จากกรณีที่ประชุมร่วมรัฐสภา เมื่อคืนวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้พิจารณา ร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 291/6 ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการให้อำนาจประธานรัฐสภา กำหนดกรอบการพิจารณาคัดเลือก ส.ส.ร. 22 คน ในส่วนที่มาจากนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ โดยนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการประท้วง เนื่องจากได้ซักถามข้อข้องใจ และขอคำตอบจากประธานกรรมาธิการฯ (กมธ.) แต่ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมขณะนั้น ได้รวบรัดให้มีการลงมติ โดยไม่สนใจผู้ประท้วง และเมื่อลงมติเสร็จก็ปิดประชุมทันที
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ประธานรัฐสภาในขณะนั้นไม่รับฟังการประท้วงของตนเอง แม้ว่าตนจะเดินไปบริเวณด้านหน้า และยกมือประท้วงเสียงดัง แต่ประธานรัฐสภากลับไม่สนใจ เรียกลงมติทันที ซึ่งการกระทำเช่นนี้ เป็นเผด็จการอย่างแท้จริง จึงอยากให้ประชาชนทราบว่า รัฐสภาในขณะนี้ ไม่ได้อยู่ในสภาวะปกติ แต่กำลังถูกครอบงำจากฝ่ายรัฐบาล
นายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายสมศักดิ์ มีพฤติกรรมที่ขัดขวางการทำหน้าที่ของสมาชิก ทั้งที่สมาชิกมีอำนาจ หน้าที่ ตามข้อบังคับ ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ฉะนั้นนายสมศักดิ์ ควรจะพิจารณาตัวเอง ในการทำหน้าที่ประธานสภาฯ เพราะไม่สามารถทำให้การประชุมมีประสิทธิภาพได้ ซึ่งเรื่องการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ประธานกลับทำหน้าที่ด้วยความไม่เป็นธรรม
นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายสมศักดิ์ มีการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่สอดคล้องกับพรรคเพื่อไทย แลโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเห็นถึงความไม่เป็นกลาง อย่างเช่น การอภิปรายเมื่อคืนวันที่ 1 พ.ค. ก่อนหน้าคนสุดท้าย ผู้อภิปราย อภิปรายแบบไม่มีประเด็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีแต่การชื่นชมการทำหน้าที่ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งประธานสภาฯ กลับปล่อยให้มีการอภิปรายถึง 5 นาที แต่พอทาง ส.ส.พรรคฝ่ายค้านจะกล่าวเข้าสู่การอภิปราย เนื่องจาก มาตรา 291/7 ถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก ก็จำเป็นต้องอธิบายก่อนการอภิปราย แต่กลับโดนนายสมศักดิ์ เบรกอยู่บ่อยครั้ง เพราะฉะนั้นทางฝ่ายค้านจะรวบรวมหลักฐานเพื่อยื่นต่อผู้ตรวจการ ให้ดำเนินการตรวจสอบการทำหน้าที่ของ นายสมศักดิ์
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมครั้งนี้เร่งรัด เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตามที่ตนแปรญัตติไว้ ซึ่งหากยังดึงดันที่จะเดินหน้าแก้ไขต่อ ก็จะยิ่งเจออุปสรรค โดยขณะนี้ตนเห็นว่า มีการกระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญ 5 เรื่อง จะทำให้การแก้รัฐธรรมนูญเป็นโมฆะ คือในชั้นของคณะกมธ. มีการปรับมติใน มาตรา 291/1 โดยไม่มีเหตุผล และในวันที่เรียกผู้แปรญัตติเข้าไปชี้แจง ก็ส่งผลให้การประชุมสภาในวันนั้น มีองค์ประชุมไม่ครบ
ส่วนรายงานของกมธ.ที่เข้าสู่ขั้นตอนของรัฐสภา ก็ไม่ถูกต้องเพราะไม่ผ่านการรับรองของที่ประชุมรัฐสภา อีกทั้งยังมีการกดบัตรแทนกัน ซึ่งชี้ให้เห็นว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่ถูกต้อง ผิดต่อข้อบังคับ รวมถึงกรณีที่ประธานรัฐสภาไม่เปิดโอกาสให้ นายบุญยอด ได้ประท้วง และขอคำชี้แจงจากกมธ. ก็เป็นการผิดข้อบังคับ ซึ่งพฤติกรรมนี้ เป็นการเอาใจนายใหญ่ เพื่อให้การประชุมเสร็จสิ้นโดยเร็ว โดยไม่คำนึงถึงข้อบังคับ
