xs
xsm
sm
md
lg

Fight for the Right “บัวขาว ป.ประมุข”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เรื่องของ บัวขาว ยังไม่รู้จะลงเอยรูปแบบใด
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-จันทร์ที่ 30 เม.ย. ดีเดย์ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวยของ กกท. เตรียมเรียกนักมวยเควันและไทยไฟต์ชื่อดังอย่าง “ดำ ดอตคอม” หรือ “บัวขาว ป.ประมุข” ซึ่งเดินทางกลับจากมาเก๊าเข้ารับทราบข้อกล่าวหาฐานทำผิด พ.ร.บ. มวย พ.ศ. 2542 ในการฝ่าฝืนขึ้นชกเมื่อวันที่ 17 เม.ย. 55 ที่ผ่านมา ในศึกไทยไฟต์ ณ แหลมบาลีฮาย ชายหาดพัทยา โดยไม่มีรายชื่อแจ้งล่วงหน้า และคู่ชกได้พักไม่ถึง 21 วันตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังเป็นวันที่ทาง “หัวหน้าค่ายมวย” ซึ่งรวมตัวกัน นัดจะยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการให้กับคณะกรรมการกีฬามวยพิจารณาอีกด้วย

หลังการขึ้นชกไฟต์อื้อฉาวจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางทั้งในวงการกีฬา รวมไปถึงประชาชนคนทุกภาคส่วน บ้างก็เห็นใจ “บัวขาว” มองว่าน่าจะถูกเอารัดเอาเปรียบจากเจ้าของค่าย ที่ผ่านมาตัวนักมวยไม่ได้รับผลประโยชน์อย่างที่ควรจะเป็นจนสุดท้ายต้องหนีเตลิดไปขึ้นชกในรายการที่ค่าย ป.ประมุขไม่อนุญาต ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงจริงๆนักมวยคงไม่ออกมาโวย

อีกส่วนก็มองว่ากฎต้องเป็นกฎเซ็นสัญญากับเขาไว้แล้ว แถมเจ้าของค่ายยังเป็นผู้มีบุญคุณ เลี้ยงดูปูเสื่อกันมาตั้งแต่ 9 ขวบปั้นจนโด่งดัง ทำไมไม่คิดถึงอดีตกันบ้าง

ก็ว่ากันไปตามความรู้สึกนึกคิด…

แต่ถามว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร ? เป็นสิ่งที่หลายฝ่ายกำลังจับตามองอยู่ในขณะนี้ และที่สำคัญ กรณี “บัวขาว” จะสามารถสร้างบรรทัดฐานใหม่ใดๆ ให้เกิดขึ้นกับวงการมวยบ้านเราได้บ้าง อย่างไร?

ข้อแรก เรื่อง “ความยุติธรรม” ของสัญญาและการปฏิบัติระหว่างค่ายกับตัวนักมวย หรือแม้กระทั่งโปรโมเตอร์กับนักมวย คณะกรรมการกีฬามวยควรจะมีกำหนด ”สิทธิขั้นพื้นฐาน” ในการปกป้องหรือรักษาผลประโยชน์ของตัวนักกีฬาในการเซ็นสัญญาใดๆหรือไม่ เพราะต้องยอมรับว่านักมวยบ้านเราส่วนใหญ่ความรู้น้อย บางรายอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ด้วยซ้ำ เจ้าของค่ายให้ลงนามอะไรก็เซ็นไป มารู้ตัวทีหลังก็สายเกินไปแล้ว จะฉีกสัญญาทิ้งก็ถูกปรับเงินเข้าเสียอีก สุดท้ายต้องยอมโดนเอาเปรียบอยู่ร่ำไป

อย่างกรณีของ “บัวขาว” นั้นเจ้าตัวได้ทำหนังสือแจ้งต่อสำนักงานคณะกรรมการมวยลงวันที่ 26 มีนาคม 55 เรื่องขอบอกเลิกสัญญากับทางค่าย ป.ประมุข อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าของค่าย โดยแจกแจงเป็นข้อๆดังต่อไปนี้

1.หัวหน้าค่ายมวยละเลยไม่ได้ให้การดูแลอย่างเหมาะสมจนได้รับความเสียหายทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ โดยทางค่าย ป.ประมุข ได้จัดโปรแกรมการฝึกซ้อมและแข่งขันจนทำให้ประสบปัญหาสุขภาพตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 ซึ่งทางค่ายยังจัดโปรแกรมจนไม่มีเวลาในการพักรักษาตัวและไม่มีการรักษาอาการบาดเจ็บอย่างจริงจัง

