ประธานสภาฯ คาดสัปดาห์หน้าประชุมร่วมรัฐสภาแก้รัฐธรรมนูญวาระ 2 เสร็จ ยันไม่เร่ง ห่วงสมาชิกอภิปรายไม่สุภาพ แย้มโยนเด็กชงเรื่องสอบจริยธรรม ยันต้องถ่ายสด อ้างช่อง 11 ติดโฆษณาถ่ายไม่ได้ แย้ม “นิวัฒน์ธำรง” ประสานขอไทยพีบีเอสช่วยแล้ว ด้าน “บุญยอด” ซัด “ค้อนปลอม” เผด็จการ เมินฟังประท้วง
วันนี้ (3 พ.ค.) ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรอบระยะการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมในวันอังคาร พฤหัสบดี และศุกร์ น่าจะพิจารณาเสร็จ เนื่องจากยังคงเหลือมาตราสำคัญ คือ มาตรา 291/11 - 291/13 ถือว่าเหลือเวลาที่อีก 5 วัน ไม่ถือเป็นการเร่งรัด เพราะผู้ที่สงวนคำแปรญัตติ ยังอภิปรายในประเด็นที่ซ้ำๆ กัน หากฟังเพียง 2 คนก็น่าจะได้ประเด็นครบถ้วน เนื่องจากขณะนี้เหลือผู้สงวนคำแปรญัตติประมาน 50 คน ทั้งนี้ ส่วนตัวเป็นห่วงการอภิปรายของสมาชิกที่มีการใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ เพราะเรื่องดังกล่าวมีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ อย่างไรก็ตามหากมีการใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ เบื้องต้นตนก็จะตักเตือนและให้ถอนคำพูด แต่ถ้ายังไม่ปฏิบัติตามก็เป็นหน้าที่ของสมาชิกในการส่งเรื่องมาที่ตน เพื่อส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการจริยธรรมตรวจสอบ
นายสมศักดิ์กล่าวว่า นอกจากนี้ยืนยันว่าการประชุม ตลอด 9 วันที่ผ่านมาก็ได้เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าทางสภาไม่ได้เร่งรัดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนเรื่องของการถ่ายทอดสดการประชุมรัฐสภานั้น ตนยังเห็นว่าควรที่จะมีการถ่ายทอดสด เพราะเรื่องรัฐธรรมนูญถือเป็นเรื่องสำคัญและมีการถ่ายทอดสดมาอยู่ตั้งแต่ต้นแล้ว จึงควรที่จะมีการถ่ายทอดสดต่อไป ขณะที่เรื่องของที่ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ติดปัญหาที่มีโฆษณาที่ซื้อไว้แล้วก็ต้องมีการแก้ไขต่อไป เบื้องต้นได้ให้ รมต.สำนักนายกฯ ได้ประสานไปทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เพื่อมาแบ่งเบาถ่ายทอดสด
ด้าน นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการอภิปรายระหว่างการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ประธานรัฐสภาในขณะนั้นไม่รับฟังการประท้วงของตน แม้ว่าจะเดินไปบริเวณด้านหน้าและยกมือประท้วงเสียงดัง แต่ประธานรัฐสภากลับไม่สนใจเรียกลงมติทันที ซึ่งการกระทำเช่นนี้เห็นว่าเป็นเผด็จการอย่างแท้จริง เพราะไม่มีการเปิดโอกาส ซึ่งตนอยากให้ประชาชนทราบว่า รัฐสภาในขณะนี้ไม่ได้อยู่ในสภาวะปกติ แต่กำลังถูกครอบงำ ซึ่งการแปรญัตติก็ต้องฟังกันที่เนื้อหาสาระ ไม่ใช่การกำหนดเวลาโดยคำนวนจากคำที่แปรญัตติ เพราะคำเพียงคำเดียวก็อาจมีความหมายมาก