ดังนั้น หากการพิจารณาผ่านวาระ 3 ไปแล้ว ตนก็จะรวบรวมข้อมูลการทำผิดทั้งหมด เพื่อยื่นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา ว่าการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้จะเป็นโมฆะหรือไม่
** จี้กมธ.จริยธรรมลงโทษ"บุญยอด"
นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวถึง พฤติกรรมก่อการลงมติ มาตรา 291/6 ในช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา ที่นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประถชาธิปัตย์ พยายามยื้อ เพื่อไม่ให้มีการลงมติ ซึ่งมีการตะโกน และกล่าวหา พร้อมแสดงท่าทางที่จะสื่อว่านายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เป็นฮิตเลอร์นั้น ตนถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เพราะ นายสมศักดิ์ไม่เคยฆ่าใคร นายบุญยอด น่าจะไปถามนายอภิสิทธิ์มากกว่า การกระทำของนายบุญยอด ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ตนเกรงว่า จะเกิดเหตุการพกพาอาวุธเข้ามาในสภา และทำร้ายคนอื่น เหมือนกับกรณีที่ ส.ส.ประชาธิปัตย์คนหนึ่ง ที่ยิงคู่แข่งทางการเมืองมาแล้ว
นายก่อแก้ว กล่าวด้วยว่า ตนอยากเรียกร้องไปยังคณะกรรมาธิการจริยธรรมของสภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของนายบุญยอดด้วย เพราะในเวลานี้ภาพลักษณ์ของสภาฯ ก็ดูย่ำแย่อยู่แล้ว และ ถ้ายังเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก สุดท้ายสภาฯ ก็จะไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ฝ่ายตรงข้ามต้องการลากการอภิปรายในสภาให้ยาว ซึ่งคนที่จะเบื่อก็คือฝ่าย ส.ว. และพอเบื่อส.ว.ก็จะไม่มาประชุม ทำให้องค์ประชุมไม่ครบ อาจทำให้ประธานรัฐสภา ต้องหยุดการประชุม หรือ ปิดการประชุม จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการไม่ให้ความสำคัญกับการแก้รัฐธรรมนูญ อย่างแท้จริง โดยฝ่ายตรงข้ามเขาต้องการทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกร่วมกับเขา ที่ไม่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
"เดี๋ยวผมจะไปซื้อวิทยุเสียบหู มานั่งเพลงในสภา เขาจะพูดก็พูดไป พอพูดจบ ก็เอาหูออกแล้วก็ยกมือ ตรงนี้เป็นการแสดงออกว่า ไม่สนใจที่จะฟัง อั๊วจะฟังเพลง มันถึงจะมัน มันต้องแก้เผ็ด" นายปลอดประสพ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายปลอดประสพ มั่นใจว่า กระบวนการรัฐสภา จะสามารถทำคลอดรัฐธรรมนูญใหม่ได้ เพียงแต่จะออกที่โรงพยาบาล บ้าน หรือ ที่รถเท่านั้นเอง โดยยืนยันไม่มีทางแท้ง เพราะเกินอายุแท้งแล้ว
ใคร
** "ค้อนปลอม"หน่ายอภิปรายซ้ำซาก
ด้านนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา กล่าวถึง กรอบระยะการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมในวันอังคาร พฤหัสบดี และศุกร์ น่าจะพิจารณาเสร็จ เนื่องจากยังเหลือมาตราสำคัญ คือ มาตรา 291/11 - 291/13 ถือว่าเหลือเวลาที่อีก 5 วัน ไม่ถือเป็นการเร่งรัด เพราะผู้ที่สงวนคำแปรญัตติ ยังอภิปรายในประเด็นที่ซ้ำๆ กัน หากฟังเพียง 2 คน ก็น่าจะได้ประเด็นครบถ้วน เนื่องจากขณะนี้เหลือผู้สงวนคำแปรญัตติประมาณ 50 คน
ทั้งนี้ส่วนตัวเป็นห่วงการอภิปรายของสมาชิก ที่มีการใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ เพราะเรื่องดังกล่าวมีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม หากมีการใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ ตนก็จะตักเตือน และให้ถอนคำพูด แต่ถ้ายังไม่ปฏิบัติตาม ก็เป็นหน้าที่ของสมาชิกในการส่งเรื่องมาที่ตน เพื่อส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการจริยธรรมตรวจสอบ
นอกจากนี้ ยืนยันว่าการประชุมตลอด 9 วันที่ผ่านมา ได้เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าทางสภาไม่ได้เร่งรัดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนเรื่องของการถ่ายทอดสดการประชุมนั้น ตนยังเห็นว่าควรที่จะมีการถ่ายทอดสดต่อไป
**วอนนักการเมืองยึดประมวลจริยธรรม
นางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีที่มีสมาชิกรัฐสภาแสดงพฤติกรรม หรือกล่าววาจาไม่เหมาะสมในระหว่างการประชุมร่วมรัฐสภาว่า อยากจะขอฝากไปยังผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้ระมัดระวังในเรื่องของการแสดงออกไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมทางกายหรือทางวาจา เนื่องจากการประชุมดังกล่าว มีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ มีประชาชนจำนวนมากติดตาม ถ้าหากมีการแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมหรือมีการพูดจาที่ล่อแหลม ไม่สุภาพ ก็อาจจะส่งผลให้ประชาชนเบื่อหน่ายการเมืองไปเลยก็ได้
ดังนั้นจึงอยากขอให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองการทุกคนรักษาและระมัดระวังพฤติกรรมในการแสดงออกให้มากกว่านี้ และควรให้ความสำคัญและเคร่งครัดปฏิบัติตนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ.2551 ซึ่งมีการเขียนระบุไว้ชัดเจน สำหรับจริยธรรมของผู้ที่เข้ามาทำงานการเมือง ฉะนั้นอย่ามองเป็นเพียงแค่เศษกระดาษที่อาจจะปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติก็ได้
" ถ้าเมื่อใดทุกคนช่วยกันปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมอย่างจริงจัง และเคร่งครัด ไม่ทำตัวนอกรีต นอกรอย และเห็นความสำคัญของส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว เชื่อว่าปัญหาในการแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมเหล่านี้ก็จะค่อยๆ ลดลง ประชาชนก็จะให้ความน่าเชื่อถือในตัวนักการเมืองมากยิ่งขึ้น รวมทั้งประเทศชาติก็จะได้ประโยชน์และเดินหน้าไปในทางที่ดี" ปธ.ผู้ตรวจการฯ กล่าว
-----------------
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ประธานรัฐสภาในขณะนั้นไม่รับฟังการประท้วงของตนเอง แม้ว่าตนจะเดินไปบริเวณด้านหน้า และยกมือประท้วงเสียงดัง แต่ประธานรัฐสภากลับไม่สนใจ เรียกลงมติทันที ซึ่งการกระทำเช่นนี้ เป็นเผด็จการอย่างแท้จริง จึงอยากให้ประชาชนทราบว่า รัฐสภาในขณะนี้ ไม่ได้อยู่ในสภาวะปกติ แต่กำลังถูกครอบงำจากฝ่ายรัฐบาล
นายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายสมศักดิ์ มีพฤติกรรมที่ขัดขวางการทำหน้าที่ของสมาชิก ทั้งที่สมาชิกมีอำนาจ หน้าที่ ตามข้อบังคับ ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ฉะนั้นนายสมศักดิ์ ควรจะพิจารณาตัวเอง ในการทำหน้าที่ประธานสภาฯ เพราะไม่สามารถทำให้การประชุมมีประสิทธิภาพได้ ซึ่งเรื่องการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ประธานกลับทำหน้าที่ด้วยความไม่เป็นธรรม
นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายสมศักดิ์ มีการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่สอดคล้องกับพรรคเพื่อไทย แลโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเห็นถึงความไม่เป็นกลาง อย่างเช่น การอภิปรายเมื่อคืนวันที่ 1 พ.ค. ก่อนหน้าคนสุดท้าย ผู้อภิปราย อภิปรายแบบไม่มีประเด็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีแต่การชื่นชมการทำหน้าที่ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งประธานสภาฯ กลับปล่อยให้มีการอภิปรายถึง 5 นาที แต่พอทาง ส.ส.พรรคฝ่ายค้านจะกล่าวเข้าสู่การอภิปราย เนื่องจาก มาตรา 291/7 ถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก ก็จำเป็นต้องอธิบายก่อนการอภิปราย แต่กลับโดนนายสมศักดิ์ เบรกอยู่บ่อยครั้ง เพราะฉะนั้นทางฝ่ายค้านจะรวบรวมหลักฐานเพื่อยื่นต่อผู้ตรวจการ ให้ดำเนินการตรวจสอบการทำหน้าที่ของ นายสมศักดิ์