2.สภาพการทำงานไม่มีความปลอดภัยต่อชีวิต ระบุว่าเมื่อต้นเดือนธันวาคมปี 2554 ขณะที่รายการวีไอพี ช่อง9 มาถ่ายทำเรื่องราวของตนเอง นายประมุข โรจนตัณฑ์ โผล่มาระหว่างถ่ายทำรายการพูดขับไล่ทีมงาน ด้วยการพูดจาหยาบคายและต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง

หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2554 ก่อนการแข่งขัน “ไทยไฟต์” รอบชิงชนะเลิศเพียง 4 วัน นายประมุข โรจนตัณฑ์ ยังเข้ามาพูดจาทำลายขวัญด้วยถ้อยคำรุนแรง

ทั้ง 2 เหตุการณ์ดังกล่าว รวมทั้งสภาพความเป็นอยู่เป็นเหตุให้ตนต้องไปเช่าห้องพักด้วยตนเอง ไม่สามารถพักในค่ายได้และต้องออกจากค่ายในที่สุด ซึ่งจากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น นายธีรพัฒน์ โรจนตัณฑ์ หัวหน้าค่ายมวย ได้นิ่งเฉยและไม่แก้ปัญหาใดๆเลย

3.การแบ่งและการจ่ายเงินรางวัล ค่าย ป.ประมุขได้แบ่งส่วนของเงินรางวัลให้แก่นักมวยเป็นจำนวนน้อยกว่าร้อยละห้าสิบของค่าตอบแทน ไม่จ่ายเงินรางวัลตามเวลา และการรับเงินจากผู้ว่าจ้างบางราย ทางค่ายไม่ได้บอกให้ “บัวขาว” ทราบว่าได้รับมาเท่าไหร่ เมื่อไหร่ ดังนี้

3.1เงินค่าตัวตั้งแต่แข่งขันมวยไทย โดยมี นายประมุข โรจนตัณฑ์ เป็นหัวหน้าค่าย จำนวนเงิน 400,000 บาท “บัวขาว” ยังไม่ได้รับเงินค่าตัวจนปัจจุบัน

3.2เงินรางวัลแชมป์เควัน 2004 จำนวน 10,000,000 เยน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 3,630,000 บาท “บัวขาว” ได้รับเงินรางวัลเพียง 1,000,000 บาท

3.3เงินรางวัลรองแชมป์เควัน 2005 จำนวน 2,500,000 เยน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 832,500 บาท “บัวขาว” ได้รับเงินรางวัลเพียง 15,000 บาท

3.4เงินรางวัลแชมป์เควัน 2006 จำนวน 20,000,000 เยน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 5,648,000 บาท “บัวขาว” ได้รับเงินรางวัลเพียง 2,000,000 บาท แถมเงินจำนวนดังกล่าว ทางครอบครัวโรจนตัณฑ์ ได้ยืมเงินไปอีก เท่ากับว่าส่วนนี้ “บัวขาว” ยังไม่ได้รับเงินรางวัลดังกล่าว

3.5นายธีรพัฒน์ โรจนตัณฑ์ หัวหน้าค่ายมวย ได้ยืมเงินไป 400,000 บาท

3.6เงินสนับสนุนจากบริษัท สิงห์ คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด จำนวน 3,000,000 บาท “บัวขาว” ได้รับเงินรางวัลเพียง 440,000 บาท

สำหรับการรับเงินค่าตัวจากการถ่ายทำรายการ เงินสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ การโชว์ตัว และเงินรางวัล ทางค่าย ป.ประมุข จะแบ่งเงินรางวัลที่ “บัวขาว” พึงได้รับไว้เป็นค่าใช้จ่ายก่อน แล้วจึงนำมาแบ่งเป็นร้อยละห้าสิบของค่าตอบแทนที่เหลืออยู่

4.นายธีรพัฒน์ โรจนตัณฑ์ หัวหน้าค่ายมวย และนายประมุข โรจนตัณฑ์ อดีตหัวหน้าค่ายมวยได้ให้ข่าวตามสื่อต่างๆ หลังจากที่ “บัวขาว” ได้ออกจากค่ายมาในลักษณะทำลายชื่อเสียง เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย

