทำที่ไม่รับผิดชอบ และไม่เคารพประชาชน มิเช่นนั้นจะถือว่าอยู่เบื้องหลังในการสนับสนุน และหลังจากนี้ ส.ส.จะได้ใจ และจะเกิดขึ้นอีกต่อไป และหากทำไม่ได้ ก็เรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์ ลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นการกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ เพียงอย่างเดียว.