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมครั้งนี้เร่งรัด เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตามที่ตนแปรญัตติไว้ ซึ่งหากยังดึงดันที่จะเดินหน้าแก้ไขต่อ ก็จะยิ่งเจออุปสรรค โดยขณะนี้ตนเห็นว่า มีการกระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญ 5 เรื่อง จะทำให้การแก้รัฐธรรมนูญเป็นโมฆะ คือในชั้นของคณะกมธ. มีการปรับมติใน มาตรา 291/1 โดยไม่มีเหตุผล และในวันที่เรียกผู้แปรญัตติเข้าไปชี้แจง ก็ส่งผลให้การประชุมสภาในวันนั้น มีองค์ประชุมไม่ครบ
ส่วนรายงานของกมธ.ที่เข้าสู่ขั้นตอนของรัฐสภา ก็ไม่ถูกต้องเพราะไม่ผ่านการรับรองของที่ประชุมรัฐสภา อีกทั้งยังมีการกดบัตรแทนกัน ซึ่งชี้ให้เห็นว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่ถูกต้อง ผิดต่อข้อบังคับ รวมถึงกรณีที่ประธานรัฐสภาไม่เปิดโอกาสให้ นายบุญยอด ได้ประท้วง และขอคำชี้แจงจากกมธ. ก็เป็นการผิดข้อบังคับ ซึ่งพฤติกรรมนี้ เป็นการเอาใจนายใหญ่ เพื่อให้การประชุมเสร็จสิ้นโดยเร็ว โดยไม่คำนึงถึงข้อบังคับ
ดังนั้น หากการพิจารณาผ่านวาระ 3 ไปแล้ว ตนก็จะรวบรวมข้อมูลการทำผิดทั้งหมด เพื่อยื่นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา ว่าการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้จะเป็นโมฆะหรือไม่
** จี้กมธ.จริยธรรมลงโทษ"บุญยอด"
นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวถึง พฤติกรรมก่อการลงมติ มาตรา 291/6 ในช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา ที่นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประถชาธิปัตย์ พยายามยื้อ เพื่อไม่ให้มีการลงมติ ซึ่งมีการตะโกน และกล่าวหา พร้อมแสดงท่าทางที่จะสื่อว่านายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เป็นฮิตเลอร์นั้น ตนถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เพราะ นายสมศักดิ์ไม่เคยฆ่าใคร นายบุญยอด น่าจะไปถามนายอภิสิทธิ์มากกว่า การกระทำของนายบุญยอด ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ตนเกรงว่า จะเกิดเหตุการพกพาอาวุธเข้ามาในสภา และทำร้ายคนอื่น เหมือนกับกรณีที่ ส.ส.ประชาธิปัตย์คนหนึ่ง ที่ยิงคู่แข่งทางการเมืองมาแล้ว
นายก่อแก้ว กล่าวด้วยว่า ตนอยากเรียกร้องไปยังคณะกรรมาธิการจริยธรรมของสภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของนายบุญยอดด้วย เพราะในเวลานี้ภาพลักษณ์ของสภาฯ ก็ดูย่ำแย่อยู่แล้ว และ ถ้ายังเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก สุดท้ายสภาฯ ก็จะไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ฝ่ายตรงข้ามต้องการลากการอภิปรายในสภาให้ยาว ซึ่งคนที่จะเบื่อก็คือฝ่าย ส.ว. และพอเบื่อส.ว.ก็จะไม่มาประชุม ทำให้องค์ประชุมไม่ครบ อาจทำให้ประธานรัฐสภา ต้องหยุดการประชุม หรือ ปิดการประชุม จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการไม่ให้ความสำคัญกับการแก้รัฐธรรมนูญ อย่างแท้จริง โดยฝ่ายตรงข้ามเขาต้องการทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกร่วมกับเขา ที่ไม่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