ส่วนในกรณีที่ทางค่าย ป.ประมุขจะฟ้อง “บัวขาว” นั้น ก็น่าสนใจว่าเนื้อหาและรายละเอียดในสัญญาระหว่างค่าย ป.ประมุข กับตัว “บัวขาว” มีรายละเอียดอย่างไร เอารัดเอาเปรียบนักมวยจนเกินไปจริงหรือไม่ อันนี้เป็นเรื่องที่จะต้องพิสูจน์กันตามตัวบทกฎหมายกันต่อไป

ข้อที่สอง คณะกรรมการกีฬามวยของ กกท. นั้นจะเป็นเพียง “เสือกระดาษ” ไม่สามารถลงโทษนักมวยคนใดที่ทำผิด พรบ. จริงอย่างที่กลุ่มหัวหน้าค่ายมวยและบุคคลในวงการมวยตั้งข้อสังเกตอยู่รึเปล่า ที่ผ่านมาไม่เคยเข้ม แล้วทำไมเพิ่งจะมาเข้มเอาในวันนี้

ข้อที่สาม กฎที่กำลังเป็นปัญหาคือการให้นักมวยพักร่างกาย 21 วัน ตาม พรบ. มวยฉบับ พ.ศ. 2542 ซึ่งเพิ่มจากของเดิมที่กำหนดไว้เพียง 14 วันนั้น ปฏิบัติได้จริงหรือ ? หลายฝ่ายเองก็มองว่า 21 วันนั้นนานเกินไปจนทำให้เจ้าของค่ายและโปรโมเตอร์มีปัญหาในการหมุนเวียนหานักมวยดีๆ มาขึ้นชก แถมเรื่องของการตรวจสอบก็ไม่มีมาตรการที่รัดกุมและละเว้นในการปฏิบัติกันมาโดยตลอด จนเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกันขึ้นจากกฎหมายข้อนี้ ถึงเวลาพอเป็นกรณีที่เกิดขึ้นกับนักมวยมีชื่อเสียงอย่าง “บัวขาว” กฎข้อนี้จะถูกนำมาใช้อย่างเคร่งครัด ก็ไม่ทราบว่าความยุติธรรมอยู่ตรงไหน ส่วนคณะกรรมการเองก็อ้างว่ามองที่ความปลอดภัยของตัวนักมวยเป็นหลัก สุดท้ายจะหาจุดลงตัวได้อย่างไร

และล่าสุดเมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา สังคมก็ได้รับทราบรายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับคำฟ้องของค่าย ป.ประมุขต่อบัวขาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อนายวิวัฒน์ แสงสุริยะฉัตร ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายธีรพัฒน์ โรจนตัณฑ์ ผู้จัดการค่ายมวยป.ประมุข เดินทางมายังศาลแพ่งรัชดา เพื่อยื่นฟ้อง บริษัทสปอร์ต อาร์ต จำกัด โดยนายนพพร วาทิน ผู้จัดการชกมวยศึก Thai Fight , นายวิษณุ อ่ำอนันต์ โปรโมเตอร์หรือผู้จัดมวยขึ้นชก ,ว่าที่ ร.ท.ธีรวัฒน์ ยิ้วยิ้ม ผู้จัดการของนายสมบัติ บัญชาเมฆ หรือ บัวขาว ,นายสมบัติ บัญชาเมฆ หรือ บัวขาว และการกีฬาแห่งประเทศไทย ( กกท.) เป็นจำเลยที่ 1-5 เรื่องละเมิดสัญญา เรียกค่าเสีย 100 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อปี กรณีที่นายสมบัติ หรือบัวขาว ได้ละเมิดสัญญาการขึ้นชกมวยที่เคยทำไว้กับค่าย ป.ประมุข โดยบัวขาวได้ขึ้นชกศึก Thai Fight 2012 ที่ บจก.สปอร์ต อาร์ต จัดขึ้นเมื่อวันที่ 17 เม.ย.55 ที่แหลมบาลีฮาย พัทยา จ.ชลบุรี

ทั้งนี้ โจทก์ ยังยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนเพื่อมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้าม นายสมบัติ หรือบัวขาว ขึ้นเวทีชกมวย ที่บจก.สปอร์ต อาร์ต ที่จะมีขึ้นปลายปี 2555 รวมทั้งเวทีอื่นระหว่างที่ยังมีภาระผูกพันกับสัญญาของค่าย ป.ประมุข และห้าม ว่าที่ ร.ท.ธีรวัฒน์ ซึ่งอ้างตัวเป็นผู้จัดการของบัวขาว ไปหาประโยชน์จากการอ้างเป็นผู้จัดการด้วย โดยศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ 1639/2555 ซึ่งศาลนัดพร้อมคู่ความเพื่อกำหนดวันสืบพยานในวันที่ 16 ก.ค.นี้ เวลา 09.00 น