"เดี๋ยวผมจะไปซื้อวิทยุเสียบหู มานั่งเพลงในสภา เขาจะพูดก็พูดไป พอพูดจบ ก็เอาหูออกแล้วก็ยกมือ ตรงนี้เป็นการแสดงออกว่า ไม่สนใจที่จะฟัง อั๊วจะฟังเพลง มันถึงจะมัน มันต้องแก้เผ็ด" นายปลอดประสพ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายปลอดประสพ มั่นใจว่า กระบวนการรัฐสภา จะสามารถทำคลอดรัฐธรรมนูญใหม่ได้ เพียงแต่จะออกที่โรงพยาบาล บ้าน หรือ ที่รถเท่านั้นเอง โดยยืนยันไม่มีทางแท้ง เพราะเกินอายุแท้งแล้ว
ใคร
** "ค้อนปลอม"หน่ายอภิปรายซ้ำซาก
ด้านนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา กล่าวถึง กรอบระยะการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมในวันอังคาร พฤหัสบดี และศุกร์ น่าจะพิจารณาเสร็จ เนื่องจากยังเหลือมาตราสำคัญ คือ มาตรา 291/11 - 291/13 ถือว่าเหลือเวลาที่อีก 5 วัน ไม่ถือเป็นการเร่งรัด เพราะผู้ที่สงวนคำแปรญัตติ ยังอภิปรายในประเด็นที่ซ้ำๆ กัน หากฟังเพียง 2 คน ก็น่าจะได้ประเด็นครบถ้วน เนื่องจากขณะนี้เหลือผู้สงวนคำแปรญัตติประมาณ 50 คน
ทั้งนี้ส่วนตัวเป็นห่วงการอภิปรายของสมาชิก ที่มีการใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ เพราะเรื่องดังกล่าวมีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม หากมีการใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ ตนก็จะตักเตือน และให้ถอนคำพูด แต่ถ้ายังไม่ปฏิบัติตาม ก็เป็นหน้าที่ของสมาชิกในการส่งเรื่องมาที่ตน เพื่อส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการจริยธรรมตรวจสอบ
นอกจากนี้ ยืนยันว่าการประชุมตลอด 9 วันที่ผ่านมา ได้เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าทางสภาไม่ได้เร่งรัดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนเรื่องของการถ่ายทอดสดการประชุมนั้น ตนยังเห็นว่าควรที่จะมีการถ่ายทอดสดต่อไป
**วอนนักการเมืองยึดประมวลจริยธรรม
นางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีที่มีสมาชิกรัฐสภาแสดงพฤติกรรม หรือกล่าววาจาไม่เหมาะสมในระหว่างการประชุมร่วมรัฐสภาว่า อยากจะขอฝากไปยังผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้ระมัดระวังในเรื่องของการแสดงออกไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมทางกายหรือทางวาจา เนื่องจากการประชุมดังกล่าว มีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ มีประชาชนจำนวนมากติดตาม ถ้าหากมีการแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมหรือมีการพูดจาที่ล่อแหลม ไม่สุภาพ ก็อาจจะส่งผลให้ประชาชนเบื่อหน่ายการเมืองไปเลยก็ได้
ดังนั้นจึงอยากขอให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองการทุกคนรักษาและระมัดระวังพฤติกรรมในการแสดงออกให้มากกว่านี้ และควรให้ความสำคัญและเคร่งครัดปฏิบัติตนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ.2551 ซึ่งมีการเขียนระบุไว้ชัดเจน สำหรับจริยธรรมของผู้ที่เข้ามาทำงานการเมือง ฉะนั้นอย่ามองเป็นเพียงแค่เศษกระดาษที่อาจจะปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติก็ได้
" ถ้าเมื่อใดทุกคนช่วยกันปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมอย่างจริงจัง และเคร่งครัด ไม่ทำตัวนอกรีต นอกรอย และเห็นความสำคัญของส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว เชื่อว่าปัญหาในการแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมเหล่านี้ก็จะค่อยๆ ลดลง ประชาชนก็จะให้ความน่าเชื่อถือในตัวนักการเมืองมากยิ่งขึ้น รวมทั้งประเทศชาติก็จะได้ประโยชน์และเดินหน้าไปในทางที่ดี" ปธ.ผู้ตรวจการฯ กล่าว
-----------------