นายวิวรรธน์ ทนายความ กล่าวว่า ค่าเสียหาย 100 ล้าน คิดคำนวณจากค่าเสียหายที่ค่ายมวยขาดประโยชน์ 26 ล้านบาท ค่าขาดไร้ประโยชน์จากการถ่ายทดสดการชกมวยกว่า 170 ประเทศ 68 ล้านบาท และค่าเสียหายอื่นๆ ขณะที่การฟ้องคดีเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายของค่ายในการปกป้องตัวเอง และการขึ้นชกของบัวในวันที่ 17 เม.ย. ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นเรื่องที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งสำนักคณะกรรมการมวยที่ขึ้นตรงกับ การกีฬาแห่งประเทศไทยก็รู้ดีแต่ยังสนับสนุนให้เกิดขึ้น ถ้าเรื่องนี้ไม่มีการดำเนินการใดๆ ก็จะเป็นเยี่ยงอย่าง ทั้งนี้ เมื่อพึ่ง พ.ร.บ.มวยไม่ได้จึงต้องมาพึ่งศาลสถิตยุติธรรม

อย่างไรก็ตาม ในการฟ้องครั้งนี้ได้เตรียมพยานหลักฐานพร้อมจะแสดงในชั้นศาล โดยส่วนของบัวขาวเมื่อจะขึ้นชกก็ออกมายอมรับเองว่าทำผิดกฎหมาย ดังนั้น หลักฐานในคดีนี้มีทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 17 เม.ย. รวมทั้งพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับค่าย ป.ประมุข ขณะที่สัปดาห์หน้าจะแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในสำนักคณะกรรมการมวย สังกัด กกท.ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบด้วย

“การที่ค่าย ป.ประมุข ฟ้องครั้งนี้ ไม่ได้คิดโกรธแค้นใคร แต่ฟ้องเพราะป้องกันสิทธิ ส่วนคดีอาญายังไม่มีการฟ้องร้องบัวขาวในตอนนี้ โดยบัวขาวยังมีโอกาสเคลียร์เรื่องนี้ได้อยู่ แต่ต้องเข้าไปพบและพูดคุยกับค่ายให้รู้เรื่อง” ทนายความกล่าวและว่า หากบัวขาวจะขอเข้ามาไกล่เกลี่ย ทางค่ายพร้อมจะพูดคุยด้วย เช่นเดียวกับคดีแพ่งนี้ถ้าจะมีการเสนอช่องทางไกล่เกลี่ยก็ยินดี ส่วนเรื่องการไต่สวนขอคุ้มครองชั่วคราวห้ามบัวขาวขึ้นชกนั้น ได้ขอให้ศาลนัดไต่สวนวันที่ 2 ก.ค.นี้ แต่หากไต่สวนแล้วศาลยังไม่มีคำสั่งคุ้มครอง ก็จะใช้สิทธิ์ทางกฎหมายยื่นขอคุ้มครองเป็นครั้งๆ ไป

นายวิวรรธน์ ยังกล่าวด้วยว่า อยากจะฝากบอกไปถึง บจก. สปอร์ต อาร์ต และนายนพพร วาทิน ด้วยว่าที่เคยออกมาท้าทายอยากให้ฟ้อง ตอนนี้ก็ฟ้องเรียบร้อยแล้ว ซึ่งความจริงเรื่องแบบนี้ก็ไม่น่าที่จะเกิดขึ้น เพราะนายนพพร เองมีชื่อเสียงและเคยเป็นผู้กำกับละครเวที โดยปี 2533 ก็ได้รับรางวัลจากละครเวทีเรื่องแรก เรื่อง พันท้าย นรสิงห์ ก็อยากให้นายนพพรนึกถึงเนื้อหาละครเรื่องนั้น เพราะหากนายนพพร นึกถึงละครเนื้อหาเรื่องนั้นตั้งแต่แรก ปัญหาแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นบ้างในวงการมวยเมืองไทย ? ...

บางทีการกลับมาต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความจริงของ “บัวขาว ป.ประมุข” อาจช่วยสร้างความถูกต้องและเขียนบรรทัดฐานใหม่ในวงการมวยบ้านเราขึ้นมาได้บ้าง.
ลีลาแม่ไม้มวยไทย
ครั้งขึ้นเวที ไทยไฟต์ ที่พัทยา
แฟนคลับของ บัวขาว
กำลังโหลดความคิดเห็น